Eurostat ยืนยันยูโรโซนโต 0.6% QoQ sa ในไตรมาส 3/2017

Eurostat ยืนยันยูโรโซนโต 0.6% QoQ sa ในไตรมาส 3/2017

ประกาศรอบสุดท้ายจาก Eurostat ระบุว่า เศรษฐกิจยูโรโซน 19 ประเทศ เติบโต 0.6% QoQ sa ในไตรมาสที่ 3/2017 ช้าลงจากไตรมาสก่อนหน้าที่โตได้ถึง 0.7% QoQ sa เล็กน้อย แต่คงที่จากประมาณการครั้งก่อนหน้า และยังนับว่าเป็นการขยายตัวในระดับสูง โดยในรายงานรอบนี้มีการชี้แจงรายละเอียดของส่วนประกอบ GDP ออกมาด้วย มีใจความสำคัญดังนี้ การบริโภคภาคเอกชน โต 3% QoQ sa และนับว่ายังเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่สำคัญ แม้ว่าจะชะลอลงจากการเติบโตในหลายไตรมาสที่ผ่านมาก็ตาม โดยล่าสุดเดือน พ.ย. ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคขึ้นมาอยู่ที่ 0.1 ซึ่งนับว่าสูงที่สุดนับตั้งแต่ปี 2000 ขณะที่การว่างงานย่อลงอย่างต่อเนื่องเหลือ 8.8% แต่อัตราค่าจ้างที่ยังไม่ฟื้นตัวมากนัก อาจเป็นปัจจัยที่รั้งการบริโภคครัวเรือนไว้อยู่ การลงทุน โตค่อนข้างดีที่1% QoQ sa ภายใต้การดำเนินนโยบายการเงินที่ยังผ่อนคลายของธนาคารกลางยุโรป (ECB) และความเชื่อมั่นผู้ประกอบการที่อยู่ในระดับสูง หลังจากความไม่แน่นอนทางการเมืองหลายเหตุการณ์ผ่านพ้นไป นอกจากนั้น ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ […]

กองทุนเปิดบัวหลวงตราสารหนี้ (BFIXED) เดือนพฤศจิกายน 2560

กองทุนเปิดบัวหลวงตราสารหนี้ (BFIXED) เดือนพฤศจิกายน 2560

ภาพรวมตราสารหนี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยในเดือนตุลาคมปรับตัวเพิ่มขึ้น  0.02% – 0.09%  โดยมีปัจจัยหลักมาจาก 1) การขายสุทธิของนักลงทุนต่างชาติประมาณ 17,650 ล้านบาท ถือเป็นการขายสุทธิเป็นเดือนแรกในรอบปี โดยส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากเงินลงทุนของนักลงทุนต่างชาติที่ไหลกลับเข้าสู่ตลาดตราสารหนี้เกาหลีใต้อีกครั้งหลังสถานการณ์ความตึงเครียดในคาบสมุทรเกาหลีคลี่คลายลง 2) ตลาดกังวลต่อการที่นาย John Taylor มีโอกาสได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งประธานธนาคารกลางสหรัฐฯคนใหม่ ซึ่งจะทำให้การดำเนินนโยบายการเงินของ FED เปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่เข้มงวดมากขึ้น      อย่างไรก็ตาม ในท้ายที่สุด ประธานาธิบดี Trump ได้เสนอชื่อนาย Jerome Powell ให้ดำรงตำแหน่งประธานธนาคารกลางสหรัฐฯแทน โดยนาย Jerome Powell มีแนวคิดในการดำเนินนโยบายการเงินตามแนวทางเดิมด้วยการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างช้าๆ ตามภาวะเศรษฐกิจสหรัฐฯ ทำให้ตลาดตอบสนองในเชิงบวกต่อปัจจัยดังกล่าว ขณะที่การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินของสหรัฐฯในวันที่ 31 ต.ค. – 1 พ.ย. มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 1.00%-1.25% ตามเดิมและไม่มีการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ โดยคณะกรรมการฯหลายท่านยังเชื่อมั่นว่า จะสามารถขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีก 1 ครั้งในการประชุมครั้งสุดท้ายของปีในวันที่ 12-13 ธันวาคม 2017 […]

