กนง. มีมติเป็นเอกฉันท์ (7:0) เห็นควรให้ คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 2.25%
โดย ดร.มิ่งขวัญ ทองพฤกษา Chief Economist, BBLAM Event คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติเป็นเอกฉันท์ (7:0) เห็นควรให้ คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 2.25% ในการประชุมเดือนธ.ค. หลังจากสร้างความประหลาดใจให้กับตลาด ด้วยการลดดอกเบี้ยลง 25 bps ในการประชุมครั้งก่อนเดือนต.ค. ในครั้งนี้ กนง. มองว่า อัตราดอกเบี้ยปัจจุบันยังอยู่ในระดับที่สอดคล้องกับแนวโน้มเศรษฐกิจและเป้าหมายเงินเฟ้อ การตัดสินใจครั้งนี้เกิดขึ้นท่ามกลางอัตราเงินเฟ้อและการเติบโตของ GDP ที่เร่งตัวขึ้น โดยอัตราเงินเฟ้อผู้บริโภคที่เคยต่ำกว่าเป้าหมายของธนาคารกลางเกือบตลอดทั้งปีนี้ ปรับตัวขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 6 เดือนที่ 0.95% ในเดือนพ.ย. ใกล้เคียงกับขอบล่างของช่วงเป้าหมายที่ 1-3% ขณะที่ เศรษฐกิจเติบโต 3% YoY ในไตรมาส 3/2024 ซึ่งเป็นการเติบโตต่อปีที่แข็งแกร่งที่สุดนับตั้งแต่ไตรมาส 3/2022 โดยได้รับแรงหนุนจากการใช้จ่ายของรัฐบาลและการลงทุน ประมาณการเศรษฐกิจและเงินเฟ้อ กนง.มองว่า เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวที่ 2.7% ในปี 2024 และ […]
แบงก์ชาติเกาหลีชี้ยุคเงินเฟ้อต่ำยังไม่เกิดในอีก 1-2 ปีข้างหน้า คงเป้าเงินเฟ้อที่ 2%
รี ชางยง ผู้ว่าการธนาคารกลางเกาหลีใต้ (BOK) เปิดเผยในวันนี้ (18 ธ.ค.) ว่า BOK จะคงเป้าหมายเงินเฟ้อไว้ที่ระดับ 2% ต่อไปจนกว่าจะทบทวนนโยบายครั้งถัดไป เนื่องจากยุคของ “เงินเฟ้อต่ำ” ไม่มีแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นใน 1 หรือ 2 ปีข้างหน้า “BOK ได้ตัดสินใจร่วมกับรัฐบาลว่า จะยังคงเป้าหมายในการรักษาเสถียรภาพของราคาไว้ที่ 2% จนกว่าจะมีการทบทวนครั้งต่อไป” รี กล่าว รี ระบุว่า กลไกในการรักษาเสถียรภาพของเงินเฟ้อที่ระดับสูงในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานั้นมีประสิทธิภาพ และคาดว่าเงินเฟ้อจะอยู่ในระดับที่มีเสถียรภาพในอีก 2 ปีข้างหน้า เช่นเดียวกับธนาคารกลางรายใหญ่อื่นๆ ที่ยังคงเป้าหมายเงินเฟ้อไว้ที่ระดับ 2% รี กล่าวในการแถลงข่าวหลังการทบทวนรายครึ่งปีเกี่ยวกับนโยบายการเงินที่มุ่งควบคุมเงินเฟ้อว่า BOK จะยังคงประเมินต่อไปว่า มีความจำเป็นต้องปรับปรุงระบบการกำหนดเป้าหมายเงินเฟ้อหรือไม่ ตามข้อมูลของ BOK นั้น เศรษฐกิจไม่มีแนวโน้มที่จะเข้าสู่ช่วงเงินเฟ้อต่ำในระดับที่ต่ำกว่า 1% ใน 1 หรือ 2 ปีข้างหน้า” […]
Economic Update: สรุปประชุมเศรษฐกิจสำคัญของจีน
โดย ดร.มิ่งขวัญ ทองพฤกษา Chief Economist, BBLAM ผลการประชุมงานเศรษฐกิจกลาง (Central Economic Work Conference) เมื่อวันที่ 12 ธ.ค. 2024 สอดคล้องกับท่าทีของ Politburo Meeting ที่มุ่งเน้นการกระตุ้นเชิงนโยบาย เจ้าหน้าที่ระดับสูงระบุว่า การเปลี่ยนแปลงนโยบายครั้งนี้ถือเป็น “การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่” พร้อมแสดงความมั่นใจว่า จีนจะสามารถบรรลุเป้าหมายการเติบโตทางเศรษฐกิจได้ โดยจะใช้นโยบายกระตุ้นผ่านการบริโภคภายในประเทศและการฟื้นฟูความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจ ทางการจีนได้จัดการประชุม Politburo Meeting ไปเมื่อวันที่ 9 ธ.ค. 2024 ต่อด้วยการประชุมงานเศรษฐกิจกลาง (Central Economic Work Conference หรือ CEWC) เมื่อวันที่ 12 ธ.ค. 2024 ตามลำดับ เพื่อกำหนดแนวทางนโยบายสำหรับปี 2025 หลังจากนั้น เมื่อวันที่ 14 ธ.ค. […]
