หุ้นไทยปิดตลาดบวกกว่า 13 จุด มาอยูที่ 1,696.16 จุด

หุ้นไทยปิดตลาดบวกกว่า 13 จุด มาอยูที่ 1,696.16 จุด

ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทย (SET Index) ปิดวันนี้ (12 ต.ค. 2018) อยู่ที่ระดับ 1,696.16 จุด เพิ่มขึ้น 13.27 จุด หรือ 0.79% โดยระหว่างวันดัชนีทำระดับสูงสุดที่ 1,699.60 จุด และทำระดับต่ำสุดที่ 1,688.44 จุด มูลค่าการซื้อขาย 39,660.59 ล้านบาท หลักทรัพย์ที่มีการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับได้แก่ 1.PTT ปิดที่ 51.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท มูลค่าการซื้อขาย 4,021.79 ลบ. 2.AOT ปิดที่ 63.50 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท มูลค่าการซื้อขาย 1,240.85 ลบ. 3.PTTEP ปิดที่ 148.00 […]

BF Morning Brief Special : แนะแผนนักลงทุนรับมือภาวะตลาดหุ้นผันผวนทั่วโลก

BF Morning Brief Special : แนะแผนนักลงทุนรับมือภาวะตลาดหุ้นผันผวนทั่วโลก

ตลาดหุ้นดาวน์โจนส์ร่วงไปกว่า 1,300 จุดในช่วง 2 วันทำการ คือวันพุธและพฤหัสบดีที่ผ่านมา แม้วันศุกร์สถานการณ์จะดีขึ้นบ้างก็ตาม ซึ่งหลังจากกองทุนบัวหลวงศึกษาติดตามเหตุการณ์ก็พบว่า แม้หลายคนจะมองว่าเหตุการณ์นี้เป็นผลจากธนาคารกลางสหรัฐจะปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยขึ้น หรือผลจากสงครามการค้าที่ทวีความรุนแรง แต่เมื่อพิจารณาดูแล้วประเด็นเหล่านี้ไม่ได้มีมุมมองใหม่ๆ ดังนั้นอาจเป็นผลจากประเด็นอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ ระยะ10 ปี ที่ขึ้นมาแรงแตะระดับประมาณ 3.25% ทำให้ตลาดเกิดความกังวล ขณะเดียวกันจากการที่ได้พูดคุยกับ ผู้จัดการกองทุนในต่างประเทศ อาจเป็นเพราะปัจจุบันในสหรัฐมีการใช้โปรแกรมระบบซื้อขายอัตโนมัติ (โรบอท เทรด) กันมากขึ้น ด้วยเหตุนี้อาจมีปัจจัยบางประการไปเข้าข่ายเงื่อนไขที่ระบุไว้ในระบบอัตโนมัติที่ทำให้สั่งขายหุ้นออกมา เพราะผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ ระยะ 10 ปีที่แตะระดับ 3.25% นั้น ถือเป็นตัวเลขผ่านแนวต้านหลักๆ ขึ้นมา สำหรับ กรณีที่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือไอเอ็มเอฟ ออกรายงานมาในวันอังคารและพุธติดกัน โดยระบุว่า จะมีการปรับลดเป้าหมายผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของโลกลงในปีนี้และปีหน้า รวมทั้งเตือนว่าดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐอาจสูงเกินไป และนักลงทุนอาจประเมินความเสี่ยงสงครามการค้าต่ำเกินไป ก็อาจจะมีส่วนกับการที่ตลาดหุ้นปรับลดลงมาบ้าง เพราะทุกคนก็พยายามสะท้อนปัจจัยต่างๆ เข้าไปสู่ราคาหุ้น นอกจากนี้ในความคิดเห็นส่วนตัวยังมองว่า การที่ไอเอ็มเอฟออกรายงานมานั้นอาจเพราะต้องการให้สหรัฐและจีนหันหน้ามาพูดคุยกัน จึงสะท้อนให้เห็นว่าภาพรวมที่เคยมองนั้นอาจไม่เหมือนที่คิดไว้ ทางด้านตลาดหุ้นจีนและตลาดหุ้นเกิดใหม่ที่ปรับลดลงมามากจากความกังวลสงครามการค้านั้น ในมุมมองของกองทุนบัวหลวง […]