ธนาคารกลางจีนรับอัดฉีดเงินเข้าตลาด 7.19 หมื่นล้านดอลลาร์

ธนาคารกลางจีนรับอัดฉีดเงินเข้าตลาด 7.19 หมื่นล้านดอลลาร์

ธนาคารกลางจีน (PBOC) เปิดเผยว่าในเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมาได้อัดฉีดเงินเม็ดเงินมูลค่า 4.7498 แสนล้านหยวน หรือ 7.19 หมื่นล้านดอลลาร์เข้าสู่ตลาดผ่านเครื่องมือทางการเงินต่างๆ เพื่อรักษาสภาพคล่องในระบบให้เพียงพอ ทั้งนี้ ธนาคารกลางจีนได้อัดฉีดเงิน 4.04 แสนล้านหยวนเข้าสู่ตลาดผ่านโครงการเงินกู้ระยะกลาง (MLF) เพื่อรักษาสภาพคล่องระหว่างธนาคารให้มีเสถียรภาพ โดยโครงการเงินกู้ประเภทดังกล่าว มีระยะเวลาในการไถ่ถอน 1 ปี ด้วยอัตราดอกเบี้ย 3.2% ขณะเดียวกันธนาคารกลางจีนยังอนุมัติเงินมูลค่า 2.418 หมื่นล้านหยวนให้กับสถาบันการเงิน ผ่านโครงการเงินกู้ระยะสั้น (SLF) ในเดือนที่ผ่านมาด้วยเพื่อรองรับความต้องการสภาพคล่อง นอกจากนี้ ธนาคารกลางจีนยังได้อัดฉีดเงิน 4.68 หมื่นล้านหยวนให้กับธนาคารเพื่อการพัฒนาจีน, ธนาคารเพื่อพัฒนาการเกษตรของจีน และธนาคารเพื่อการนำเข้าและส่งออกของจีน ผ่านโครงการจัดสรรเงินกู้เพิ่มเติม (PSL) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่าการดำเนินการผ่านตลาดการเงิน (open market operations) ทำให้ธนาคารกลางจีน ถูกจับตามองอย่างใกล้ชิด หลังธนาคารกลางจีนได้กำหนดนโยบายการเงินปี 2017 ภายใต้กรอบที่ “รอบคอบและเป็นกลาง” เพื่อรักษาระดับสภาพคล่องให้เหมาะสม และหลีกเลี่ยงการอัดฉีดมากจนเกินไป

ศักยภาพไทยกับการเป็นฐานผลิตรถยนต์ไฟฟ้า ขับเคลื่อนการลงทุนยุคใหม่

ศักยภาพไทยกับการเป็นฐานผลิตรถยนต์ไฟฟ้า ขับเคลื่อนการลงทุนยุคใหม่

ในปัจจุบัน รถยนต์ที่ใช้กันทั่วไปบนท้องถนนนั้นต่างขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ชนิดสันดาปภายใน (Internal Combustion Engine: ICE) ซึ่งต้องใช้เชื้อเพลิงในรูปแบบน้ำมันเป็นหลัก แต่ในอนาคต การนำรถยนต์ที่ใช้พลังงานทางเลือกในการขับเคลื่อนจะเข้ามามีบทบาทในอุตสาหกรรมรถยนต์อย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะรถยนต์ไฟฟ้า หรือ EV (Electric Vehicle) ที่กำลังเป็นที่สนใจของตลาดในปัจจุบัน โดยรถยนต์ไฟฟ้านั้นจะขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าที่เปลี่ยนไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ให้กลายเป็นพลังงานกลขับเคลื่อนล้อแทนการสันดาปภายในเครื่องยนต์   ทั้งนี้ ในหลายประเทศทั่วโลกได้สนับสนุนให้ประชาชนหันมาใช้รถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น และตั้งเป้ายกเลิกการจำหน่ายรถยนต์ที่ขับเคลื่อนโดยพลังงานเชื้อเพลิงแบบเดิมภายในปี 2035-2040 ทำให้บริษัทรถหลายค่ายต้องเร่งวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีต่างๆ เพื่อรองรับความต้องการที่จะเกิดขึ้นในอนาคต โดยในอีก 30 ปีข้างหน้าองค์กรพลังงานระหว่างประเทศ (IEA) คาดว่ายอดขายรถยนต์ที่ใช้น้ำมัน จะค่อยๆ ถูกแทนที่ด้วยรถยนต์ที่หันมาพึ่งพาแหล่งพลังงานไฟฟ้ามากขึ้นเรื่อยๆ อาทิ รถยนต์ไฮบริด (Hybrid Electric Vehicle: HEV) รถยนต์ปลั๊กอินไฮบริด (Plug-in Hybrid Electric Vehicle: PHEV) และรถยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่ (BEV: Battery Electric Vehicle) เป็นต้น ความท้าทายในการเป็นฐานผลิต EV […]

