เทคโนโลยีบล็อคเชน อัศวินผู้ที่จะมาเปลี่ยนโลก

เทคโนโลยีบล็อคเชน อัศวินผู้ที่จะมาเปลี่ยนโลก

By…จารุพันธ์ จิระรัชนิรมย์ บล็อคเชน (Blockchain) เป็นหนึ่งในเทคโนโลยีมาแรง ได้รับการขนานนามว่า จะมาเปลี่ยนโลกได้ แต่หลายคนอาจเคยรู้จักบล็อคเชนเฉพาะในมุมของการเป็นเทคโนโลยีที่ใช้ในเงินสกุลดิจิทัล หรือ cryptocurrency  ซึ่งจริงๆ แล้ว นั่นเป็นเพียงเศษเสี้ยวหนึ่งที่เผยตัวอย่างขีดความสามารถของบล็อคเชนให้คนได้รู้จักเท่านั้น ใครที่ยังไม่เข้าใจบล็อคเชน ขออธิบายง่ายๆ ว่า บล็อคเชนเป็นรูปแบบการจัดเก็บข้อมูลแบบหนึ่งของระบบที่ไม่มีศูนย์กลางแต่เชื่อถือได้และยากแก่การปลอมแปลง โดยจะให้ทุกคนในเครือข่ายที่ทำหน้าที่จัดเก็บถือเอกสารข้อมูลชุดเดียวกัน เมื่อมีการอัพเดทข้อมูลก็จะอัพเดทด้วยกันทั้งหมด จึงทำให้มั่นใจได้ว่าเอกสารเหล่านั้นจะเชื่อถือได้ ไม่มีการปลอมแปลง จากข้อดีนี้เอง ทำให้ธุรกิจต่างๆ สนใจนำบล็อคเชนไปใช้ คำถามต่อมา คือ บล็อคเชนจะไปรวมตัวกับเทคโนโลยีอื่น แล้วสร้างปรากฎการณ์อะไรได้อีกหรือไม่ เรื่องนี้  ภูมิ ภูมิรัตน ที่ปรึกษาอาวุโส บริษัท G-Able เปิดเผยในหัวข้อ Blockchain’s Future (2018 and Beyond) ภายในงาน ‘Startup Thailand 2018’ ครั้งล่าสุดว่า จุดเด่นของบล็อคเชน คือ มาทดแทนกระบวนการเดิมที่ต้องใช้กระดาษไปสู่การเก็บข้อมูลแบบไร้กระดาษ หากทำอย่างถูกต้อง บล็อคเชนก็เป็นสิ่งที่น่าเชื่อถือกว่ากระดาษ ปัจจุบัน […]

สตาร์ทอัพแปรงอัจฉริยะปิ๊งไอเดียต่อยอดสู่ประกันทันตกรรม

สตาร์ทอัพแปรงอัจฉริยะปิ๊งไอเดียต่อยอดสู่ประกันทันตกรรม

ซีเอ็นบีซี รายงานว่า อเล็กซ์ ฟรอมเมเยอร์ ซึ่งมาจากครอบครัวของทันตแพทย์ ได้ริเริ่มทำธุรกิจเกิดใหม่บนพื้นฐานเทคโนโลยี (สตาร์ทอัพ) ขายประกันทันตกรรม ที่แตกต่างออกไป บริษัทนี้มีชื่อว่า Beam Dental (บีม เดนทัล) เริ่มต้นจากการขายแปรงสีฟันที่เชื่อมต่อบลูทูธ จึงทำให้แปรงสีฟันนี้เชื่อมต่อกับแอพพลิเคชั่นได้ เมื่อคนได้ใช้แปรงสีฟันนี้ จึงทำให้ผู้ก่อตั้งบริษัทมองเห็นโอกาสที่ใช้ฐานข้อมูลที่เก็บได้โดยการเข้าสู่ตลาดขายประกันทันตกรรม แนวคิดนี้มาจากข้อมูลที่เก็บได้ทำให้พบว่า มีผู้ใช้งานแปรงสีฟันเชื่อมต่อบลูทูธที่ใช้ไหมขัดฟันหรือแปรงฟันอย่างสม่ำเสมอ ดังนั้นกลุ่มนี้จึงมีโอกาสน้อยที่จะมีปัญหาต้องเสียค่าใช้จ่ายสูงจากการใช้บริการทันตกรรม เช่น ปัญหารากฟัน สำหรับผลิตภัณฑ์ประกันทันตกรรม มีครอบคลุม 16 เมือง สร้างรายได้ให้บริษัทได้ 22.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และทำให้บริษัทระดมทุนได้รวมมากกว่า 30 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยลูกค้าที่เซ็นสัญญาจะเข้าร่วมแผนการทำประกันทันตกรรมกับบีม เดนทัล จะได้รับแปรงสีฟันที่เชื่อมต่อบลูทูธพร้อมด้วยอุปกรณ์อื่นๆ เช่น ไหมขัดฟัน หัวเปลี่ยนแปรง จากนั้นผู้ที่ใช้แปรงอัจฉริยะนี้แล้วแบ่งปันข้อมูลกับแอพพลิเคชั่น จะได้ประโยชน์จ่ายค่าบริการทันตกรรมในอัตราที่ต่ำลง ขณะเดียวกันยังย้ำว่า บริษัทไม่ได้นำข้อมูลของผู้ใช้งานไปแบ่งปันให้องค์กรอื่นๆ Lucas Swisher ผู้ซึ่งมาร่วมเป็นคณะกรรมการในบีม เดนทัล และเป็นผู้ลงทุนคาดการณ์ว่า ตลาดทันตกรรมมีมูลค่าประมาณ 78,000 […]

