รายงานจาก Deloitte ฉบับล่าสุด ระบุว่า ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกมีการบริโภคแม้จะอยู่ที่บ้าน หรือที่เรียกว่า at home consumption เพิ่มสูงขึ้น เช่น การซื้อของออนไลน์และการพบแพทย์ทางไกลผ่านเทเลเมดิซีนก็เพิ่มสูงขึ้น ทำให้มีแนวโน้มสูงที่มูลค่าตลาดรายปีจะไปแตะ 3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายในปี 2025 ซึ่งจากการวิเคราะห์ของ Deloitte พบว่ามีความเป็นไปได้ที่จะมีการเติบโตมากขึ้นถึง 20% จากสถานการณ์ปกติก่อนเกิดการระบาด ขณะที่ ส่วนการบริโภคที่บ้านที่เพิ่มขึ้น ประมาณ 30% มาจากรายได้ของ 6 ภาคส่วนที่มีบทบาทมากที่สุดประกอบด้วย บริการด้านการเงิน การพักผ่อนและนันทนาการ การศึกษา สุขภาพ อาหารและเครื่องดื่ม และสินค้าอุปโภคบริโภค การบริโภคที่บ้านเพิ่มขึ้นเป็นปัจจัยกระตุ้นและเปิดโอกาสให้บริษัทต่างๆ เปลี่ยนรูปแบบธุรกิจของตนเองเพื่อปลดล็อก และทำให้เกิดมูลค่าที่เพิ่มขึ้นอย่างไม่คาดคิดของระบบเศรษฐกิจแบบไร้การสัมผัส อย่างไรก็ตาม ผู้นำธุรกิจอาจเผชิญความท้าทายในการตัดสินใจที่สำคัญหลายประการ เพื่อจัดการกับความซับซ้อนและความเสี่ยงใหม่ๆ ที่อาจเกิดขึ้น เช่น ความซับซ้อนในการระบุกลุ่มลูกค้าขององค์กร ประเด็นเกี่ยวกับความไว้วางใจและเทคโนโลยีเดิมที่ใช้อาจยังคงขัดขวางการเปลี่ยนแปลงใหม่ๆ

สำนักข่าว Reuters รายงานว่า หน่วยงานกำกับการบินในยุโรป ออกมาเผยว่า ยุโรปอาจจะได้เห็นแท็กซี่บินได้ลำแรกให้บริการในช่วงต้นปี 2024 ทั้งนี้ มีบริษัทยุโรปมากกว่า 6 แห่ง ที่ประกาศพัฒนายานพาหนะเคลื่อนที่ทางอากาศในเมืองสำหรับผู้โดยสารใช้หรือการขนส่งสินค้าไร้คนขับ เช่น ใช้ส่งอุปทานทางการแพทย์ Patrick Ky กรรมการบริหาร สำนักงานความปลอดภัยการบินของสหภาพยุโรป หรือ EASA กล่าวว่า เขาเชื่อว่าการใช้แท็กซี่ทางอากาศเชิงพาณิชย์จะเริ่มได้ในปี 2024 หรือปี 2025 EASA มีการอ้างอิงว่า ตลาดยานพาหนะเคลื่อนที่ทางอากาศในเมืองในยุโรปจะมีมูลค่า 4,200 ล้านยูโร ในปี 2030 สร้างงานถึง 90,000 งาน และประมาณ 31% ของเทคโนโลยีใหม่ในตลาดโลกนี้จะอยู่ในยุโรป Ky กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า ที่ผ่านมา EASA มีการเริ่มกระบวนการรับรองการออกแบบและคาดการณ์ว่าจะอนุมัติครั้งแรกให้กับเครื่องจักรน้ำหนักเบานี้ประมาณปี 2024 Volocopter ซึ่งเป็นสตาร์ทอัพสัญชาติเยอรมันและเป็นผู้สนับสนุนโครงการอื่นๆ เช่น Aeroports de Paris […]