สตาร์ทอัพจะแย่งรายได้ชำระเงิน 2.8 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐไปจากธนาคารภายในปี 2025
ธนาคารจะสูญเสียรายได้ 280,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากการให้บริการชำระเงินของพวกเขาภายในปี 2025 ซึ่งเป็นผลจากการที่บรรดาสตาร์ทอัพหน้าใหม่ และมีธุรกิจจำนวนมากขึ้นที่ตบเท้าเข้าสู่การให้บริการส่งเงินไปยังบุคคลหรือบริษัทแบบทันทีและไม่เสียค่าบริการด้วย สำนักข่าวรอยเตอร์ส รายงานว่า เอคเซนเชอร์ ผู้ให้บริการที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะ นำเสนอรายงานว่า ธุรกิจชำระเงินทั่วโลก ครอบคลุมการชำระเงินทุกรูปแบบ เช่น ชำระเงินด้วยบัตร การชำระเงินแบบไร้สายข้ามแดน ซึ่งที่ผ่านมาธุรกิจนี้สร้างรายได้ให้กับธนาคารประมาณ 1.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี โดยคาดว่าภายในปี 2025 รายได้ธุรกิจชำระเงินทั่วโลกจะเติบโตเป็น 2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่สิ่งที่น่าสนใจคือธนาคารจะสูญเสียส่วนแบ่งไป 280,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 15% ของรายได้ด้านการชำระเงินทั่วโลกที่มีอยู่ ธนาคารเผชิญหน้ากับการแข่งขันจากบริษัทสตาร์ทอัทเทคโนโลยี เช่น ผู้ให้บริการชำระเงินที่อยู่ในซิลิคอน วัลเลย์อย่าง Stripe และ Square รวมถึงแพลตฟอร์มเทคโนโลยี Paypal และผู้ให้บริการที่มีถิ่นที่ตั้งในลอนดอนอย่าง TransferWise ซึ่งนำเสนอบริการชำระเงินตราต่างประเทศให้กับค้าปลีกและลูกค้าธุรกิจขนาดเล็ก ด้วยค่าธรรมเนียมต่ำ บริการชำระเงินหลายอย่างเป็นแบบส่งได้ทันทีทันใด ขจัดความต้องการใช้บัตรเครดิตที่เคยสร้างรายได้ให้ธนาคาร อีกทั้งยังช่วยเพิ่มการใช้เทคโนโลยีโดยตรงในกลุ่มผู้ค้าปลายทาง ซึ่งการมีคู่แข่งที่มากขึ้นนี้เอง มีส่วนทำให้ส่วนต่างของรายได้ค่าธรรมเนียมชำระเงินที่ลดลง และมีแนวโน้มจะเร่งให้เกิดการชำระเงินแบบไม่มีค่าธรรมเนียมมากขึ้น
B-INNOTECH B-INNOTECHRMF Product Special
กองทุนเปิดบัวหลวงโกลบอลอินโนเวชั่นและเทคโนโลยี (B-INNOTECH) และกองทุนเปิดบัวหลวงโกลบอลอินโนเวชั่นและเทคโนโลยีเพื่อการเลี้ยงชีพ (B-INNOTECHRMF)
Next Generation Network 65% ของประชากรโลกที่ใช้สมาร์ทโฟน หรือ 1,900 ล้านคน จะใช้เทคโนโลยีสื่อสาร 5G ในปี 2024 Source: Ericsson Forecast, September 2019 โลกเรากำลังก้าวจากเทคโนโลยี 4G ที่เคยให้ความเร็วอินเทอร์เน็ตสูงกว่า 3G ประมาณ 500 เท่า ไปสู่เทคโนโลยี 5G ที่ให้ความเร็วกว่า 4G ไปอีก 100 เท่า และด้วยความเร็ว 100 กิกะไบต์ต่อวินาที จึงเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้เวลาของข้อมูลที่ส่งออกจากผู้ให้บริการเครือข่ายถึงตัวผู้รับนั้นสั้นลง ซึ่งเวลาที่รวดเร็วในการส่งผ่านข้อมูลนี้เอง สบช่องให้กับเทคโนโลยี Internet of Things, Smart Vehicle, wearable technology, AI, Cloud, ‘Industry 4.0’ พร้อมเปิดตัว เครือข่าย 4G […]