เซินเจิ้นไฟเขียวเทนเซ็นต์ทดลองยานยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติได้

เซินเจิ้นไฟเขียวเทนเซ็นต์ทดลองยานยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติได้

ไชน่าเดลี่ รายงานว่า เทนเซ็นต์ บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านอินเทอร์เน็ตในจีน ได้รับใบอนุญาตใบแรกให้ทดสอบยานยนต์เชื่อมต่ออัจฉริยะบนถนนที่กำหนดไว้ ถือเป็นก้าวสำคัญสำหรับการศึกษาวิจัยเทคโนโลยีขับเคลื่อนยานยนต์อัตโนมัติ สำหรับใบอนุญาตนี้ รัฐบาลเซินเจิ้นเป็นผู้ออกให้ ถือเป็นเมืองแรกและเมืองเดียวที่ให้ใบอนุญาตออกมา ขณะที่รถยนต์ทดสอบเปิดตัวออกมาแล้วเมื่อเดือนที่ผ่านมาในปักกิ่ง เป็นการปรับแต่งรถยนต์อเนกประสงค์ (SUV) โดยนำกล้องและเลเซอร์เรดาร์มาใช้ด้านบนของตัวรถ ภายในรถ และด้านหลังของรถ ซู กุยเฟิง หัวหน้าฝ่ายวิจัยยานยนต์อัตโนมัติของเทนเซ็นต์ กล่าวว่า การพัฒนายานยนต์ที่ใช้เทคโนโลยีขับเคลื่อนอัตโนมัตินี้เข้าสู่การพัฒนาในระยะที่ 3 แล้ว และกำลังรวบรวมข้อมูลเพื่อสนับสนุนการพัฒนาในขั้นที่ 4 และ 5 ต่อไป สำหรับการพัฒนาในระดับที่ 3 นี้ รถยนต์จะสามารถจัดการด้านการขับขี่ได้ ประกอบด้วย การตรวจจับสิ่งแวดล้อม แต่คนขับก็ยังพร้อมที่จะขับเองได้ตลอดเวลา แต่การพัฒนาในขั้นสูงไปกว่านี้จะทำให้ไม่ต้องมีคนขับเข้ามาแทรกแซงโปรแกรมการขับขี่เลย

เฟดศึกษาใช้แมชชีนเลิร์นนิ่งในภาคการเงิน

เฟดศึกษาใช้แมชชีนเลิร์นนิ่งในภาคการเงิน

ซีเอ็นบีซี ระบุว่า แรนดัล ควาเรส รองประธานฝ่ายกำกับดูแลภาคธนาคารของคณะกรรมการบริหารธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยว่า ธนาคารกลางอยู่ในขั้นเริ่มต้นของการศึกษาใช้เทคโนโลยีการเรียนรู้ด้วยเครื่อง (แมชชีน เลิร์นนิ่ง) ในอุตสาหกรรมการเงิน เพื่อเปลี่นแปลงแนวทางการกำกับดูแลต่างๆ ให้เหมาะสมกับกรอบการกำกับดูแลที่วางไว้อยู่ ทั้งนี้ เฟดลงทุนไปมากสำหรับ การใช้เครื่องมือแมชชีน เลิร์นนิ่งเพื่อมีปฏิสัมพันธ์กับผู้บริโภค เนื่องจากต้องการให้แน่ใจว่าในตลาดมีการปฏิบัติตามแนวทางการปกป้องดูแลที่มีอยู่ ขณะเดียวกันเฟดก็ยังต้องการใช้เครื่องมือนี้เพื่อตอบสนองผู้บริโภคในรูปแบบที่เฉพาะเจาะจงมากขึ้น เช่น ใช้ปัญญาประดิษฐ์ หรืออัลกอรึธึ่มประเมินความเสี่ยงและตัดสินใจด้านเครดิต