BBLAM เสนอขาย IPO ‘กองทุนรวมบัวหลวงธนรัฐ 24/24’ วันที่ 19-23 ธ.ค. 2567
BBLAM เสนอขาย IPO กองทุนรวมบัวหลวงธนรัฐ 24/24 หรือ Bualuang Thanarat 24/24 เน้นลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐ IPO 19-23 ธันวาคม 2567 รายงานข่าวจาก บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม บัวหลวง จำกัด หรือ BBLAM เปิดเผยว่า BBLAM เสนอขายหน่วยลงทุนครั้งแรก (IPO) กองทุนรวมบัวหลวงธนรัฐ 24/24 หรือ Bualuang Thanarat 24/24 (B24/24) อายุประมาณ 6 เดือน ประมาณการผลตอบแทน 1.80% ต่อปี ขนาดโครงการ 8,000 ล้านบาท โดยเสนอขายในราคา 10 บาทต่อหน่วย และผู้ลงทุนจะต้องจองซื้อครั้งแรกขั้นต่ำ 10,000 บาท สำหรับ บัวหลวงธนรัฐ 24/24 จะนำเงินไปลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐ […]
Fund Comment พฤศจิกายน 2024: ภาพรวมตลาดหุ้น
ตลาดหุ้นโลกในเดือนพฤศจิกายนปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้า หลังจากการประกาศผลการเลือกตั้งของสหรัฐฯโดยมีนายโดนัลด์ ทรัมป์ เข้ามาเป็นประธานาธิบดีเป็นคนถัดไป ส่งผลให้ตลาดเกิดความคาดหวังต่อนโยบายทางเศรษฐกิจของทรัมป์ที่จะมีขึ้นในระยะต่อจากนี้ อาทิ การลดภาษี Corporate Tax ลงเหลือ 15% รวมถึงการลดความเข้มงวดของกฎระเบียบต่างๆ ในภาคธุรกิจลง ซึ่งจะมีส่วนช่วยให้ภาพของเศรษฐกิจสหรัฐฯ มีพัฒนาการที่ดีขึ้น ส่งผลให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่ในช่วงแรกของเดือน แต่ในทางกลับกันราคาทองคำและตลาดหุ้นเกิดใหม่กลับปรับตัวลดลง จากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่แข็งตัวขึ้น ประกอบกับความกังวลเกี่ยวกับกำแพงภาษีที่อาจจะมีขึ้นในอนาคต จึงเป็นตัวกดดันระยะสั้นให้กับตลาดหุ้นเกิดใหม่ และต่อมาการประชุมของ FED ที่มีขึ้นหลังจากการเลือกตั้ง โดยผลที่ออกมาก็เป็นไปตามที่ตลาดคาดไว้ โดยลดดอกเบี้ยนโยบายลง 25 bps แต่ในขณะเดียวกัน ถ้อยแถลงของ FED เริ่มมีความไม่มั่นใจต่อเงินเฟ้อที่จะลงสู่เป้าหมายที่ 2% มากขึ้น ทำให้ตลาดมองว่า โอกาสในการปรับลดดอกเบี้ยในการประชุมในครั้งถัดไปมีลดลง ส่งผลให้ตลาดหุ้นปรับตัวลงเล็กน้อยในช่วงกลางเดือนพฤศจิกายนก่อนที่จะปรับตัวขึ้นอีกครั้ง หลังจากการประกาศตัวเลขทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ที่ออกมามีความผสมผสาน ทั้งตัวเลขเงินเฟ้อที่ขยับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ในขณะที่ตัวเลขการจ้างงานยังไม่มีความน่ากังวล ทำให้โดยภาพรวมแล้วเศรษฐกิจยังถือว่าเติบโตได้ ส่งผลให้ความเชื่อมั่นกับการปรับลดดอกเบี้ยในเดือนธันวาคมกลับมาเพิ่มขึ้นอีกครั้ง โดยจากภาพรวมแล้วเรายังมีมุมมองเชิงบวกต่อตลาดหุ้นโลก จากท่าทีนโยบายของทรัมป์ที่อาจจะไม่ได้มีความเข้มงวดเท่ากับที่ตลาดมองไว้ อีกทั้งยังมีนโยบายสนับสนุนกลุ่มอุตสาหกรรมต่างๆ ในสหรัฐฯ เช่น หุ้นในกลุ่มเทคโนโลยี หุ้นกลุ่มการเงิน […]
