หุ้น Small & Mid Cap
หุ้น Small & Mid Cap เรียกกันง่ายๆ ว่าหุ้นขนาดเล็กและกลาง โดย Cap ย่อมาจาก Market Capitalization หมายถึง มูลค่าตามราคาตลาดของหุ้นซึ่งวัดจากราคาตลาดของหุ้นคูณกับจำนวนหุ้นจดทะเบียน แสดงถึงขนาดของหุ้นหรือบริษัท ดังนนั้น Market cap ของหุ้นทุกตัวจึงแสดงถึงมูลค่ารวมหรือขนาดของตลาดหุ้น Market cap ยังถูกใช้ประกอบการคำนวนดัชนีตลาดหุ้น ทั้งดัชนีรวมของตลาด (SET Index) หรือ ดัชนีหุ้นขนาดใหญ่ 50 หุ้น (SET50 Index) ตลาดหลักทรัพย์ยังจัดทำดัชนีหุ้นแยกตามขนาด ได้แก่ หุ้นขนาดใหญ่ (Large cap FSTHL) หุ้นขนาดกลาง (Mid cap FSTHM) และ หุ้นขนาดเล็ก (Small cap FSTHS) เพื่อแสดงสภาวะของหุ้นในกลุ่มที่มีขนาดแตกต่างกัน เพิ่มเติมจากดัชนีตลาดรวม นักลงทุนจะสามารถแยกแยะได้ว่าดัชนีรวมของตลาดที่เปลี่ยนไปนั้น หุ้นแต่ละขนาด […]
ผู้หญิงที่รวยที่สุดของจีนรวยหุ้นขึ้น$2,100ล้านใน4วันแรกของปี2018
Yang Huiyan รองประธานของบริษัทCountry Garden Holdings Co รวยหุ้นขึ้น$2,100ล้านในเพียง4วันทำการของตลาดในปี2018นี้ หวางมีอายุเพียง36ปี แต่กลายเป็นผู้หญิงที่รวยที่สุดในจีน และติดอันดับคนที่รวยอันดับ5ของจีน โดยมีทรัพย์สิน$25,600ล้่าน คุณพ่อของหยาง คือYang Guoqiang ผู้ร่วมก่อตั้งCountry Gardenในปี1992 เขาได้โอนหุ้นในบริษัทให้ลูกสาวในปี2005 เพื่อว่าเธอจะได้เรียนรู้งาน และทำหน้าที่ดูแลธุรกิจแทนครอบครัว Country Gardenเป็นบริษุัทอสังหาริมทรัพย์ มีสำนักงานใหญ่ที่จังหวัดกวางตุ้งของจีน ที่ผ่านมาได้พัฒนามากกว่า200โครงการบ้านในตลาดไฮเอ็นด์ทั้งในจีน มาเลย์เซีย และออสเตรเลีย ได้ขายบ้านให้ลูกค้ากว่า1.5ล้านราย และมีการจ้างพนักงาน70,000คนทั่วโลก
ดัชนีหุ้นไทยปิดบวก 2.40 จุด อยู่ที่ 1,795.21 จุด
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทย (SET Index) ปิดวันนี้ (5 ม.ค. 61) ที่ 1,795.21 จุด เพิ่มขึ้น 2.40 จุด หรือ 0.13% โดยระหว่างวันดัชนีทำระดับสูงสุดที่ 1,798.69 จุด และทำระดับต่ำสุดที่ 1,784.75 จุด ขณะที่มูลค่าการซื้อขาย ณ เวลา 16:43 น. มีมูลค่าการซื้อขาย 75,380.42 ล้านบาท หลักทรัพย์ที่มีการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับได้แก่ 1.AOT ปิดที่ 73.25 บาท ลดลง -1.00 บาท มูลค่าการซื้อขาย 6,572.58 ลบ. 2.BANPU ปิดที่ 21.50 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท มูลค่าการซื้อขาย […]
ดัชนีความเชื่อมั่นเศรษฐกิจยูโรโซนทำสถิติสูงสุดในรอบกว่า 17 ปี