อินสตาแกรมซุ่มเปิดช่องช็อป-จ่ายจบในแอพ

อินสตาแกรมซุ่มเปิดช่องช็อป-จ่ายจบในแอพ

ซีเอ็นบีซี รายงานว่า อินสตาแกรม ได้เปิดให้ผู้ใช้งานสามารถเก็บข้อมูลการชำระเงินและซื้อสินค้าได้โดยตรงแล้วผ่านแอพพลิเคชั่น โดยฟังก์ชั่นการชำระเงินนี้จะปรากฎขึ้นหลังจากที่มีผู้ใช้งานตั้งค่าในแอพพลิเคชั่นพร้อมกับเพิ่มข้อมูลบัตรเดบิตหรือบัตรเครดิตเข้าไป ซึ่งที่ผู้ใช้งานสามารถติดตามประวัติการชำระเงินที่เกิดขึ้นได้ พร้อมทั้งกำหนด PIN หรือ รหัสผ่านเพื่อความปลอดภัยก่อนทำรายการ ทั้งนี้ การที่อินสตาแกรมเปิดให้ช็อปปิ้งและชำระค่าสินค้าและบริการกับผู้ขายปลีกออนไลน์ได้เลยภายในอินสตาแกรม ทำให้ผู้ใช้งานลดขั้นตอนทำให้ซื้อได้ไวขึ้น จากเดิมเมื่อกดเข้าไปแล้วจะมีหน้าเพจซื้อขายของเว็บไซต์ผู้ขายเด้งขึ้นมาเพื่อให้ผู้ซื้อไปดำเนินการต่อ ก็สามารถทำทุกอย่างจบได้ในอินสตาแกรม ถือเป็นเครื่องมือสนับสนุนธุรกิจและการโฆษณา ผ่านแพลตฟอร์มแบ่งปันภาพถ่าย อย่างไรก็ดี รูปแบบการใช้งานนี้ยังเปิดให้เฉพาะกลุ่มพันธมิตรที่คัดเลือกแล้วเท่านั้น เช่น ร้านอาหารออนไลน์ที่เปิดให้สำรองที่นั่ง ชื่อว่า Resy

ไป่ตู้ตั้งกองทุนลงทุนบริษัทอินเทอร์เน็ต-เอไอ

ไป่ตู้ตั้งกองทุนลงทุนบริษัทอินเทอร์เน็ต-เอไอ

ไชน่า เดลี่ รายงานว่า ไป่ตู้ บริษัทไอทีชั้นนำและผู้นำเว็บไซต์ด้านการค้นหาอันดับหนึ่งในประเทศจีน ได้จัดตั้งกองทุนฉางเฉิง อินเวสเม้นท์ พาร์ทเนอร์ เพื่อสนับสนุนบริษัทด้านอินเทอร์เน็ตที่เติบโตอย่างรวดเร็วและด้านปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) โดยวางเงินลงทุนช่วงแรกไว้ 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐสำหรับกองทุนนี้  ซึ่งกองทุนนี้จะไปลงทุนโครงการขนาด 20-30 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สำหรับก่อนหน้านี้ ไป่ตู้ ได้จัดตั้งกองทุนอิสระขึ้นมา 2 กองทุนเพื่อไปลงทุนในกิจการด้านอินเทอร์เน็ตอยู่แล้ว ได้แก่ ไป่ตู้ เวนเจอร์ มีเป้าหมายลงทุนในโครงการสตาร์ทอัพที่เกี่ยวข้องกับเรื่องเอไอ โดยมีเงินลงทุนทั้งหมด 200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จะลงทุนในโครงการระยะแรก และไป่ตู้ แคปปิตอล มีเงินลงทุน 2 หมื่นล้านหยวน หรือประมาณ 3,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เน้นลงทุนในโครงการที่เกี่ยวข้องกับอินเทอร์เน็ต สำหรับการลงทุนในระยะกลาง และระยะยาว ที่ผ่านมา ไป่ตู้ เวนเจอร์ ได้ลงทุนไปแล้วมากกว่า 50 โครงการ ส่วนไป่ตู้ แคปปิตอล ลงทุนในโครงการจราจรอัจฉริยะ ประกอบด้วย แพลตฟอร์มบริษัท […]

