ดัชนีตลาดหุ้นไทยวันที่ 10 มี.ค. 2568 ปิดตลาดที่ 1,177.44 จุด ลดลง 24.59 จุด (-2.05%)

ดัชนีตลาดหุ้นไทยวันที่ 10 มี.ค. 2568 ปิดตลาดที่ 1,177.44 จุด ลดลง 24.59 จุด (-2.05%)

ดัชนีตลาดหุ้นไทยวันที่ 10 มี.ค. 2568 ปิดตลาดที่ 1,177.44 จุด ลดลง 24.59 จุด (-2.05%) ระหว่างวัน ดัชนีต่ำสุดที่ 1,177.44 จุด และสูงสุดที่ 1,196.52 จุด มูลค่าการซื้อขาย 34,257.69 ล้านบาท หลักทรัพย์ที่มีการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับ ได้แก่  PTT ปิดที่ 28.25 บาท ลดลง 1.50 (-5.04%) มูลค่าการซื้อขาย 2,675.66 ล้านบาท AOT ปิดที่ 38.75 บาท ลดลง 1.50 (-3.73%) มูลค่าการซื้อขาย 1,634.41 ล้านบาท DELTA ปิดที่ 76.50 บาท ลดลง 4.75 (-5.85%) […]

แบงก์ชาติญี่ปุ่นอาจขึ้นดอกเบี้ยเร็วสุดในพ.ค. นี้ รับแนวโน้มเงินเฟ้อขยับขึ้น

แบงก์ชาติญี่ปุ่นอาจขึ้นดอกเบี้ยเร็วสุดในพ.ค. นี้ รับแนวโน้มเงินเฟ้อขยับขึ้น

สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานว่า แรงกดดันเงินเฟ้อจากการปรับขึ้นค่าจ้างและต้นทุนอาหารที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง อาจทำให้คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) พิจารณาปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งต่อไป เร็วสุดในเดือนพ.ค.นี้ อย่างไรก็ตาม การที่ BOJ จะปรับขึ้นหรือคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 30 เม.ย. – 1 พ.ค. นี้ จะขึ้นอยู่กับแนวโน้มเงินเฟ้อและผลกระทบจากนโยบายของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่มีต่อตลาดการเงิน โดยคาดว่า BOJ จะคงนโยบายการเงินเอาไว้ในการประชุมวันที่ 18-19 มี.ค.นี้ หลังเพิ่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจากระดับ 0.25% เป็น 0.50% ในการประชุมเดือนม.ค. ที่ผ่านมา โดยตลาดส่วนใหญ่คาดการณ์ว่าการขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งถัดไปจะเกิดขึ้นในไตรมาส 3 ของปีนี้ ชินอิจิ อุชิดะ รองผู้ว่าการ BOJ กล่าวว่า “เราไม่ได้ขึ้นอัตราดอกเบี้ยในทุกการประชุม” ซึ่งนับเป็นการส่งสัญญาณว่าไม่น่าจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนมี.ค. อย่างไรก็ตาม โอกาสที่ BOJ จะขึ้นดอกเบี้ยในเดือนพ.ค. เพิ่มสูงขึ้น เนื่องจาก BOJ จะเปิดเผยคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจและอัตราเงินเฟ้อรายไตรมาส โดยขยายช่วงการคาดการณ์ไปถึงปีงบประมาณ […]

ดัชนีตลาดหุ้นไทยวันที่ 7 มี.ค. 2568 ปิดตลาดที่ 1,202.03 จุด เพิ่มขึ้น 12.48 จุด (+2.49%)

ดัชนีตลาดหุ้นไทยวันที่ 7 มี.ค. 2568 ปิดตลาดที่ 1,202.03 จุด เพิ่มขึ้น 12.48 จุด (+2.49%)