คณะกรรมาธิการยุโรป (EC) เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจ (ESI) ซึ่งวัดความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและภาคธุรกิจใน Euro area พบว่า ดัชนีพุ่งขึ้น 1.4 จุด สู่ระดับ 116.0 ในเดือน ธ.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือน ต.ค. 2543 โดยได้แรงสนับสนุนมาจากความเชื่อมั่นในภาคบริการ, ค้าปลีก และภาคก่อสร้าง ทั้งนี้ตัวเลขความเชื่อมั่นเพิ่มขึ้นอย่างมากในประเทศฝรั่งเศส และเยอรมนี ขณะที่ประเทศสเปนความเชื่อมั่นลดลง นอกจากนี้ EC ยังเปิดเผยว่า ดัชนี ESI ของสหภาพยุโรป (EU) ดีดตัวขึ้น 1.6 จุด สู่ระดับ 115.9 ในเดือนธ.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือน ส.ค. 2543
หุ้น Domestic Play
หุ้น Domestic Play ได้แก่ บริษัทที่ผลิตสินค้าทั้งที่เป็นสินค้าสำเร็จรูป วัตถุดิบและส่วนประกอบ เพื่อตอบสนองผู้บริโภคหรือตลาดภายในประเทศเป็นหลัก ไม่ได้ผลิตเพื่อส่งขายต่างประเทศ ขณะที่ยอดขายและกำไรจะไม่ถูกกระทบจากความต้องการสินค้าจากต่างประเทศหรือภาวะเศรษฐกิจโลก แต่จะขึ้นอยู่กับกำลังซื้อและภาวะเศรษฐกิจในประเทศมากกว่า ธุรกิจประเภทนี้จะได้รับผลประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล หรือนโยบายการเงินแบบผ่อนคลาย(ลดดอกเบี้ย)ของธนาคารกลาง หากเศรษฐกิจเติบโตดีจากการส่งออก กลุ่ม Domestic stock จะได้รับผลดีน้อยกว่า
จากออนไลน์สู่ออฟไลน์ เทรนด์การตลาดในยุคดิจิทัล (ตอนที่ 2)
มารู้จักโมเดลธุรกิจ O2O By… รุ่งนภา เสถียรนุกูล โมเดลธุรกิจ O2O ( Online to Offline) คือ การผสมผสานระหว่างธุรกิจจากออนไลน์ไปยังออฟไลน์ โดยเป็นการนำคุณภาพของออฟไลน์มาช่วยยกระดับให้กับออนไลน์ ธุรกิจค้าปลีกในอนาคต จะไม่ได้จำกัดอยู่แค่ร้านค้าในรูปแบบเดิมๆ แต่จะก้าวไปสู่โลก O2O ที่มีการผสมผสานระหว่างจุดแข็งของร้านค้าในโลกออนไลน์และโลกออฟไลน์เข้าด้วยกัน โดยจะใช้ประโยชน์จากความสะดวกสบายในการจับจ่ายใช้สอยสินค้าและการชำระเงินออนไลน์ ระบบออนไลน์สามารถช่วยให้ผู้ประกอบการ เก็บข้อมูลและพฤติกรรมของลูกค้าที่ใช้งาน ขณะที่ร้านค้าสามารถที่จะใช้จุดแข็งของการที่มีสินค้าให้ลูกค้าได้เลือกสัมผัส ทดลองใช้งานได้จริง สื่อออนไลน์จะไปกระตุ้นผู้บริโภคให้เกิดความต้องการในสินค้าและบริการ ซึ่งจะส่งผลดีสำหรับการเพิ่มโอกาสทางธุรกิจของธุรกิจที่มีหน้าร้านค้า หรือมีช่องทางการกระจายสินค้า/จัดส่งสินค้าในโลกออฟไลน์ ลูกค้าสามารถที่จะทำการตัดสินใจเลือกซื้อสินค้าและบริการผ่านการเลือกชมและรีวิวสินค้าผ่านทางช่องทางออนไลน์ต่างๆ ทั้งทาง Website หรือ แอพพลิเคชั่นของร้านค้า ชำระเงินผ่านทางช่องทางออนไลน์ต่างๆ และรับสินค้าหรือบริการผ่านทางช่องทางออฟไลน์ ตัวอย่างความสำเร็จของการใช้ โมเดลธุรกิจ O2O ในประเทศจีน ที่โด่งดังมากที่สุด จะเป็นของ Alibaba ที่สามารถพลิกโฉมของวงการธุรกิจค้าปลีกในจีน ในการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมรูปแบบการช้อปปิ้งของคนจีน โดยทาง Jack Ma ได้ประกาศแนวคิดใหม่เกี่ยวกับการทำธุรกิจค้าปลีก ที่เรียกว่า “New Retail […]
นักวิจัยแบงก์ชาติจีนส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยเร็วๆนี้ หวังแก้ปัญหาฟองสบู่-หนี้สิน