คนไทยกว่า 44%เล็งใช้รถพลังงานไฟฟ้า หากซื้อคันใหม่

คนไทยกว่า 44%เล็งใช้รถพลังงานไฟฟ้า หากซื้อคันใหม่

บริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด บรรยายข้อมูลจากผลงานวิจัยที่น่าสนใจเกี่ยวกับ “อนาคตของรถยนต์พลังงานไฟฟ้าในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้” (Future of Electric Vehicles in South East Asia) จากความร่วมมือระหว่าง นิสสัน และฟรอสต์ แอนด์ ซัลลิแวน (Frost & Sullivan) องค์กรที่มีหน้าที่ให้คำปรึกษาและวิจัยระดับโลก มีกลุ่มตัวอย่างจากประเทศไทย 300 คน โดยผลงานวิจัยเผยให้เห็นว่าปัจจุบันมีผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้าอยู่น้อย แต่ผู้บริโภคส่วนใหญ่รับรู้เกี่ยวกับข้อแตกต่างระหว่างเทคโนโลยีของรถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่มีมากมาย อาทิ รถยนต์ไฟฟ้าที่ใช้แบตเตอรี่ (BEV) รถยนต์ปลั๊กอิน ไฮบริด (PHEV) รถยนต์ไฮบริด (Full Hybrid) และรถยนต์นิสสัน อี-เพาเวอร์ (e-POWER) เป็นต้น สำหรับประเทศไทย รายงานระบุว่า ความต้องการรถยนต์พลังงานไฟฟ้ามีสูงถึง 44 % ของผู้ที่ตอบแบบสอบถามเห็นว่า พวกเขาจะพิจารณารถยนต์พลังงานไฟฟ้า ในการวางแผนเพื่อซื้อรถคันต่อไป […]

เกาะกระแส e-Commerce รุ่ง ดันธุรกิจในห่วงโซ่เฟื่องฟู (ตอนจบ)

เกาะกระแส e-Commerce รุ่ง ดันธุรกิจในห่วงโซ่เฟื่องฟู (ตอนจบ)

By…ฐนิตา ตุมราศวิน และณัฐพัช กิตติปวณิชย์ Fund Management Group การบริหาร Supply Chain หัวใจของ e-Commerce นอกเหนือจากความน่าสนใจของธุรกิจ e-Commerce ที่มีแนวโน้มเติบโตอย่างก้าวกระโดดแล้ว ธุรกิจอื่นๆ ซึ่งมีส่วนในการเพิ่มศักยภาพให้กับธุรกิจ e-Commerce ก็มีโอกาสขยายตัวได้อย่างรวดเร็วเป็นเงาตามตัว โดยเฉพาะธุรกิจโลจิสติกส์ที่นับเป็นหัวใจของ e-Commerce เนื่องจากผู้บริโภคและคู่ค้านั้นจะให้ความสำคัญกับความถูกต้อง รวดเร็วในการได้รับสินค้าเป็นหลัก รวมไปถึงค่าใช้จ่ายในการขนส่งก็ไม่ควรสูงจนเกินไป ทำให้ในช่วงที่ผ่านมา ตลาดโลจิสติกส์มีผู้ให้บริการรายใหม่เกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก มีการสร้างคลังสินค้าขึ้นหลายแห่ง เพื่อรองรับความต้องการของตลาด e-Commerce โดยธุรกิจกล่องกระดาษบรรจุภัณฑ์ และยานยนต์เพื่อการขนส่งก็ได้รับอานิสงส์ในการเติบโตไปด้วย นอกจากธุรกิจโลจิสติกส์แล้ว การชำระเงินจากการซื้อขายผ่าน e-Commerce ยังนับเป็นโอกาสให้กับธนาคารพาณิชย์ต่างๆ ขณะที่การเข้าถึงสมาร์ทโฟน และอินเทอร์เน็ตที่เพิ่มขึ้นของประชาชนก็นับว่าเอื้อประโยชน์ต่อผู้ประกอบการด้านการสื่อสารโทรคมนาคม และผู้พัฒนาระบบแอพพลิเคชั่นด้วย อย่างไรก็ดี การเติบโตของธุรกิจ e-Commerce ไทยยังถือว่าอยู่ในระยะเริ่มต้นเท่านั้น โดยในระยะข้างหน้า ไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคที่เข้าสู่ยุคดิจิทัลมากขึ้น น่าจะส่งผลให้ผู้ประกอบการต้องมีการปรับรูปแบบการดำเนินธุรกิจ เพื่อตอบโจทย์ให้ทันกับความต้องการของผู้บริโภค ซึ่งเป็นสิ่งที่จะมองข้ามไม่ได้  