ดัชนีตลาดหุ้นไทยวันที่ 7 มี.ค. 2568 ปิดตลาดที่ 1,202.03 จุด เพิ่มขึ้น 12.48 จุด (+2.49%) ระหว่างวัน ดัชนีต่ำสุดที่ 1,186.93 จุด และสูงสุดที่ 1,202.03 จุด มูลค่าการซื้อขาย 37,805.49 ล้านบาท หลักทรัพย์ที่มีการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับ ได้แก่  KBANK ปิดที่ 148.00 บาท ลดลง 0.50 (-0.34%) มูลค่าการซื้อขาย 2,060.03 ล้านบาท ADVANC ปิดที่ 274.00 บาท มูลค่าการซื้อขาย 1,866.40 ล้านบาท CPALL ปิดที่ 52.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 (+0.48%) มูลค่าการซื้อขาย 1,777.68 ล้านบาท  […]

ECB ลดดอกเบี้ย 0.25% ตามคาด หั่นเป้าศก.ปีนี้เหลือโต 0.9%

ECB ลดดอกเบี้ย 0.25% ตามคาด หั่นเป้าศก.ปีนี้เหลือโต 0.9%

สำนักข่าว Euronews รายงานว่า ธนาคารกลางยุโรป (ECB) มีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% ในการประชุมนโยบายการเงินวานนี้ (6 มี.ค.) และนับเป็นการลดดอกเบี้ยครั้งที่ 6 ตั้งแต่เดือนมิ.ย. 2024 ท่ามกลางเศรษฐกิจยุโรปที่ยังคงอ่อนแอ ขณะที่อัตราเงินเฟ้อเริ่มขยับเข้าใกล้เป้าหมายที่ 2% มติที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน ECB ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยเงินฝากขณะนี้อยู่ที่ 2.50% ส่วนอัตราดอกเบี้ยเงินกู้อยู่ที่ระดับ 2.90% และอัตราดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์อยู่ที่ระดับ 2.65% มีผลตั้งแต่วันที่ 12 มี.ค.เป็นต้นไป แถลงการณ์ของ ECB ระบุว่า “แนวทางการดำเนินนโยบายการเงินเริ่มผ่อนคลายลงมาก โดยการปรับลดอัตราดอกเบี้ยทำให้ต้นทุนการกู้ยืมลดน้อยลงสำหรับภาคธุรกิจและครัวเรือน ซึ่งจะช่วยหนุนการเติบโตของสินเชื่อให้เพิ่มขึ้น” “ขณะเดียวกัน ปัจจัยที่ขัดขวางการผ่อนคลายการให้สินเชื่อยังมาจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในอดีต และการให้สินเชื่อโดยรวมที่ยังคงอยู่ในระดับต่ำ ขณะที่เศรษฐกิจยังคงเผชิญกับความท้าทายอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ ECB ปรับลดคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจลงอีกครั้ง มาอยู่ที่ 0.9% ในปี 2025, 1.2% ในปี 2026 และ 1.3% ในปี 2027” การปรับลดอัตราดอกเบี้ยในครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากที่อัตราเงินเฟ้อยูโรโซนเดือนก.พ. […]

Fund Comment กุมภาพันธ์ 2025: มุมมองตลาดตราสารหนี้

Fund Comment กุมภาพันธ์ 2025: มุมมองตลาดตราสารหนี้

ประเด็นสำคัญที่ส่งผลต่อตลาดตราสารหนี้ ในเดือนก.พ. คือ การประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงินของไทย การประกาศตัวเลขเศรษฐกิจต่างๆ ของสหรัฐฯ ที่มีผลต่อการตัดสินใจปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของคณะกรรมการ FOMC และการประกาศนโยบายที่เกี่ยวข้องกับการตั้งกำแพงภาษีสินค้านำเข้าของสหรัฐฯ และประเทศคู่ค้าต่างๆ ที่จะกระทบต่อระบบเศรษฐกิจและการเงินของโลก อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ปรับตัวลดลง 20-34 bps ซึ่งถึงแม้ว่าตัวเลขเงินเฟ้อในเดือนมกราคมจะอยู่ที่ 3.0% YoY สูงกว่าเดือนก่อนหน้าเล็กน้อย รวมทั้งการที่ประธาน Fed ได้กล่าวต่อสมาชิกวุฒิสภาว่า ด้วยนโยบายการเงินของ Fed ที่มีความเข้มงวดน้อยลงกว่าช่วงก่อนหน้าเป็นอย่างมาก ขณะที่ เศรษฐกิจยังแข็งแรง ส่งผลให้ Fed ไม่มีความจำเป็นต้องรีบปรับจุดยืนด้านนโยบายการเงิน แต่หลังจากที่ตัวเลขดัชนีผู้ผลิต เดือนมกราคม ออกมาเร่งตัวกว่าคาด รวมทั้งยอดค้าปลีกสหรัฐฯ ที่ออกมาต่ำกว่าคาดและชะลอตัวลงแบบมีนัยสำคัญ ทำให้ตลาดมีความหวังที่ Fed จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มมากขั้น ขณะที่ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยปรับลดลงในทุกช่วงอายุคงเหลือ โดยลดลงประมาณ 12-14 bps โดยมีปัจจัยหลักมาจากการปรับลดลงของอัตราดอกเบี้ยพันธบัตรสหรัฐ และผลการประชุมคณะกรรมการ กนง. ในวันที่ 26 กุมภาพันธ์ ได้มีมติ […]