UNWTO ชี้ครึ่งปีแรกท่องเที่ยวโลกเติบโตแข็งแกร่ง 6%

UNWTO ชี้ครึ่งปีแรกท่องเที่ยวโลกเติบโตแข็งแกร่ง 6%

องค์กรการท่องเที่ยวโลกแห่งสหประชาชาติ หรือ UNWTO ได้จัดทำรายงานล่าสุด ระบุว่า ในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา นักท่องเที่ยวที่เดินทางระหว่างประเทศทั่วโลกเติบโต 6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยจำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางระหว่างประเทศเพิ่มขึ้นในทุกภูมิภาคของโลก เป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของความต้องการเดินทางที่แข็งแกร่งจากตลาดหลักๆ ซึ่งได้รับแรงสนับสนุนจากเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัว และเป็นการเติบโตที่ต่อเนื่องมาจากปีที่ผ่านมาที่การท่องเที่ยวโลกเติบโต 7% Zurab Pololikashvili เลขาธิการ UNWTO กล่าวว่า จากข้อมูลตัวเลขนักท่องเที่ยวที่เดินทางระหว่างประเทศในช่วงครึ่งปีแรกที่ออกมา เป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความยืดหยุ่นของอุตสาหกรรมนี้ และสะท้อนถึงทิศทางการเติบโตอย่างไม่หยุดยั้ง โดยเรายังคงทำงานอย่างหนักกับพันธมิตรของเราเพื่อแปลงการเติบโตที่ดีนี้ให้ไปสู่การมีงานทำที่ดีขึ้น การส่งผ่านประโยชน์ไปยังสังคมมากขึ้น และการสร้างโอกาสมากขึ้นสำหรับการมีวิถีชีวิตที่ยั่งยืน เป็นจุดหมายการเดินทางที่ยั่งยืน ทั้งนี้ หากพิจารณาข้อมูลรายภูมิภาค พบว่า ยุโรป เอเชีย และแปซิฟิกนั้น มียอดนักท่องเที่ยวที่เดินทางระหว่างประเทศ เติบโต 7% ขณะที่กลุ่มยุโรปที่อยู่ทางทะเล เมดิเตอเรเนียนตอนใต้ และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นั้น เป็นภูมิภาคที่การท่องเที่ยวเติบโตแข็งแกร่งที่สุด มีจำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางระหว่างประเทศเติบโตถึง 9% ด้านตะวันออกกลางและแอฟริกา ยังมีตัวเลขนักท่องเที่ยวที่เดินทางระหว่างประเทศเติบโตได้ 5% และ 4% ตามลำดับ ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากยังเป็นพื้นที่ที่ข้อมูลของจุดหมายปลายทางยังมีจำกัด ส่วนอเมริกาเติบโต 3% […]

Fund Comment : ตลาดหุ้น กันยายน 2018

Fund Comment : ตลาดหุ้น กันยายน 2018

ภาพรวมตลาดหุ้น ดัชนีตลาดหุ้นไทยในเดือน ก.ย. ปรับตัวสูงขึ้น 2% จากเดือนก่อนหน้า ให้ผลตอบแทนดีกว่าเมื่อเทียบกับภูมิภาค สาเหตุหลักเพราะตลาดมีความคาดหวังเรื่องการเลือกตั้ง หลังจากศาลรัฐธรรมนูญตัดสินว่า พ.ร.ป. การเลือกตั้ง ส.ส. ไม่ขัดรัฐธรรมนูญ ส่งผลให้การเลือกตั้งสามารถจัดขึ้นได้ภายใน 150 วันหลังจากที่กฎหมายเลือกตั้งมีผลบังคับใช้ในเดือน ธ.ค. 2018 หรือภายในเดือน พ.ค. 2019 รวมทั้งประเด็นเรื่องค่าเงินบาทที่แข็งค่าเทียบกับค่าเงินสกุลอื่นๆ ในภูมิภาคเดียวกัน ด้วยสถานะการเงินการคลังของประเทศไทยที่ดีกว่าโดยเปรียบเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน ผู้ซื้อหลักในตลาดหุ้นไทยยังคงเป็นนักลงทุนสถาบันในประเทศ โดยมีแรงซื้อผ่านกลุ่มหุ้นพลังงาน ตามราคาน้ำมัน WTI ที่ปรับตัวสูงขึ้นสู่ระดับ 73.25 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล จากต้นเดือนที่อยู่ในระดับต่ำกว่า 70 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล กลุ่มไฟแนนซ์ขนาดเล็กที่ปรับตัวขึ้นหลังตลาดคลายความกังวลประเด็นเพดานดอกเบี้ยสูงสุด โดยตัวเลขอัตราดอกเบี้ยสูงสุดที่ ธปท.เพิ่งประกาศในช่วงปลายเดือน ก.ย. สูงกว่าที่บริษัทไฟแนนซ์ขนาดเล็กส่วนใหญ่เรียกเก็บ ขณะที่นักลงทุนต่างประเทศยังคงขายต่อเนื่องในระดับเดียวกันกับเดือนก่อนหน้าที่ 10,000 ล้านบาท สะท้อนให้เห็นว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทย ณ ระดับนี้น่าจะยังไม่ใช่ระดับที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนต่างประเทศ ด้านปัจจัยนอกประเทศที่ยังคงกดดันตลาดหุ้นโดยรวมยังเป็นประเด็นสงครามการค้าที่เริ่มเห็นการตอบโต้ระหว่างกันมากขึ้น หลังจากโดนัลด์ ทรัมป์ประกาศขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนด้วยอัตราภาษี 10% […]