หนังสือพิมพ์ไชน่า เดลี ของทางการจีน รายงานว่า นักวิจัยของธนาคารกลางจีน (PBOC) มีความเห็นตรงกันว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอาจเป็นแนวทางที่เหมาะสมในอนาคตอันใกล้ เพื่อเป็นเครื่องมือควบคุมภาวะฟองสบู่และปัญหาหนี้สิน โดยปัจจัยสนับสนุนมาจากราคาภาคอุตสาหกรรมที่ปรับตัวดีขึ้น สอดคล้องกับศักยภาพการทำกำไรของภาคธุรกิจ รายงานดังกล่าวยังระบุว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยผนวกกับมาตรการจัดการกับการผลิตส่วนเกินนั้น จะช่วยควบคุมไม่ให้หนี้สินขยายตัว และทำให้ผลตอบแทนจากการลงทุนปรับตัวเพิ่มขึ้นในท้ายที่สุด อนึ่งเดือน ธ.ค.ปีที่ผ่านมา ธนาคารกลางจีนได้ประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยโครงการเงินกู้ระยะกลาง (MLF) และอัตราดอกเบี้ย reverse repo ขึ้น 0.05% หลังจากที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือน ธ.ค.
ความท้าทายของจีนในปี2018
จีนจะยังคงขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้กลายเป็นมหาอำนาจเบอร์1ของโลกในอีก10ปีข้างหน้าได้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับมาตรการการปฏิรูปโครงสร้างในปัจจุบันที่กำลังดำเนินไปอยู่ นี้คือเนื้อหาหลักของงานสัมนา dbAccess China Conference 2018จัดโดยดอยช์แบงก์ ที่กรุงปักกิ่งระหว่างวันที่8-10มกราคม2018 ซึ่งมีเนื้อหาหลัก4-5ประเด็นที่สำคัญคือ 1.) จีนจะสามารถปรับเปลี่ยนเศรษฐกิจที่เคยเติบโตสูงมาเป็นเศรษฐกิจที่โตอย่างมีคุณภาพได้หรือไม่ โดยที่ตัวเลขจีดีพีจะไม่ได้เป็นเป้าหมายที่สำคัญเหมือนในอดีตที่จีนต้องการเงินลงทุนและการส่งออกที่มากๆเพื่อไล่ให้ทันโลกตะวันตก และเพื่อรองรับการจ้างงาน และรัฐบาลจีนเป็นผู้นำในการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเพื่อดันจีดีพี 2.) จีนจะสามารถบริหารความเสี่ยงได้หรือไม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งความเสี่ยงของภาวะฟองสบู่ในตลาดอสังหาริมทรัพย์ และการกู้หนี้ยืมสินที่เกินตัวของรัฐบาลท้องถิ่นเพื่อที่จะลงทุนและดันดีจีดีพีของมณฑลของตัวเองให้มีเศรษฐกิจที่มีอัตราการเจริญเติบโตที่สูง การลดหนี้และบริหารความเสี่ยงจากเครดิตที่สูงเกินไปจะเป็นงานหลักของการปฏิรูป 3.) จีนจะพึ่งพาการบริโภคภายในเพื่อดันจีดีพี พร้อมทั้งการนำเอาซับไพลไซด์มาเป็นหัวหอกในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ไม่ว่าจะเป็นการสร้างธุรกิจใหม่ๆ การเพิ่มภาคบริการ นวัตกรรม รวมทั้งการพัฒนาเทคโนโลยี่มาใช้ 4.) ความเร็วในการปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจจะทันการหรือไม่ เพื่อที่จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้มีอัตราการเจริญเติบโตในระดับที่ยอมรับได้ โดยไม่จำเป็นต้องโตมากนัก 