อดีตผู้บริหาร Goldman Sachs บอก “หนี้จีนไม่น่าห่วง”

อดีตผู้บริหาร Goldman Sachs บอก “หนี้จีนไม่น่าห่วง”

Jim O’Neill นักเศรษฐศาสตร์ชื่อดัง บอกว่านักลงทุนควรจะหยุดห่วงเรื่องหนี้จีนได้เสียที O’Neill ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งเป็นประธานของ Goldman Sachs Asset Management กล่าวว่าหนี้ของจีนไม่ได้เป็นปัญหาใหญ่ เพราะว่าจีนเป็นประเทศที่มีการออมสูง รายงานจากจีนระบุว่า วันช็อปแห่งชาติ หรือวันศุกร์ที่ผ่านมา คนจีนซื้อสินค้าที่ลดแลกแจกแถมทางออนไลน์ด้วยจำนวนเงินรวมกันสูงถึง 25,000ล้านดอลลาร์ ตัวเลขนี้ทำให้นายโอนีลไม่กังวลใจมากนักกับการชะลอตัวของการบริโภคของจีน ที่ผ่านมา นักวิเคราะห์ต่างชาติออกมาพูดเกือบจะเป็นเสียงเดียวกันว่าเศรษฐกิจของจีนที่พึ่งพาการก่อหนี้อาจจะกลายเป็นความเสี่ยงของโลก เพราะว่าจีนมีขนาดเศรษฐกิจอันดับ 2 ของโลก ทางกองทุนการเงินระหว่างประเทศเขียนรายงานในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาว่า ประสบการณ์ระหว่างประเทศที่ผ่านมาทำให้เห็นว่าการเติบโตทางเครดิตของจีนอยู่ในภาวะอันตราย ซึ่งอาจจะเพิ่มความเสี่ยงของการปรับตัว และการชะลอตัวของเศรษฐกิจที่รุนแรง กองทุนการเงินระหว่างประเทศคาดการว่าหนี้ในส่วนที่ไม่ใช่ภาคการเงิน รวมทั้งหนี้ครัวเรือน หนี้บริษัทและหนี้รัฐบาลจะไปถึงระดับ 300% ต่อจีดีพีภายในปี 2022 จีนต้องการเพิ่มขนาดจีดีพี 1 เท่าตัวระหว่างปี 2010 ถึง 2020 แม้ว่าจะต้องเพิ่มหนี้ในภาคที่เกี่ยวข้องกับการเงิน

เศรษฐกิจฟิลิปปินส์ไตรมาส 3/2017 โต 6.9% YoY เกินคาด

เศรษฐกิจฟิลิปปินส์ไตรมาส 3/2017 โต 6.9% YoY เกินคาด

·        GDP ไตรมาส 3/2017 ของฟิลิปปินส์ เร่งขึ้นเป็น 6.9% YoY สูงที่สุดในรอบ 4 ไตรมาส และเร็วกว่าที่ตลาดคาดไว้ที่ 6.5% YoY ค่อนข้างมาก ทำให้รัฐบาลเชื่อว่า ประเทศฟิลิปปินส์จะเติบโตได้ในกรอบเป้าหมาย 6.5-7.5% ที่ตั้งไว้สำหรับปีนี้ นอกจากนั้น GDP ไตรมาสที่ 2/2017 ยังถูกปรับขึ้นจาก 6.5% YoY เป็น 6.7% YoY ด้วย ·        ด้านรายได้: ภาคอุตสาหกรรมและการบริการ เป็นเครื่องยนต์หลักที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจฟิลิปปินส์ในไตรมาส 3/2017 จากการขยายตัว 7.5% YoY และ 7.1% YoY ตามลำดับ ทว่า ภาคการเกษตรกลับโตเพียง 2.5% YoY สืบเนื่องจากผลผลิตที่ขยายตัวช้าที่สุดในรอบ 3 ไตรมาส ·        […]