แรงเทขายพันธบัตรโลก หนุนบอนด์ยีลด์เยอรมนี-ญี่ปุ่นดีดแรงในรอบหลายสิบปี

แรงเทขายพันธบัตรโลก หนุนบอนด์ยีลด์เยอรมนี-ญี่ปุ่นดีดแรงในรอบหลายสิบปี

แรงเทขายพันธบัตรรัฐบาลโลกเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในเอเชียวันนี้ ท่ามกลางแรงเทขายพันธบัตรรัฐบาลเยอรมนีที่รุนแรง หลังมีรายงานว่า เยอรมนีภายใต้การนำของผู้นำคนใหม่เตรียมเพิ่มงบกลาโหม ส่งผลให้ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลเยอรมนี รวมถึงญี่ปุ่นแตะระดับสูงสุดในรอบหลายสิบปี ผลตอบแทนพันธบัตร หรือบอนด์ยีลด์ของญี่ปุ่น อายุ 10 ปี แตะระดับ 1.5% เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนมิ.ย. 2009 ขณะที่ญี่ปุ่นยังคงบริหารจัดการกับเงินเฟ้อที่ปรับตัวสูงขึ้นและต้นทุนการกู้ยืมที่เพิ่มขึ้น ด้านผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ อายุ 10 ปี ยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นวันที่สาม แตะที่ 4.3% นอกจากนี้ พันธบัตรออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ยังเพิ่มขึ้นประมาณ 0.10% ความเคลื่อนไหวดังกล่าวสะท้อนถึงความผันผวนทางภูมิรัฐศาสตร์ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งรวมถึงการที่สหรัฐฯ ระงับการให้ความช่วยเหลือยูเครน และความไม่แน่นอนเกี่ยวกับมาตรการภาษีสหรัฐฯ ซึ่งส่งผลกระทบต่อตลาดการเงิน ขณะที่เทรดเดอร์ยังประเมินผลกระทบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจและอัตราเงินเฟ้อ นอกจากนี้ แผนนโยบายครั้งประวัติศาสตร์ของเยอรมนียังส่งผลต่อตลาดการเงิน หลังมีรายงานว่า นายฟรีดริช แมร์ซ ซึ่งกำลังจะก้าวขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ ให้คำมั่นว่า “จะทำทุกวิถีทาง” เพื่อปกป้องประเทศ โดยเขากำลังพิจารณาเพิ่มการใช้จ่ายด้านกลาโหม รวมถึงแผนจัดตั้งกองทุนพิเศษสำหรับโครงสร้างพื้นฐานมูลค่า 500,000 ล้านยูโร (535,000 ล้านดอลลาร์)  ซึ่งต้องอาศัยการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และได้รับการสนับสนุนจากเสียงข้างมาก อย่างน้อยสองในสามในรัฐสภาก่อน […]

BBLAM ESG Corner: กองทุน BKIND ก้าวสู่ปีที่ 11 แห่งการสร้างสังคมไทยที่ยั่งยืน

BBLAM ESG Corner: กองทุน BKIND ก้าวสู่ปีที่ 11 แห่งการสร้างสังคมไทยที่ยั่งยืน

กองทุนรวมคนไทยใจดี หรือ กองทุน BKIND ฉลองครบรอบ 10 ปี พร้อมก้าวสู่ปีที่ 11 แห่งการสร้างสังคมไทยที่ยั่งยืน จากการเป็นส่วนหนึ่งที่สร้างความเปลี่ยนแปลงเชิงบวกให้กับสังคมไทย ด้วยความมุ่งมั่นต่อเนื่องของกองทุน BKIND อันเกิดขึ้นจากความร่วมมือขององค์กรชั้นนำที่มีเป้าหมายเดียวกันในการพัฒนาสังคมอย่างยั่งยืน ได้แก่ BBLAM สถาบันเช้นจ์ ฟิวชัน (ภายใต้มูลนิธิบูรณะชนบทแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์) มูลนิธิเพื่อคนไทย และมูลนิธิยุวพัฒน์สนับสนุนโครงการสำคัญ สนับสนุนโครงการเพื่อพัฒนาชีวิตผู้คนและสร้างความยั่งยืนในสังคมไทย มากถึง 68 โครงการ ด้วยงบประมาณกว่า 52 ล้านบาท ส่งผลกระทบเชิงบวกต่อคนไทยกว่า 18.2 ล้านคน ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร ทุกการลงทุนใน BKIND คือ การส่งต่อโอกาส สร้างรอยยิ้ม และเปลี่ยนชีวิตคนในสังคมไทยให้ดีขึ้น 10 ปีที่ผ่านมากับโครงการเพื่อสังคมที่หลากหลาย BKIND สนับสนุนและสร้างความเปลี่ยนแปลงในหลายด้าน โดยเน้นการพัฒนาที่ยั่งยืน เช่น: เด็กและเยาวชน: สนับสนุน 13 โครงการ ด้วยงบประมาณ […]

BBLAM Asset Allocation Corner: Trump Trade War 2024-2025 ความขัดแย้งที่เป็นโอกาสของอินเดีย

BBLAM Asset Allocation Corner: Trump Trade War 2024-2025 ความขัดแย้งที่เป็นโอกาสของอินเดีย

            หนึ่งในเหตุการณ์สำคัญที่สุดในปี 2024 ของโลกการลงทุน คือ การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนที่ 47 หลังจากการแข่งขันหาเสียงที่เข้มข้นมานานหลายเดือน ระหว่าง กมลา แฮร์ริส ตัวแทนจากพรรค เดโมแครต และ โดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ ตัวแทนจากพรรค รีพับลิกัน โดยผลการเลือกตั้งที่ออกมานั้น โดนัลด์ ทรัมป์ ได้รับชัยชนะกลับมาเป็นประธานาธิบดีอีกครั้ง นอกจากนี้ พรรครีพับลิกันยังได้รับชัยชนะ ทั้งในวุฒิสภา (Senate) และสภาผู้แทนราษฎร (House of Representatives) โดยผลการเลือกตั้งสหรัฐฯ นั้นจะเป็นรูปแบบที่เรียกว่า “Red Sweep” ซึ่งจะทำให้การดำเนินนโยบายของ โดนัลด์ ทรัมป์ ที่ได้หาเสียงไว้ มีโอกาสผ่านการอนุมัติร่างกฎหมายได้มากขึ้น ซึ่งนำไปสู่นโยบายต่างประเทศแบบกีดกันทางการค้า (Protectionist) ที่เคยสร้างความขัดแย้งทางการค้าระหว่างประเทศ และมีผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทานและเศรษฐกิจโลกโดยรวมมาตั้งแต่ปี 2018 รวมถึงนโยบายในประเทศแบบ Pro-Growth ที่เกี่ยวข้องกับการกระตุ้นเศรษฐกิจ อันได้แก่ […]