หุ้นไทยปิดตลาดร่วงเกือบ 40 จุด อยู่ที่ 1,682.89 จุด

หุ้นไทยปิดตลาดร่วงเกือบ 40 จุด อยู่ที่ 1,682.89 จุด

ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทย (SET Index) ปิดวันนี้ (11 ต.ค. 2018) อยู่ที่ระดับ 1,682.89 จุด ลดลง 38.93 จุด หรือ -2.26% โดยระหว่างวันดัชนีทำระดับสูงสุดที่ 1,688.63 จุด และทำระดับต่ำสุดที่ 1,673.59 จุด มูลค่าการซื้อขาย 82,888.83 ล้านบาท หลักทรัพย์ที่มีการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับได้แก่ 1.PTT ปิดที่ 51.00 บาท ลดลง -3.00 บาท มูลค่าการซื้อขาย 8,280.00 ลบ. 2.CPALL ปิดที่ 67.25 บาท ลดลง -1.75 บาท มูลค่าการซื้อขาย 3,910.76 ลบ. 3.PTTEP ปิดที่ 146.00 […]

ไทยคว้าอันดับ 2 ประเทศที่ธุรกรรมผ่านอาลีเพย์มากสุดช่วงวันชาติจีน

ไทยคว้าอันดับ 2 ประเทศที่ธุรกรรมผ่านอาลีเพย์มากสุดช่วงวันชาติจีน

หลังจากผ่านพ้นวันหยุดยาวที่เป็นสัปดาห์เฉลิมฉลองวันชาติจีน (Golden Week) ตั้งแต่วันที่ 1-7 ต.ค. อาลีเพย์ ได้ทำข้อมูลสถิติในช่วงวันหยุดยาวดังกล่าวไว้ เนื่องจากบริการของอาลีเพย์ตามสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญๆ ทั่วโลกเพิ่มมากขึ้น ทำให้ยอดใช้จ่ายในต่างประเทศผ่านแอพอาลีเพย์เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งจากข้อมูลสถิติชี้ว่า ประเทศไทยครองอันดับ 2 ของประเทศที่คนจีนทำธุรกรรมผ่านอาลีเพย์มากที่สุดในช่วงวันหยุดยาววันชาติจีนปีนี้ ซึ่งเป็นอันดับเดิมเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ทั้งนี้ ปริมาณธุรกรรมผ่านอาลีเพย์ในประเทศไทย เป็นอันดับ 1 ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเป็นอันดับ 2 ของโลก ส่วนยอดใช้จ่ายเฉลี่ยต่อคนต่อครั้งในไทยอยู่ที่ 1,584 หยวน หรือ 7,500 บาท เพิ่มขึ้น 0.95 เท่าจากปีที่แล้ว คิดเป็นอันดับที่ 23 จากทั่วโลก โดยนักท่องเที่ยวจีนนิยมใช้บริการอาลีเพย์เพื่อซื้อสินค้าจาก ร้านสะดวกซื้อ ร้านค้าปลอดภาษี และร้านขายยา ขณะที่ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ครองอันดับ 3 ในบรรดาสนามบินทั้งหมดทั่วโลกในด้านปริมาณธุรกรรมผ่านอาลีเพย์ตามหลังท่าอากาศยานนานาชาติฮ่องกง และท่าอากาศยานชางงีของสิงคโปร์ โดยปริมาณธุรกรรมเพิ่มขึ้น 1.3 เท่าจากปีที่แล้ว […]

หุ้นไทยปิดตลาดพุ่งเกือบ 25 จุด อยู่ที่ 1,721.82 จุด

หุ้นไทยปิดตลาดพุ่งเกือบ 25 จุด อยู่ที่ 1,721.82 จุด

ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทย (SET Index) ปิดวันนี้ (10 ต.ค. 2018) อยู่ที่ระดับ 1,721.82 จุด เพิ่มขึ้น 24.90 จุด หรือ 1.47% โดยระหว่างวันดัชนีทำระดับสูงสุดที่ 1,721.82 จุด และทำระดับต่ำสุดที่ 1,707.63 จุด มูลค่าการซื้อขาย 46,879.48 ล้านบาท หลักทรัพย์ที่มีการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับได้แก่ 1.PTT ปิดที่ 54.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.75 บาท มูลค่าการซื้อขาย 4,517.99 ลบ. 2.PTTEP ปิดที่ 152.00 บาท เพิ่มขึ้น 4.00 บาท มูลค่าการซื้อขาย 1,793.20 ลบ. 3.PTTGC ปิดที่ 79.50 […]

มาเลเซียหวังสร้างแบรนด์รถยนต์โดยใช้ชิ้นส่วนยานยนต์ในอาเซียน

มาเลเซียหวังสร้างแบรนด์รถยนต์โดยใช้ชิ้นส่วนยานยนต์ในอาเซียน

เดอะสเตรทไทม์ รายงานว่า มาเลเซียได้มีการผลักดันเป็นครั้งที่ 3 ให้สร้างแบรนด์รถยนต์ของชาติขึ้นมา โดยจะใช้ชิ้นส่วนยานยนต์จากประเทศเพื่อนบ้านในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อใช้ความแข็งแกร่งของในภูมิภาคนี้ในการรับมือกับสงครามการค้าสหรัฐ-จีน Darell Leiking รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการค้าและอุตสาหกรรมของมาเลเซีย ระบุว่า มหาเธร์ โมฮัมหมัด นายกรัฐมนตรีมาเลเซียนั้นมีความฝันว่าจะพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ของมาเลเซียด้วยการสร้างแบรนด์รถยนต์มาเลเซียเอง โดยมหาเธร์ มองว่า มาเลเซียสามารถเข้าไปมีส่วนร่วมกันได้ อาเซียนเข้าไปมีส่วนร่วมกันได้ นั่นก็คือการร่วมกันผลิตรถยนต์และทำให้กลายเป็นแบรนด์รถยนต์ของชาติในอาเซียน ไม่ใช่แค่สำหรับมาเลเซียเท่านั้น หลังจากที่สงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนเริ่มทวีความรุนแรงขึ้นนั้น 10 ประเทศในประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ได้ประโยชน์จากการที่บริษัทต่างๆ เคลื่อนย้ายคำสั่งซื้อและการผลิตมายังภูมิภาคนี้ โดยภูมิภาคอาเซียนถือเป็นจุดหมายอันดับต้นๆ คือมากกว่า 1 ใน 3 หรือ 430 บริษัทอเมริกันในจีนต้องการจะเคลื่อนย้ายการปฏิบัติงานมาในภูมิภาคนี้ ซึ่งนี่เป็นผลสำรวจที่ได้จากหอการค้าอเมริกันในจีน ปัจจุบันโตโยต้า มอเตอร์ ทาทา มอเตอร์ส และฟอร์ด มอเตอร์ ต่างก็ปฏิบัติการอยู่ในไทย ซึ่งถือเป็นโรงงานผลิตรถยนต์ที่ใหญ่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยคาดว่าไทยจะผลิตรถยนต์ได้ถึง 3.5 ล้านคันในปี 2020 เพิ่มขึ้น 80% จากปี 2016 […]

จัดพอร์ตกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ออกแบบได้สไตล์คุณ!