หุ้นไทย 16 ก.ย. 62 ปิดตลาดที่ 1,662.93 จุด เพิ่มขึ้น 0.97 จุด
ดัชนีตลาดหุ้นไทยวันที่ 16 ก.ย. 2562 ปิดตลาดที่ 1,662.93 จุด เพิ่มขึ้น 0.97 จุด หรือ 0.06% ระหว่างวัน ดัชนีปรับขึ้นไปสูงสุดที่ 1,668.77จุด ต่ำสุดที่ 1,658.65 จุด มูลค่าการซื้อขาย 61,474.55 ล้านบาท หลักทรัพย์ที่มีการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับได้แก่ 1.PTT ปิดที่ 47.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.50 บาท มูลค่าการซื้อขาย 5,148.35 ลบ. 2.CPALL ปิดที่ 82.00 บาท ลดลง -0.75 บาท มูลค่าการซื้อขาย 4,239.48 ลบ. 3.PTTEP ปิดที่ 125.00 บาท เพิ่มขึ้น 2.50 […]
ขอเชิญร่วมตอบแบบสอบถาม
กองทุนบัวหลวง ได้จัดทำแบบสอบถาม โดยมีวัตถุประสงค์สำหรับการออกกองทุน RMF จึงขอเชิญชวนลูกค้าร่วมตอบแบบสอบถามได้ตามลิงค์นี้ https://www.bblam.co.th/market-survey/?channel=BF
B-ASEAN B-ASEANRMF Product Update
กองทุนเปิดบัวหลวงหุ้นอาเซียน (B-ASEAN) และกองทุนเปิดบัวหลวงหุ้นอาเซียนเพื่อการเลี้ยงชีพ (B-ASEANRMF)
สรุปภาวะตลาดหุ้นอาเซียนในช่วง ส.ค. 2019 ตลาดการเงินโลกผันผวนในเดือน ส.ค. โดยตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวลงในช่วงต้นเดือนจากความผิดหวังที่ธนาคารกลางสหรัฐ ไม่ได้ส่งสัญญาณการลดดอกเบี้ยแบบต่อเนื่อง และความกังวลต่อการชะลอตัวลงของเศรษฐกิจโลก ที่สะท้อนผ่านตัวเลขเศรษฐกิจของประเทศต่างๆ ที่ออกมาอ่อนแอลง ในด้านสงครามการค้านั้น ยกระดับความรุนแรงขึ้นจากการที่ทรัมป์เดินหน้าขึ้นภาษีบนสินค้านำเข้าจากจีน แม้ว่าจะมีการเลื่อนการขึ้นภาษีบางส่วนจากเดือน ก.ย. ไปเป็นเดือน ธ.ค. และจีนตอบโต้ด้วยการขึ้นภาษีนำเข้ากับสินค้าสหรัฐฯกว่า 5,000 รายการ เช่นเดียวกัน สงครามการค้าที่ดำเนินไปนั้น ในด้านหนึ่งทำให้เศรษฐกิจสหรัฐเริ่มที่จะส่งสัญญาณชะลอลงบ้าง เช่น ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิต อยู่ที่ 50.3 ต่ำสุดในรอบ 10 ปี เป็นต้น และอาจเริ่มส่งผลต่อคะแนนเสียงมากขึ้นต่อการเลือกตั้งประธานาธิบดีของทรัมป์ในปีหน้า ทำให้ทรัมป์มีท่าทีที่พร้อมเจรจามากขึ้น ในด้านของตลาดหุ้นอาเซียน หลังจากปรับขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงต้นปี 2019 ดัชนี MSCI AC ASEAN Index ในช่วงเดือน ส.ค. ปรับลดลงเฉกเช่นเดียวกับตลาดหุ้นทั่วโลก โดยตลาดหุ้นสิงคโปร์ปรับตัวลงมากที่สุดที่ -5.9% ด้วยความสัมพันธ์ระหว่างเศรษฐกิจจีนกับการผลิตและการส่งออกของของสิงคโปร์อยู่ในระดับค่อนข้างสูงรวมถึงรัฐบาลสิงคโปร์ประกาศปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจในปีนี้ลง รองลงมาได้แก่ตลาดหุ้นไทยที่ปรับลง -3.3% […]
ผลสำรวจพบคนไทย Gen Z ส่วนใหญ่หาแรงบันดาลใจท่องเที่ยวจากอินสตาแกรม