เกาะกระแส e-Commerce รุ่ง ดันธุรกิจในห่วงโซ่เฟื่องฟู (ตอนที่ 2)

เกาะกระแส e-Commerce รุ่ง ดันธุรกิจในห่วงโซ่เฟื่องฟู (ตอนที่ 2)

By…ฐนิตา ตุมราศวิน และณัฐพัช กิตติปวณิชย์ Fund Management Group โอกาสเติบโตของ e-Commerce ไทย ในปี 2017 ETDA ประมาณการว่า ธุรกิจ e-Commerce ไทยจะมีมูลค่าสูงถึง 2.8 ล้านล้านบาท โดยขยายตัวเฉลี่ย 11.4% ต่อปีนับตั้งแต่ปี  2015 สะท้อนแนวโน้มผู้ประกอบการไทยนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ในการดำเนินธุรกิจมากขึ้น รวมไปถึงการเข้ามาแสวงหาโอกาสทางธุรกิจอย่างต่อเนื่องของบริษัทต่างชาติ ทั้งนี้ รัฐบาลตั้งเป้าไว้ว่ามูลค่า e-Commerce ของไทยจะสามารถแตะระดับ 5 ล้านล้านบาทได้ในอีก 3 ปีข้างหน้า หรือเท่ากับว่าอัตราการเติบโตจะเร่งขึ้นเป็นประมาณ 15.5% ต่อปี ซึ่งเรามองว่า ธุรกิจ e-Commerce ไทยยังมีศักยภาพขยายตัวได้อีกมาก ด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้ 1.   กำลังซื้อโต หนุนธุรกิจค้าปลีกออนไลน์ ปัจจุบันค้าปลีกออนไลน์มีความสำคัญต่อการเติบโต e-Commerce ไทยมากขึ้นเรื่อยๆ โดยพัฒนาการของเทคโนโลยีที่กลายเป็นส่วนหนึ่งของการใช้ชีวิตประจำวัน ส่งผลให้ค้าปลีกออนไลน์สามารถเข้าไปชิงส่วนแบ่งตลาดของธุรกิจค้าปลีกรูปแบบเดิมอย่างต่อเนื่อง […]

เกาะกระแส e-Commerce รุ่ง ดันธุรกิจในห่วงโซ่เฟื่องฟู (ตอนที่1)

เกาะกระแส e-Commerce รุ่ง ดันธุรกิจในห่วงโซ่เฟื่องฟู (ตอนที่1)

By…ฐนิตา ตุมราศวิน และณัฐพัช กิตติปวณิชย์ Fund Management Group เกาะกระแส e-Commerce รุ่ง ดันธุรกิจในห่วงโซ่เฟื่องฟู ในยุคที่เราทุกคนถูกเชื่อมต่อกันด้วยเทคโนโลยีเพียงปลายนิ้วสัมผัส กิจกรรมต่างๆที่เคยทำแบบออฟไลน์ ก็ถูกเปลี่ยนมาเป็นออนไลน์ ทั้งการซื้อตั๋วโดยสาร การจองห้องพักโรงแรม การทำธุรกรรมทางการเงิน และการดูภาพยนตร์ เป็นต้น จึงไม่น่าแปลกใจที่ทุกวันนี้ไม่ว่าหันไปทางไหน ผู้คนในสังคมก็ต่างก้มหน้าก้มตาใช้สมาร์ทโฟนในมือ สมาร์ทโฟนจึงกลายเป็นอุปกรณ์สำคัญ และมีความจำเป็นสำหรับการใช้ชีวิตประจำวันไปโดยปริยาย ทั้งนี้ จากรายงานของ Google ร่วมกับ Temasek ที่ออกมาในช่วงปลายปีที่ผ่านมา มีตัวเลขหนึ่งที่น่าสนใจ คือ ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรืออาเซียนนั้น ได้รับการจัดอันดับให้เป็นภูมิภาคที่ประชากรใช้เวลาเฉลี่ยในการใช้อินเทอร์เน็ตบนโทรศัพท์มือถือต่อวันสูงที่สุดในโลก เฉลี่ยวันละ 3.6 ชั่วโมง และในบรรดาประเทศอาเซียนนี้ คนไทยมีการใช้งานอินเทอร์เน็ตผ่านมือถือสูงที่สุดในโลก ถึงวันละ 4.2 ชั่วโมง เมื่อเทียบกับชาวอเมริกันที่ใช้อินเทอร์เน็ตบนมือถือเฉลี่ยวันละ 2 ชั่วโมง และชาวญี่ปุ่นที่ใช้เพียงวันละ 1 ชั่วโมง จากผลสำรวจของสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือ […]