วุฒิสภาสหรัฐฯ ไฟเขียวงบ 52,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หนุนเซมิคอนดักเตอร์
วุฒิสภาสหรัฐฯ อนุมัติร่างกฎหมายงบประมาณ 52,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สำหรับใช้ในการอุดหนุนอุตสาหกรรมการผลิตชิปเซมิคอนดักเตอร์ หลังจากหารือกันมาหลายเดือน ปัญหาขาดแคลนชิปของภาคอุตสาหกรรมในวงกว้าง ทำให้เกิดปัญหาการผลิตหยุดชะงักในภาคยานยนต์และสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ และทำให้บางบริษัทต้องลดขนาดการผลิตลงมา ทั้งยังทำให้เกิดการเรียกร้องลดการพึ่งพาประเทศอื่นในด้านเซมิคอนดักเตอร์มากขึ้น วุฒิสภามีการผ่านกฎหมายชิปออกมาเมื่อเดือนมิถุนายน 2021 ซึ่งให้ใช้เงิน 190,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับเทคโนโลยีและการวิจัยของสหรัฐฯ เพื่อแข่งขันกับจีน ขณะที่สภาผู้แทนราษฎร ก็ผ่านกฎหมายในเวอร์ชันของตัวเองไปช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ 2022 ร่างกฎหมายนี้มีการใช้แนวทางต่างๆ มาจัดการเรื่องความสามารถในการแข่งขันของสหรัฐฯ กับจีน หลากหลายประเด็น รวมถึงการค้า และข้อกำหนดด้านสภาพอากาศบางส่วนด้วย Jen Psaki โฆษกทำเนียบขาวสหรัฐฯ กล่าวว่า การที่วุฒิสภาลงมติถือเป็นอีกก้าวหนึ่งของการทำให้ห่วงโซ่อุปทานของเราเข้มแข็งขึ้น มีการดำเนินงานในอเมริกามากขึ้น เอาชนะจีนและส่วนอื่นๆ ของโลกในทศวรรษถัดไปได้ โดยเราหวังว่าสภาผู้แทนราษฎรก็จะดำเนินการอย่างรวดเร็ว เพื่อเริ่มกระบวนการประชุมอย่างเป็นทางการเช่นกัน ที่มา : Reuters
ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ 5 ปี และ 30 ปี กลับข้างเป็นครั้งแรกนับจากปี 2006
เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา เกิดปรากฎการณ์ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 5 ปี และ 30 ปี กลับข้างกันเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2006 จากความกลัวที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับความเป็นไปได้ในการเกิดเศรษฐกิจถดถอย สำหรับผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 5 ปี เพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ 2.56% ขณะที่พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 30 ปี ผลตอบแทนปรับลดลงไปอยู่ที่ 2.55% ซึ่งถือเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2006 ที่เกิดวิกฤติการเงินโลก ที่พันธบัตรอายุสั้น 5 ปี ให้ผลตอบแทนมากว่าพันธบัตรอายุยาว 30 ปี ทั้งนี้นักค้าเงินกำลังจับตาส่วนต่างระหว่างผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 2 ปี และอายุ 10 ปี ซึ่งปัจจุบันยังคงเป็นบวกอยู่ ในประวัติศาสตร์นั้น ผลตอบแทนกลับทิศ หรือ inverted yield curve คือ ผลตอบแทนของพันธบัตรอายุสั้นสูงกว่าพันธบัตรอายุยาว จะเกิดขึ้นในช่วงก่อนที่เกิดเศรษฐกิจถดถอย ดังนั้นเครื่องชี้นี้จึงทำให้นักลงทุนเป็นกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจ […]
ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 28 มี.ค. 2565 ปิดตลาดที่ 1,684.30 จุด เพิ่มขึ้น 7.50 จุด
ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 28 มี.ค. 2565 ปิดตลาดที่ 1,684.30 จุด เพิ่มขึ้น 7.50 จุด (+0.45%) ระหว่างวัน ดัชนีสูงสุดที่ 1,687.20 จุด และต่ำสุดที่ 1,676.75 จุด มูลค่าการซื้อขาย 57,231.98 ล้านบาท หลักทรัพย์ที่มีการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับ ได้แก่ 1.TOP ปิดที่ 54.50 บาท เพิ่มขึ้น 1.25 บาท (+2.35%) มูลค่าการซื้อขาย 1,867.53 ลบ. 2.KBANK ปิดที่ 158.00 บาท ลดลง 0.50 บาท (-0.32%) มูลค่าการซื้อขาย 1,839.23 ลบ. 3.TH ปิดที่ 4.80 […]
อินเดียลุยซื้อน้ำมันรัสเซียราคาถูกตุนต่อเนื่อง ขณะที่จีนเตรียมซื้อเพิ่มเป็นรายต่อไป
ขณะนี้เห็นสัญญาณว่ารัสเซียส่งมอบน้ำมันให้อินเดียเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ นับตั้งแต่เดือนมีนาคม หลังจากรัสเซียโจมตียูเครน และมีแนวโน้มว่าอินเดียจะซื้อน้ำมันราคาถูกมากขึ้นอีกจากรัสเซีย ส่วนจีน ซึ่งเป็นผู้ซื้อน้ำมันรัสเซียรายใหญ่อันดับ 2 ก็คาดว่าจะซื้อน้ำมันจากรัสเซียมากขึ้นในราคาที่มีส่วนลดเพิ่มขึ้น ซึ่งแนวโน้มนี้อาจหมายถึงราคาน้ำมันดิบที่จะสูงขึ้นในอนาคต ประเทศผู้นำเข้าน้ำมันหลักๆ อย่างอินเดียและจีน เผชิญกับราคาน้ำมันดิบที่สูง เนื่องจากราคาเพิ่มขึ้นตั้งแต่ปีที่ผ่านมา ขณะที่ราคาน้ำมันมีความผันผวนในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา แกว่งตัวทั้งขาขึ้นและขาลง แต่ก็ยังสูงขึ้นถึง 80% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า “เราเชื่อว่าจีน และอินเดียจะเดินหน้าซื้อน้ำมันดิบรัสเซียที่มีส่วนลดอย่างหนัก” Matt Smith หัวหน้านักวิเคราะห์น้ำมัน ของ Kpler กล่าว สิ่งที่เกิดขึ้นนี้แสดงให้เห็นถึงความแตกต่างจากวาทศิลป์ที่ประเทศมหาอำนาจของโลกและบริษัทต่างๆ บอกว่าจะละทิ้งจากน้ำมันรัสเซีย เนื่องจากการทำสงครามที่ไร้เหตุผลกับยูเครน ขณะที่สหรัฐฯ โจมตีรัสเซียด้วยการคว่ำบาตรด้านพลังงาน ส่วนอังกฤษก็มีแผนที่จะทำเช่นนั้นภายในสิ้นปีนี้ ด้านสหภาพยุโรปก็กำลังพิจารณาทำเช่นเดียวกัน สำนักงานพลังงานระหว่างประเทศ ระบุว่า การคว่ำบาตรนี้ทำให้เกิดช่องว่างในตลาด รัสเซียพบว่ามีน้ำมันดิบส่วนเกินที่ไม่สามารถขายได้ และมีการนำน้ำมันดิบอูราล ซึ่งเป็นน้ำมันผสมหลักที่รัสเซียส่งออก มาเสนอขายในราคาที่มีส่วนลดแบบเป็นประวัติการณ์ แต่การนำเข้าก็ยังมีจำกัด เนื่องจากผู้นำเข้าน้ำมันในเอเชียส่วนใหญ่จะยึดติดกับคู่ค้ารายดั้งเดิมในตะวันออกกลาง ละตินอเมริกา และแอฟริกา ที่มา : CNBC
B-CHINAARMF B-CHINE-EQ B-CHINESSF BBLAM Weekly Investment Insights
BBLAM Weekly Investment Insights 28 มีนาคม – 1 เมษายน 2022
INVESTMENT STRATEGY รัฐบาลจีนเคลียร์หมดทุกความกังวลของนักลงทุน ขณะที่ปัจจัยบวกสำหรับหุ้นจีนก็มีรออยู่ คุณมทินา วัชรวราทร CFA® Head of Investment Strategy จาก BBLAM สรุปสถานการณ์ที่มีผลกับตลาดหุ้นจีนว่า ช่วงที่ผ่านมาคณะกรรมการดูแลเสถียรภาพทางการเงิน หรือ FSB ที่มีรองนายกรัฐมนตรี Liu He เป็นประธาน มีการประชุมนัดพิเศษ หลังตลาดหุ้นถูกเทขาย โดยเฉพาะ ETF หุ้นเทคโนโลยีจีน โดยภายหลังประชุมก็เรียกความเชื่อมั่นให้ตลาดหุ้นจีนได้มากเลยทีเดียว เพราะได้จัดการความกังวลที่นักลงทุนมีไปทุกเรื่อง สะท้อนให้เห็นว่ารัฐบาลจีน มีความเข้าใจและพร้อมสนับสนุนตลาดการเงิน ประเด็นที่ช่วงจีนแก้ปัญหาความคาใจของนักลงทุนไป ความกังวลที่บริษัทจีนที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ อาจถูกเพิกถอนจากตลาด เพราะหากเกิดขึ้นจริงแล้วต้องทำการแลกหุ้นเพื่อไปลงทุนหุ้นจีนนั้นต่อในตลาดหุ้นฮ่องกง จะมีนักลงทุนสถาบันส่วนน้อยมากๆ ที่สามารถตามไปลงทุนต่อได้ เพราะถ้าเป็นกองทุนที่มีนโยบายลงทุนได้แต่หุ้นในสหรัฐฯ ก็ต้องเทขายหุ้นเหล่านี้ออกมาทั้งหมด แต่เรื่องนี้นายกรัฐมนตรีจีนย้ำว่า ยังสนับสนุนบริษัทจีนที่จดทะเบียนในต่างประเทศ และมีการคุยกับฝั่งสหรัฐฯ เพื่อหาทางออกสำหรับบริษัทจีนที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ อยู่นอกจากนี้ยังแก้ปัญหาความกังวลเรื่องการจัดระเบียบบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ของจีน โดยย้ำว่า จะจัดระเบียบบิ๊กเทคฯ ให้เสร็จสิ้นโดยเร็วที่สุด อีกทั้งกฎระเบียบบริษัทแพลตฟอร์มอินเทอร์เน็ตควรมีมาตรฐาน โปร่งใส และคาดการณ์ได้ ความกังวลเรื่อง Zero Covid Policy หรือการที่จีนยังคงใช้มาตรการควบคุมโควิดโดยมีเป้าหมายไม่ให้มีผู้ติดเชื้อ […]
ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 25 มี.ค. 2565 ปิดตลาดที่ 1,676.80 จุด ลดลง 4.09 จุด
ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 25 มี.ค. 2565 ปิดตลาดที่ 1,676.80 จุด ลดลง 4.09 จุด (-0.24%) ระหว่างวัน ดัชนีสูงสุดที่ 1,685.41 จุด และต่ำสุดที่ 1,674.12 จุด มูลค่าการซื้อขาย 62,111.49 ล้านบาท หลักทรัพย์ที่มีการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับ ได้แก่ 1.PTTGC ปิดที่ 51.50 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง มูลค่าการซื้อขาย 1,619.21 ลบ. 2.CPALL ปิดที่ 64.25 บาท ลดลง 0.25 บาท (-0.39%) มูลค่าการซื้อขาย 1,617.53 ลบ. 3.PTTEP ปิดที่ 151.50 บาท ลดลง 2.50 […]
เงินลงทุนเริ่มไหลกลับเข้าหุ้นเทคแล้ว หลังจากไหลออกช่วง 2 เดือนแรก
นักลงทุนเริ่มกลับมาสนใจซื้อกองทุนหุ้นเทคโนโลยีอีกครั้ง โดยพบว่า มีเงินลงทุนไหลกลับเข้ามาลงทุนเพิ่มขึ้น ท่ามกลางแรงกดดันเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น และการเทขายพันธบัตรผลักดันให้นักลงทุนเข้าไปมองหากลุ่มธุรกิจที่มองว่าทั้งมีราคาถูกและมีความยืดหยุ่น จากข้อมูลของ Refinitiv พบว่า มีเงินลงทุนไหลเข้ามาในกองทุนหุ้นเทคโนโลยีประมาณ 2,550 ล้านดอลลาร์สหรัฐ นับตั้งแต่วันที่ 16 มีนาคม 2022 หลังจากที่เงินไหลออกไป 6,860 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในช่วง 2 เดือนแรกของปีนี้ “หุ้นเทคฯ ยังไม่เห็นการปรับตัวลดลงของปัจจัยพื้นฐาน ดังนั้นการปรับขึ้นครั้งนี้เป็นการฟื้นตัวหลังจากนักลงทุนที่ระมัดระวังมาก คาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) จะใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดเร็วเกินไป และเมื่อมองไปข้างหน้า ฤดูกาลประกาศผลการดำเนินงานไตรมาสแรกก็จะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้าแล้ว ซึ่งหนึ่งในกลุ่มที่ถูกคาดหวังว่าผลการดำเนินงานจะโดดเด่นคือกลุ่มเทคฯ เนื่องจากรายได้ในช่วงการแพร่ระบาด” Amanda Agati ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุนของ PNC Asset Management Group กล่าว ที่มา : Reuters
รัสเซียเล็งขายน้ำมันและก๊าซรับเป็นบิทคอยน์ท่ามกลางมาตรการฝั่งตะวันตกที่รุนแรงขึ้น
รัสเซียเผชิญกับการคว่ำบาตรที่รุนแรงขึ้นจากประเทศฝั่งตะวันตก จากกรณีการรุกรานยูเครน ทำให้รัสเซียกำลังพิจารณาที่จะรับชำระเงินด้วยบิทคอยน์สำหรับการส่งออกน้ำมันและก๊าซ Pavel Zavalny ประธานคณะกรรมการที่ดูแลด้านพลังงานของรัสเซีย กล่าวว่า สำหรับประเทศที่เป็นมิตรกับรัสเซีย เช่น จีน หรือตุรกี รัสเซียยินดีที่จะมีความยืดหยุ่นมากขึ้นในทางเลือกการชำระเงิน โดยพร้อมรับทั้งสกุลเงินท้องถิ่นของผู้ซื้อ เช่นเดียวกับบิทคอยน์ ที่ได้รับการพิจารณาให้เป็นทางเลือกอื่นสำหรับการชำระเงินค่าส่งออกพลังงานของรัสเซีย Zavalny กล่าวว่า ก่อนหน้านี้เราเสนอให้จีนเปลี่ยนมาชำระบัญชีด้วยสกุลเงินประจำชาติ ระหว่างรูเบิลและหยวน ส่วนตุรกี ก็จะซื้อขายด้วยสกุลเงินลีรากับรูเบิล นอกจากนี้ก็ยังสามารถซื้อขายกันด้วยบิทคอยน์ได้ ราคาบิทคอยน์ปิดเพิ่มขึ้น 4% ใน 24 ชั่วโมง เป็น 44,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อ 1 เหรียญบิทคอย์ ขณะที่ราคาคริปโทเคอร์เรนซี เพิ่มขึ้นในรอบเวลาเดียวกัน หลังข่าวนี้ออกมา ที่มา : CNBC
ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 24 มี.ค. 2565 ปิดตลาดที่ 1,680.89 จุด เพิ่มขึ้น 2.94 จุด
ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 24 มี.ค. 2565 ปิดตลาดที่ 1,680.89 จุด เพิ่มขึ้น 2.94 จุด (+0.18%) ระหว่างวัน ดัชนีสูงสุดที่ 1,685.12 จุด และต่ำสุดที่ 1,675.19 จุด มูลค่าการซื้อขาย 66,566.59 ล้านบาท หลักทรัพย์ที่มีการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับ ได้แก่ 1.PTT ปิดที่ 39.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท (+0.64%) มูลค่าการซื้อขาย 3,018.09 ลบ. 2.PTTEP ปิดที่ 154.00 บาท เพิ่มขึ้น 2.00 บาท (+1.32%) มูลค่าการซื้อขาย 2,767.98 ลบ. 3.KBANK ปิดที่ 159.00 […]
ธุรกิจในยูโรโซนเติบโตแข็งแกร่งกว่าที่คาดในเดือนมีนาคม
กิจกรรมของภาคธุรกิจในเขตยูโรโซนในเดือนมีนาคม ยังคงเติบโตแข็งแกร่งกว่าที่คาดการณ์ แม้ว่าราคาปรับเพิ่มขึ้นเป็นประวัติการณ์ จนสร้างแรงกดดันให้ธนาคารกลางยุโรปต้องพิจารณาปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ทั้งนี้การเติบโตของกิจกรรมธุรกิจบางอย่างมาจากการฟื้นตัวหลังยกเลิกมาตรการควบคุมต่างๆ เกี่ยวกับโควิด-19 ส่วนแนวโน้มระยะข้างหน้ายังคลุมเครือ เนื่องจากปัญหาห่วงโซ่อุปทานอันเกิดจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา เลวร้ายลงไปอีกเมื่อเจอสถานการณ์รัสเซียโจมตียูเครน จากข้อมูล Flash Composite Purchasing Managers ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อที่จัดทำโดย S&P Global ซึ่งมักจะถูกใช้เป็นมาตรวัดภาวะเศรษฐกิจโดยรวม ปรับลดลงมาอยู่ที่ 54.5 ในเดือนมีนาคม จากที่อยู่ในระดับ 55.5 ในเดือนกุมภาพันธ์ แต่ยังอยู่เหนือค่าเฉลี่ยกลางจากผลสำรวจของ Reuters ซึ่งอยู่ที่ 53.9 และค่าดัชนีที่เกิน 50.0 แปลว่า ยังมีการเติบโตอยู่ “ข้อมูลผลสำรวจเน้นย้ำว่า สงครามรัสเซีย-ยูเครน มีผลกระทบโดยฉับพลันต่อเรื่องวัตถุดิบ และกระทบเศรษฐกิจของยูโรโซน นอกจากนี้ยังทำให้มีความเสี่ยงที่เศรษฐกิจยูโรโซนจะชะลอตัวลงในไตรมาสที่ 2” Chris Williamson หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ธุรกิจของ S&P Global กล่าว ที่มา : Reuters