Booking.com เปิดเผยผลสำรวจผู้เดินทางคนไทยเจเนอเรชั่น แซด หรือ Gen Z เกี่ยวกับพฤติกรรมการใช้โซเชียลมีเดีย โดย Gen Z คือคนที่มีอายุ 16 -24 ปี ผลสำรวจพบว่า อินสตาแกรมเป็นแหล่งยอดนิยมอันดับต้น ๆ ในการหาแรงบันดาลใจเพื่อตัดสินใจว่าจะไปเที่ยวที่ไหนดีสำหรับกลุ่ม Gen Z ชาวไทย โดย คนไทย Gen Z 64% ชอบดูโพสต์และภาพถ่ายการเดินทางบนโซเชียลมีเดีย และเมื่อต้องตัดสินใจว่าจะไปเที่ยวที่ไหน คน Gen Z จะดูฟีดของตัวเอง 30% เลือกให้ฟีดโซเชียลมีเดียเป็นแหล่งแรงบันดาลใจชั้นยอดด้านการเดินทาง ขณะที่ผู้หญิงไทย Gen Z 39% จะจินตนาการภาพทริปพักผ่อนครั้งถัดไประหว่างเลื่อนดูโซเชียลมีเดีย โดยความเชื่อมั่นในอินสตาแกรมของกลุ่มนี้ ทิ้งห่างค่าเฉลี่ยของคนใช้อินสตาแกรมทั่วประเทศ ซึ่งอยู่ที่ 31% ขณะที่คนยุคมิลเลนเนียลมีค่าเฉลี่ยจินตนาการภาพทริปพักผ่อนครั้งถัดไปช่วงเลื่อนดูอินสตาแกรม 36% เมื่อต้องเลือกจุดหมายใหม่ที่จะไปเยือน ชาวไทย Gen Z 60% […]
กองทุนรวมบัวหลวงหุ้นธรรมาภิบาลไทย (B-THAICG)
BBLAM’s 2019 INVESTMENT THEMES “รุ่งเรืองด้วยโครงสร้างพื้นฐาน บนสายพานของโลจิสติกส์” ภาพรวมตลาดหุ้น ตลาดการเงินโลกผันผวนในเดือน ส.ค. โดยตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวลงในช่วงต้นเดือนจากความผิดหวังที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ ไม่ได้ส่งสัญญาณการลดดอกเบี้ยแบบต่อเนื่อง และความกังวลต่อการชะลอตัวลงของเศรษฐกิจโลก ที่สะท้อนผ่านตัวเลขเศรษฐกิจของประเทศต่างๆ ที่ออกมาอ่อนแอลง เช่น ภาคการผลิตของจีนโตต่ำสุดในรอบ 17 ปี จีดีพีไตรมาสสองของเยอรมนี หดตัวลง 0.1% ซึ่งมีความเสี่ยงที่จะเกิด Technical Recession เป็นต้น ความกังวลดังกล่าวสะท้อนผ่านภาวะ Inverted Yield Curve ของตลาดพันธบัตรสหรัฐฯ และการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำ ด้านสงครามการค้านั้น ยกระดับความรุนแรงขึ้นจากการที่ทรัมป์เดินหน้าขึ้นภาษีบนสินค้านำเข้าจากจีน แม้ว่าจะมีการเลื่อนการขึ้นภาษีบางส่วนจากเดือน ก.ย. ไปเป็นเดือน ธ.ค. และจีนตอบโต้ด้วยการขึ้นภาษีนำเข้ากับสินค้าสหรัฐฯ กว่า 5,000 รายการ เช่นเดียวกัน สงครามการค้าที่ดำเนินไปนั้น ในด้านหนึ่งทำให้เศรษฐกิจสหรัฐเริ่มที่จะส่งสัญญาณชะลอลงบ้าง เช่น ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิต อยู่ที่ 50.3 […]
กองทุนรวมคนไทยใจดี (BKIND)
BBLAM’s 2019 INVESTMENT THEMES “รุ่งเรืองด้วยโครงสร้างพื้นฐาน บนสายพานของโลจิสติกส์” ภาพรวมตลาดหุ้น ตลาดการเงินโลกผันผวนในเดือน ส.ค. โดยตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวลงในช่วงต้นเดือนจากความผิดหวังที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ ไม่ได้ส่งสัญญาณการลดดอกเบี้ยแบบต่อเนื่อง และความกังวลต่อการชะลอตัวลงของเศรษฐกิจโลก ที่สะท้อนผ่านตัวเลขเศรษฐกิจของประเทศต่างๆ ที่ออกมาอ่อนแอลง เช่น ภาคการผลิตของจีนโตต่ำสุดในรอบ 17 ปี จีดีพีไตรมาสสองของเยอรมนี หดตัวลง 0.1% ซึ่งมีความเสี่ยงที่จะเกิด Technical Recession เป็นต้น ความกังวลดังกล่าวสะท้อนผ่านภาวะ Inverted Yield Curve ของตลาดพันธบัตรสหรัฐฯ และการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำ ด้านสงครามการค้านั้น ยกระดับความรุนแรงขึ้นจากการที่ทรัมป์เดินหน้าขึ้นภาษีบนสินค้านำเข้าจากจีน แม้ว่าจะมีการเลื่อนการขึ้นภาษีบางส่วนจากเดือน ก.