จัดพอร์ตกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ออกแบบได้สไตล์คุณ!

จัดพอร์ตกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ออกแบบได้สไตล์คุณ! โดย  พริ้มพัชร จิรบวรพงศา AFPTTM ผู้เชี่ยวชาญด้านการวางแผนทางการเงิน BF Knowledge Center กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ หรือ Provident Fund คือ กองทุนที่นายจ้างและลูกจ้างร่วมกันจัดตั้งขึ้น (คณะกรรมการกองทุนฯ) โดยเงินของกองทุนมาจาก “เงินที่ลูกจ้างจ่าย เรียกว่า เงินสะสม” และ “เงินที่นายจ้างจ่าย เรียกว่า เงินสมทบ” เงินทั้งสองส่วนนี้จะถูกนำไปบริหารจัดการก่อให้เกิดผลประโยชน์จากเงินสะสมและผลประโยชน์จากเงินสมทบ ซึ่งผลประโยชน์ที่เกิดขึ้นมาจากนโยบายการลงทุนในกองทุนสำรองเลี้ยงชีพนั่นเอง นโยบายการลงทุนในกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ หากไม่เป็นแบบคณะกรรมการกองทุนฯ เลือกให้ ซึ่งส่วนใหญ่จะเน้นลงทุนในกองทุนที่มีความเสี่ยงต่ำไว้ก่อน เนื่องจากเกรงว่าลูกจ้างบางส่วนอาจไม่มีความรู้ ความเข้าใจเรื่องความเสี่ยงและการลงทุน แต่หากปัจจุบันมีความรู้ความเข้าใจมากขึ้นก็อาจรวมตัวกันแจ้งความประสงค์กับคณะกรรมการกองทุนฯ ว่าจะปรับไปเป็นแบบ Employee Choice ได้ไหม? คือเปิดโอกาสให้ลูกจ้างเลือกนโยบายการลงทุนได้ด้วยตัวเอง สำหรับ บริษัทที่เปิดให้เลือกนโยบายลงทุนในกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (Employee Choice) ถือว่าเป็นโอกาสที่ดีมาก  เพราะทำให้สามารถจัดพอร์ตลงทุนผ่านกองทุนสำรองเลี้ยงชีพได้ โดยอย่างแรกที่ควรทำก่อน คือ ศึกษานโยบายการลงทุนแต่ละกองทุนที่มีให้เลือก จากนั้นให้พิจารณาตัวเองว่า รับความเสี่ยงได้แค่ไหน? ต้องการผลตอบแทนประมาณเท่าไร?  เพราะหากต้องการได้ผลตอบแทนสูง […]

Fund Comment: มุมมองตลาดตราสารหนี้ กันยายน 2561

Fund Comment: มุมมองตลาดตราสารหนี้ กันยายน 2561

มุมมองตลาดตราสารหนี้ เดือนกันยายนที่ผ่านมาถือได้ว่าเป็นเดือนที่เกี่ยวข้องกับการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินในประเทศสำคัญๆ หลายประเทศทั้งฝั่งยุโรป อเมริกา เอเชียรวมถึงไทย ซึ่งผลการประชุมทางฝั่งยุโรปทั้งธนาคารกลางยุโรป (ECB) และธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ก็เป็นไปตามที่ตลาดคาด ECB ประกาศลด QE ลงครึ่งหนึ่งเป็น 1.5 หมื่นล้านยูโรต่อเดือนในไตรมาส 4 และจะกลับมาพิจารณาการยุติ QE อีกครั้ง และ BoE ได้มีมติเอกฉันท์คงอัตราดอกเบี้ยที่ 0.75% มาทางฝั่งเอเชีย ได้มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของบางประเทศ เช่น ธนาคารกลางอินโดนีเซีย ปรับขึ้น 0.25% เป็น 5.75% ธนาคารกลางฟิลิปปินส์ ปรับขึ้น 0.50% เป็น 4.50% ส่วนทางด้านไทยนั้น ที่ประชุม กนง. มีมติคงนโยบายไว้ในระดับเดิมที่ 1.50% ตามคาด แต่จุดสนใจของตลาดอยู่ที่มติ 5 ต่อ 2 เสียง โดย 2 […]