5.) นายWerner Steinmueller กรรมการผู้จัดการใหญ่เอเชียแปซิฟิค และกรรมการของบอร์ดของดอยช์แบงก์เชื่อมั่นว่าอีก5-10ปีข้างหน้าเศรษฐกิจจีนมีโอกาสที่จะแซงหน้าเศรษฐกิจสหรัฐได้ ทำให้เปิดโอกาสของการลงทุนในจีน โดยเฉพาะอย่างยิ่งตลาดหุ้นจีนมีขนาด$7.3ล้านล้านใหญ่อันดับ2ของโลกแล้ว ส่วนตลาดบอนด์ของจีนมีขนาด$9.4ล้านล้านหรือใหญ่อันดับ3ของโลก เขาเชื่อมั่นว่ามาตรการการเปิดเสรีเศรษฐกิจและภาคการเงินของรัฐบาลจีน และความต้องการมืออาชีพมาบริหารทางด้านการเงินเพิ่มมากขึ้นจะดึงดูดและเปิดโอกาสให้นักลงทุนให้มาลงทุนในจีนในระยะยาว
จากออนไลน์สู่ออฟไลน์ เทรนด์การตลาดในยุคดิจิทัล (ตอนที่ 1)
By… รุ่งนภา เสถียรนุกูล การเติบโตของธุรกิจ E-Retail ในโลกยุค 4.0 ธุรกิจค้าปลีกทางอินเทอร์เน็ต มีการเติบโตอย่างมากในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา เนื่องจากความก้าวหน้าของเทคโนโลยีสื่อสาร ซึ่งทำให้มีช่องทางการเข้าถึงสินค้าและบริการบนอินเทอร์เน็ตได้มากขึ้น ทำให้ผู้ประกอบการจำนวนมากเริ่มเปลี่ยนการซื้อขายมาสู่ระบบการค้าออนไลน์ เนื่องจากมองเห็นข้อดีของการขายออนไลน์ เช่น ไม่ต้องลงทุนหน้าร้าน ค่าเช่าพื้นที่ ค่าจ้างพนักงาน อีกทั้งยังสามารถเปิดขายได้ตลอด 24 ชั่วโมง จึงทำให้ธุรกิจค้าปลีกทางอินเทอร์เน็ตมีแนวโน้มที่จะแข่งขันอย่างรุนแรงมากขึ้น โดยเฉพาะการขยายตัวของผู้ประกอบการจากต่างประเทศ ซึ่งเข้ามาทำตลาด E-commerce ในประเทศไทย จากตัวเลขที่ สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (ETDA) พบว่า มูลค่าธุรกรรมที่ E-Retail (สัดส่วนมูลค่า E-Commerce ในธุรกิจ Retail) ของไทยในปี 2558 ยังมีมูลค่าแค่เพียง 340,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็น 1% ของธุรกิจ Retail ในไทยทั้งหมด ขณะที่เมื่อเปรียบกับเจ้าตลาดอย่างจีน จะพบว่าธุรกิจ E-Retail […]
กรุงปักกิ่งตั้งเป้าซื้อ-ขาย e-commerce ทะลุ 2.5 ล้านล้านหยวนในปี 2018
สำนักงานคณะกรรมการพาณิชย์กรุงปักกิ่ง (Beijing Municipal Commission of Commerce) คาดหวังว่าภายในปี 2018 การทำธุรกรรมผ่านช่องทาง e-commerce ในเมืองหลวงจะทะลุ 2.5 ล้านล้านหยวน หรือกว่า 3.85 แสนล้านดอลลาร์ โดยกรุงปักกิ่งพร้อมที่จะสนับสนุนการพัฒนาด้านอินเทอร์เน็ต และระบบขนส่ง (logistics)ในปีนี้ นอกจากนี้แนวโน้มจำนวนผู้ประกอบการที่ผลิตสินค้าและบริการผ่านช่องทางออนไลน์ ทั้งผู้ค้าส่งต่างๆ (wholesalers) และผู้ค้าปลีก (retailers) จะหันมาสนใจธุรกิจ e-commerce เพิ่มขึ้น ซึ่งกรุงปักกิ่งกระตุ้นให้กลุ่มค้าปลีกและค้าส่งแบบดังเดิม (Traditional retailers and wholesalers) พัฒนาการขายสู่ระบบออนไลน์มากขึ้น นอกจากนี้กรุงปักกิ่งจะกำหนดนโยบายและจัดให้มีการอบรมผู้ขนส่งสินค้า รวมถึงวางมาตรฐานต่างๆสำหรับการขนส่งด้วยยานพาหนะเพื่อเป็นรากฐานให้กับระบบขนส่งในอนาคต