ย. ไปเป็นเดือน ธ.ค. และจีนตอบโต้ด้วยการขึ้นภาษีนำเข้ากับสินค้าสหรัฐฯ กว่า 5,000 รายการ เช่นเดียวกัน สงครามการค้าที่ดำเนินไปนั้น ในด้านหนึ่งทำให้เศรษฐกิจสหรัฐเริ่มที่จะส่งสัญญาณชะลอลงบ้าง เช่น ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิต อยู่ที่ 50.3 […]
กองทุนเปิดบัวหลวงหุ้นจีน (B-CHINE-EQ)
“China Drop Foreign Investor Limits” รัฐบาลจีนหั่นข้อจำกัดโควตาสำหรับนักลงทุนต่างชาติลง (QFII: / RQFII) เปิดโอกาสให้นักลงทุนสถาบันต่างชาติเข้ามาลงทุนทั้งในตราสารหนี้และตราสารทุน (China A – Shares onshore) มากขึ้น สำนักงานบริหารเงินตราต่างประเทศจีน (State Administration of Foreign Exchange: SAFE) ประกาศเมื่อวันที่ 10 กันยายน 2019 ว่า ตัดสินใจยกเลิกเพดานเม็ดเงินซึ่งเดิมกำหนดไว้ที่ 300 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในการเข้าซื้อหุ้นและตราสารหนี้จีน (โปรดอ่านประกาศจากทางการจีน http://www.safe.gov.cn/en/2019/0910/1552.html) เป้าหมาย เชิงยุทธศาสตร์ก็เพื่อสนับสนุนตลาดการเงินจีน กระตุ้นเม็ดเงินใหม่ๆ เข้ามาลงทุนในตราสารทุนและตราสารหนี้ รักษาค่าเงินหยวนไม่ให้อ่อนเกินไป ลดผลกระทบในภาคตลาดการเงินจากผลพวงทางการค้า ผลกระทบต่อตลาดหุ้น ความเคลื่อนไหวดังกล่าวไม่ได้มีส่วนกระตุ้นให้เม็ดเงินไหลต่างชาติเข้าตลาดจีนในระยะสั้น เพราะโดยปกตินักลงทุนต่างชาติสามารถซื้อตราสารหนี้และตราสารทุนจีน ผ่านช่องทาง Stock connect / Bond Connect และ […]
อีซีบีหั่นดอกเบี้ยนโยบาย พร้อมประกาศ QE รอบใหม่ตามตลาดคาด เป้าหมายกระตุ้นเงินเฟ้อแตะ 2%
BF Economic Research ธนาคารกลางยุโรป หรืออีซีบี ประกาศใช้นโยบายผ่อนคลายเพิ่มเติมในการประชุมเมื่อวันที่ 12 ก.ย. ที่ผ่านมา ซึ่งจะเป็นการประชุมวาระสุดท้ายของ นายมาริโอ ดาร์กี ผู้ว่าการ อีซีบีคนปัจจุบัน ก่อนที่จะลงจากตำแหน่งในเดือน ต.ค. และส่งมองให้ นางคริสทีน ลาการ์ด มารับตำแหน่งแทน โดยที่ประชุมมีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ในส่วนของอัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่ธนาคารพาณิชย์ฝากไว้กับอีซีบี (Deposit Facility) ลงจาก -0.40% เป็น -0.50% ขณะที่ยังคงอัตราดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์ (Main Refinancing Operations) และอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ (Marginal Lending Facility) ไว้ตามเดิมที่ 0% และ 0.25% ตามลำดับ ทั้งนี้ อีซีบีระบุว่าจะยังคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับปัจจุบันต่อไป หรือปรับลดลงอีก ‘จนกว่าอัตราเงินเฟ้อจะอยู่ใกล้ระดับเป้าหมายที่ 2%’ ซึ่งเปลี่ยนแปลงไปจากการประชุมรอบก่อนที่ระบุว่า ‘จนกว่าจะถึงกลางปี 2020 เป็นอย่างน้อย’ […]