ตลาดหุ้นจะแรลลี่ไปถึงช่วงคริสมาสต์

ตลาดหุ้นจะแรลลี่ไปถึงช่วงคริสมาสต์

Larry Hatheway หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ GAM เขียนรายงานว่า ตลาดหุ้นยังคงมีแรงเหวี่ยงที่จะแรลลี่ไปถึงช่วงคริสมาสต์ “ความเสี่ยงที่มากที่สุดสำหรับนักลงทุนคือในช่วงเวลาที่เหลือของปี 2017 จะเกิดการปรับราคาอย่างรุนแรงลงของตลาดหุ้นในช่วงขาขึ้นหรือไม่ บางคนมองว่าตลาดหุ้น และระดับราคาอาจจะตึงตัวเกินไปหลังจากที่มีการทำราคาสูงในปี 2017 นี้ แต่แรงเหวี่ยงโมเมนตั้มเป็นตัวขับเคลื่อนในช่วงสั้นในเกือบทุกตลาดในเวลานี้ แต่เราอาจจะเห็นหุ้นทำราคาสูงขึ้นในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ โดยที่นักลงทุนหลายคนอาจจะไม่เตรียมตัวพร้อมก็ได้” นายฮาทเธอเวย์เขียนในรายงาน สิ่งที่นายฮาทเวย์กล่าวชี้ให้เห็นว่าตลาดหุ้นยังคงไปได้ดี และแนวโน้มนี้จะยังไม่หยุด ถึงแม้ว่าดอกเบี้ยจะค่อยๆปรับตัวขึ้น ซึ่งในอดีตมีผลต่อผลประกอบการของหุ้น ปีนี้ตลาดหุ้น DAX ของเยอรมันขึ้นไปแล้ว 16% ส่วนตลาดหุ้น S&P 500 ขึ้น 15% โดยสร้างสถิติใหม่เกือบตลาดเวลาพร้อมกับตลาดหุ้นดาวโจนส์ และตลาดบราซิลขึ้น 20%

เศรษฐกิจอินเดียขึ้นอันดับ 3 ของโลกในปี 2028

เศรษฐกิจอินเดียขึ้นอันดับ 3 ของโลกในปี 2028

เศรษฐกิจอินเดียจะกลายเป็นเศรษฐกิจใหญ่อันดับ 3 ของโลก ตามหลังสหรัฐและจีนภายในปี 2028 เนื่องจากภาคการเงินที่เติบโตขึ้น รวมทั้งตลาดผู้บริโภคที่ขยายตัวตามจำนวนประชากรของอินเดีย รายงานของ Bank of America-Merill Lynch ระบุว่าเศรษฐกิจอินเดียจะแซงหน้าเศรษฐกิจของฝรั่งเศส และอังกฤษในปี 2019 ภายในปี 2027 ราคารถที่ถูกที่สุดจะเทียบเท่ารายได้เฉลี่ยต่อตัวต่อปีของคนอินเดีย เมื่อเทียบกับ 2.5 เท่า ในตอนนี้ ขณะที่เป็น 14.5 เท่าของเฉลี่ยรายได้ต่อหัวต่อปีในปี 2000 รายงานของ Bank of America-Merill Lynch บอกว่า ภายในปี 2028 ชาวนาเกือบจะทั้งหมดจะกลายเป็นผู้ที่มีรายได้ระดับกลาง โดยที่ประชากรกลุ่มนี้จะมีจำนวนเท่ากับประชาชนของรัสเซีย และจะอาศัยอยู่ในเมือง ในปี 2028 Bank of America-Merrill Lynch ทำนายว่าราคาน้ำมันจะอยู่ที่ 68 ดอลลาร์ต่อบาเรลล์ และค่าเงินรูปีจะอ่อนตัวลง 3% ระหว่างนี้ไปจนถึงปีนั้น เศรษฐกิจอินเดียจะมีภาคบริการเป็นตัวขับเคลื่อน […]

Key Take Away วันแรกของการประชุมใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์ครั้งที่ 19 (National Party Congress)

Key Take Away วันแรกของการประชุมใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์ครั้งที่ 19 (National Party Congress)

    เมื่อ 18 ต.ค. การประชุมใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์ครั้งที่ 19 (National Party Congress) เปิดฉากขึ้นแล้วที่มหาศาลาประชาชน กรุงปักกิ่ง และจะดำเนินไปถึงวันที่ 25 ต.ค. ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง กล่าวสุนทรพจน์เปิดการประชุมหรือที่เรียกว่า Political Report โดยมีใจความสำคัญ (Key Takeaways) ดังนี้;   Political Report เน้นย้ำการพัฒนาสังคมจีนไปสู่ 小康社会 ภายในปี 2020 (xiǎokāngshèhuì) หรือที่เป็นภาษาอังกฤษว่า Moderate Properous Society (คำนี้ใช้ตั้วแต่สมัยหูจิ่นเทา เน้นย้ำให้สังคมเข้าสู่กลุ่มรายได้ปานกลาง ให้ประชากรอยู่อย่างสะดวกสบาย แม้ว่าจะไม่ฟุ้งเฟ้อ แต่ทุกคนมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น) เพื่อให้ประเทศจีนบรรลุความฝันของชาวจีน (Chinese Dream ในนิยามนี้คือ เป้าหมายเป็นประเทศที่มีความทันสมัยในระบอบสังคมนิยมที่มีความเข้มแข็งฯและฟื้นฟูความยิ่งใหญ่ของชาติจีน หรือ Achieving the great renewal of the Chinese nation) โดยในเป้าหมายระยะยาวสีจิ้นผิงได้น้อมนำวิสัยทัศน์ของเติ้งเสี่ยวผิงให้จีนรุ่งเรืองภายในปี 2035 และให้แข็งแกร่งมั่งคั่งภายในปี 2050 […]

Morning Brief 19/10/17

Morning Brief 19/10/17

    สีเน้นเปิดประเทศจีนกว้างขึ้นสำหรับนักลงทนต่างประเทศ ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงประกาศว่าจีนสนับสนุนระบบเศรษฐกิจโลกที่เปิด และสัญญาว่าจีนจะเดินหน้าเปิดเสรีเพื่อให้นักลงทุนต่างชาติสามารถเข้ามาลงทุนในจีนได้สะดวกยิ่งขึ้น “ประตูของประเทศจีนจะไม่ปิด แต่จะเปิดกว้างมากขึ้น” สีพูด สีพูดในช่วงงานเปิดประชุมพรรคคอมมิวนิสต์ครั้งที่19ที่กรุงปักกิ่ง โดยย้ำว่าที่ผ่านมาจีนประสบความสำเร็จในการดำเนินตามระบบสังคมนิยมแบบจีนๆ และจีนจะสามารถสร้างสังคมที่มีความร่ำรวยพอประมาณตามเป้าหมายได้ สีบอกว่า นอกจากจะผลักดันนโยบายเปิดเสรีแล้ว จีนจะเปิดโอกาสให้กลไกตลาดได้ทำงาน เพื่อที่จะทำให้ระบบเศรษฐกิจมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นในการใช้ทรัพยากร โดยที่ระบบอัตราแลกเปลี่ยน และระบบอัตราดอกเบี้ยต่อไปจะถูกกำหนดโดยกลไกตลาดมากยิ่งขึ้น สีบอกว่า รัฐบาลจะยกเลิกกฎระเบียบ หรือวิธีปฏิบัติที่เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาตลาด และการแข่งขันที่เป็นธรรม และจะสนับสนุนบริษัทของเอกชน และกระตุ้นให้มีการแข่งขัน นักวิเคราะห์และนักลงทุนต่างประเทศให้ความสนใจกับนโยบายที่สีแถลงมาก เพราะว่าทุกคนอยากจะเห็นว่าสีมีความเด็ดเดี่ยวเพียงใดในการดำเนินการปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจของจีน ซึ่งได้ชะลอตัวลงในช่วงที่ผ่านมา การที่เศรษฐกิจจีนจะต่ออย่างยั่งยืนต่อไปได้ ต้องผ่านการปฏิรูป โดยเฉพาะอย่างยิ่งรัฐวิสาหกิจใหญ่ๆทั้งหลาย ที่หลายแห่งไม่สามารถแข่งขั้นได้อีกต่อไป สีบอกว่า รัฐบาลจะสนับสนุนกลไกตลาดในการแก้ไขรัฐวิสาหกิจ รวมทั้งจะสนับสนุนการควบรวมกิจการสำหรับรัฐวิสาหกิจ