BBLAM House View: แนวโน้มธุรกิจโรงพยาบาลเอกชนไทยในอนาคต

BBLAM House View: แนวโน้มธุรกิจโรงพยาบาลเอกชนไทยในอนาคต

ธุรกิจโรงพยาบาลเอกชนที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เป็นธุรกิจที่เติบโตได้ดีอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอมาโดยตลอด โดยในอดีตมีอัตราการเติบโตของกำไรเฉลี่ยปีละเกือบ 20% อย่างไรก็ตาม  ในปัจจุบัน เราเริ่มเห็นการเติบโตของธุรกิจโรงพยาบาลเอกชนปรับตัวลดลง แล้วแนวโน้มของธุรกิจโรงพยาบาลในอนาคตจะเป็นอย่างไร ทั้งนี้ เราสามารถแบ่งปัจจัยที่มีผลต่อการเติบโตของธุรกิจโรงพยาบาลได้ เป็นปัจจัยภายในประเทศและต่างประเทศ ปัจจัยภายในประเทศ ประกอบด้วย 1) โครงสร้างประชากร แม้ว่าจำนวนประชากรในประเทศไทยเริ่มปรับลดลง จากจุดสูงสุด 66.6 ล้านคนในปี 2562 เหลือเพียง 66.1 ล้านคนในปี 2566 เนื่องจากอัตราการเกิดของเด็กในแต่ละปีปรับตัวลดลง ซึ่งสวนทางกับอัตราการเสียชีวิตที่เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม  ประเทศไทยได้ก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ (Aging Society) อย่างเต็มรูปแบบ จากจำนวนประชากรผู้สูงอายุที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป มีจำนวน 13 ล้านคน คิดเป็นมากกว่า 20% ของจำนวนประชากรทั้งประเทศ ส่งผลให้ค่าใช้จ่าย และความต้องการบริการทางการแพทย์เพิ่มขึ้นในระยะยาว 2) วิถีชีวิต และพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป รวมถึงมลภาวะที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้อัตราการเกิดโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (non-communicable diseases หรือ NCDs) […]

BBLAM Asset Allocation Corner: Bleisure วิถีการทำงานในยุคใหม่ ที่สร้างโอกาสทางธุรกิจได้มากขึ้น

BBLAM Asset Allocation Corner: Bleisure วิถีการทำงานในยุคใหม่ ที่สร้างโอกาสทางธุรกิจได้มากขึ้น

ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่ผ่านมา ประกอบการการระบาดของเชื้อ Covid-19 ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงวิถีการทำงานมากมาย โดยรูปแบบการทำงานจากที่บ้าน หรือ Work-From-Home ก็ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงที่สร้างโอกาสทางธุรกิจในวงกว้างมากที่สุด จากการลงทุนด้านอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ เฟอร์นิเจอร์ หรือแม้กระทั่งการปรับปรุงบ้านให้มีความน่าอยู่ และเพื่อรองรับการทำงานภายในบ้านมากขึ้น อย่างไรก็ดี การทำงานอีกรูปแบบหนึ่งที่กำลังได้รับการยอมรับมากขึ้นเป็นอย่างมากในกลุ่มประเทศตะวันตก เนื่องจากช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นและความพอใจให้กับพนักงานในองค์กรได้เป็นอย่างดี และสามารถสร้างโอกาสทางธุรกิจได้ดีเช่นกัน  ก็คือ รูปแบบการทำงานที่เรียกว่า Bleisure Bleisure หลายท่านอาจจะเคยได้ยินคำศัพท์นี้มาสักพักแล้ว แต่กระแสดังกล่าวถูกพูดถึงมากขึ้นอีกครั้งในระยะ 2-3 ปีที่ผ่านมา ที่สำคัญ คือ ภาคธุรกิจต่างๆ ได้เริ่มปรับกลยุทธ์เพื่อรองรับกิจกรรมดังกล่าวจนได้รับผลเชิงบวกมากขึ้น โดย Bleisure มาจากการรวมกันของคำว่า Business และ Leisure เป็นการสะท้อนวิถีการทำงานนอกสถานที่ ที่ผสมผสานกิจกรรมท่องเที่ยวและพักผ่อนเข้าไปด้วยระหว่างการเดินทางไปทำงานต่างถิ่น โดยผลการสำรวจจากผู้เดินทางทั่วโลกของ Global Business Traveler Association (GBTA) ก็สะท้อนความนิยมในในกิจกรรมดังกล่าวด้วย โดยระบุว่า กว่า 70% ของกลุ่มพนักงานอายุระหว่าง 25-30 ปี ที่เดินทางในลักษณะ […]