ดัชนีตลาดหุ้นไทยวันที่ 17 ธ.ค. 2024 ปิดตลาดที่ 1,395.57 จุด ลดลง 24.15 จุด (-1.70%)
ดัชนีตลาดหุ้นไทยวันที่ 17 ธ.ค. 2024 ปิดตลาดที่ 1,395.57 จุด ลดลง 24.15 จุด (-1.70%) ระหว่างวัน ดัชนีต่ำสุดที่ 1,393.94 จุด และสูงสุดที่ 1,421.65 จุด มูลค่าการซื้อขาย 55,163.20 ล้านบาท หลักทรัพย์ที่มีการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับ ได้แก่ CPALL ปิดที่ 56.25 บาท ลดลง 2.75 (-4.66%) มูลค่าการซื้อขาย 6,981.20 ล้านบาท DELTA ปิดที่ 151.00 บาท มูลค่าการซื้อขาย 2,615.76 ล้านบาท CCET ปิดที่ 10.70 บาท เพิ่มขึ้น 1.50 (+10.88%) มูลค่าการซื้อขาย 2,579.41 ล้านบาท […]
หลี่ เฉียง นายกฯ จีนสั่งดำเนินการแผนงานเศรษฐกิจปี 2025 อย่างเร่งด่วน
ในการประชุมคณะรัฐมนตรี หลี่ เฉียง นายกรัฐมนตรีจีนสั่งการให้เจ้าหน้าที่รีบดำเนินการตามแผนงานเศรษฐกิจปี 2025 โดยเร็ว รวมถึงเผยแผนปรับปรุงการบริหารจัดการพันธบัตรพิเศษของรัฐบาลมณฑล บลูมเบิร์ก (Bloomberg) รายงานว่า หลี่ เฉียง (Li Qiang) นายกรัฐมนตรีจีนเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่รัฐบาลดำเนินตามแผนงานเศรษฐกิจที่สำคัญสำหรับปีหน้าอย่างเร่งด่วน หลังจากที่ผู้นำระดับสูงส่งสัญญาณการกระตุ้นเศรษฐกิจที่มากยิ่งขึ้นสำหรับปี 2025 เมื่อวาน (17 ธันวาคม) นายหลี่ในฐานะประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (State Council of the People’s Republic of China) กล่าวว่า กระทรวงต่างๆ จะต้องดำเนินการเชิงรุกและดำเนินการให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ในการดำเนินการตามแผนที่กำหนดไว้ในการประชุมงานเศรษฐกิจแห่งชาติ อ้างอิงจากสำนักข่าวซินหัวที่รายงานภายหลังการประชุม เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ผู้กำหนดนโยบายได้ให้คำมั่นที่จะยกระดับการส่งเสริมเศรษฐกิจในปีหน้า รวมถึงมาตรการที่จะกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศ จีนจะรับรองนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายปานกลาง ซึ่งนับเป็นครั้งแรกในรอบ 14 ปีที่จีนเปลี่ยนจุดยืนนโยบายการเงินดังกล่าว ควบคู่กับการใช้เครื่องมือทางการการเงินเชิงรุกอื่น ๆ มากขึ้น ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดขึ้นในห้วงที่ประเทศกำลังเตรียมรับมือสงครามการค้ากับสหรัฐฯ ที่อาจเกิดขึ้น เมื่อถึงเวลาที่โดนัลด์ ทรัมป์ ขึ้นบริหารประเทศอย่างเป็นทางการ คณะรัฐมนตรีจีน (State […]
ดัชนีตลาดหุ้นไทยวันที่ 16 ธ.ค. 2024 ปิดตลาดที่ 1,419.72 จุด ลดลง 11.95 จุด (-0.83%)
ดัชนีตลาดหุ้นไทยวันที่ 16 ธ.ค. 2024 ปิดตลาดที่ 1,419.72 จุด ลดลง 11.95 จุด (-0.83%) ระหว่างวัน ดัชนีต่ำสุดที่ 1,414.86 จุด และสูงสุดที่ 1,424.68 จุด มูลค่าการซื้อขาย 40,481.64 ล้านบาท หลักทรัพย์ที่มีการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับ ได้แก่ CPALL ปิดที่ 59.00 บาท ลดลง 3.50 (-5.60%) มูลค่าการซื้อขาย 6,503.04 ล้านบาท CPAXT ปิดที่ 28.25 บาท ลดลง 6.50 (-18.71%) มูลค่าการซื้อขาย 3,642.94 ล้านบาท DELTA ปิดที่ 151.00 บาท ลดลง 0.50 (-0.33%) […]
ดัชนี PMI ขั้นต้นอินเดียเดือนธ.ค.โตแกร่ง แตะไฮในรอบ 4 เดือน
เศรษฐกิจอินเดียส่งสัญญาณเชิงบวก ภาคเอกชนขยายตัวเร็วที่สุดในรอบ 4 เดือน สะท้อนภาพรวมที่แข็งแกร่งส่งท้ายปี 2567 โดยได้รับแรงสนับสนุนจากอุปสงค์ในสินค้าและบริการที่เพิ่มสูงขึ้น ประกอบกับการจ้างงานที่เติบโตอย่างโดดเด่นเป็นประวัติการณ์ สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิต-ภาคบริการขั้นต้นของอินเดียจาก HSBC ซึ่งรวบรวมโดย S&P Global ปรับตัวขึ้นแตะระดับ 60.7 ในเดือนธ.ค. ซึ่งเทียบเท่ากับระดับในเดือนส.ค. หลังจากที่ปรับลดลงอยู่ที่ 58.6 ในเดือนพ.ย. ทั้งนี้ ดัชนีที่อยู่ในระดับสูงกว่า 50 บ่งชี้ว่า กิจกรรมทางธุรกิจอยู่ในภาวะขยายตัว ส่วนดัชนีที่ต่ำกว่า 50 บ่งชี้ว่าอยู่ในภาวะหดตัว ส่วนดัชนี PMI ภาคบริการขั้นต้น ซึ่งเป็นภาคส่วนที่มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจอินเดีย เพิ่มขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 4 เดือนที่ 60.8 ในเดือนธ.ค. จาก 58.4 ในเดือนพ.ย. ขณะเดียวกัน ดัชนี PMI ภาคการผลิตขั้นต้นอยู่ที่ 57.4 ในเดือนธ.ค. […]
Fund Comment
Fund Comment ตุลาคม 2024: ภาพรวมตลาดหุ้น
ตลากหุ้นโลกในเดือนตุลาคมค่อนข้างทรงตัวเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า โดยในช่วงต้นเดือนตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นจากตัวเลขการจ้างงานที่ออกมาดีกว่าคาด ซึ่งทำให้ความกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจถดถอยมีน้อยลง ด้านผลประกอบการที่ทยอยประกาศออกมาก่อน อย่างกลุ่มธนาคารขนาดใหญ่ ส่วนใหญ่ดีกว่าคาด จึงเป็นปัจจัยหนุนให้ตลาดปรับตัวขึ้นในช่วงสั้น แต่ผลประกอบการของบริษัทขนาดใหญ่ในกลุ่มเทคโนโลยีที่ประกาศออกมาในช่วงปลายเดือนนั้น บางบริษัทแม้จะมีผลกำไรที่ออกมาดี แต่ได้ให้มุมมองต่อค่าใช้จ่ายลงทุนโครงสร้างพื้นฐานสำหรับพัฒนา AI ว่าจะสูงขึ้นในอนาคต ทำให้มีแรงเทขายออกมาจนตลาดปรับตัวลงในช่วงปลายเดือน อย่างไรก็ตาม หลังจากนายโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในวันที่ 6 พฤศจิกายน ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ได้พลิกกลับมาปรับตัวขึ้นมาก ด้วยนโยบายของนายทรัมป์ที่เป็นผลบวกต่อบริษัทจดทะเบียนมากขึ้น เช่น การปรับลดอัตราภาษีนิติบุคคลและบุคคลธรรมดา เป็นต้น นอกจากนี้ ในการประชุม FOMC รอบเดือนพฤศจิกายน ซึ่งเฟดยังไม่ได้แสดงความกังวลต่อว่า เงินเฟ้อจะกลับมาเร่งตัวสูงขึ้น และได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีก 0.25% ซึ่งเป็นไปตามที่ตลาดคาด โดยตลาดส่วนใหญ่คาดว่า เฟดจะลดอัตราดอกเบี้ยอีก 0.25% ในการประชุมเดือนธันวาคม ซึ่งทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรปรับลดลงบ้าง ซึ่งเป็นปัจจัยบวกต่อตลาด หลังจากที่ก่อนหน้านี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตร 10 ปีของสหรัฐฯ ทยอยปรับไปถึงระดับ 4.4% ด้วยความคาดการณ์ของนักลงทุนว่า นายทรัมป์น่าจะชนะการเลือกตั้งและนโยบายของทรัมป์จะทำให้อัตราเงินเฟ้อเร่งตัวสูงขึ้นในอนาคต […]