สหรัฐ: เศรษฐกิจไตรมาส 3 ขยายตัวในอัตราเร็วที่สุดในรอบสองปี
เศรษฐกิจสหรัฐฯไตรมาส 3/2017 (ประมาณการครั้งสุดท้าย) ขยายตัวในอัตราเร็วที่สุดในรอบสองปีที่ 3.2% QoQ saar ชะลอลงเล็กน้อยกว่าประมาณการครั้งก่อนหน้าที่ 3.3% QoQ saar แต่ดีกว่าไตรมาส 2/2017 ที่ 3.1% QoQ saar ถือเป็นการขยายตัวของเศรษฐกิจที่สูงกว่า 3.0% ต่อเนื่องสองไตรมาสติดต่อกันเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2014 ในรายองค์ประกอบเศรษฐกิจสหรัฐฯได้รับแรงสนับสนุนจากการใช้จ่ายภาคธุรกิจเป็นหลักถึง 7.3% QoQ saar (ดังรูป) Source: Bloomberg ทิศทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯปี 2018 มีความสดใสทั้งจากภาพของผลประกอบการธุรกิจที่ดี และจากทิศทางนโยบายภาครัฐที่ล่าสุดทั้งสองสภาสามารถบรรลุนโยบายปฏิรูปภาษีเท่ากับว่าจะมีแรงกระตุ้นสู่เศรษฐกิจผ่านช่องทางลดหย่อนภาษีอีก 1.5 ล้านล้านดอลลาร์ฯในอีก 10 ปีข้างหน้า
สเปน: พรรคที่สนับสนุนการประกาศเอกราชของกาตาลุญญา ได้รับที่นั่งรวมกันเกินครึ่งหนึ่งในการเลือกตั้งท้องถิ่น
พรรคที่สนับสนุนการประกาศเอกราชของแคว้นกาตาลุญญาจากประเทศสเปน ได้แก่ JxCat ERC และ CUP รวมกันแล้วได้รับถึง 70 ที่นั่งจากทั้งหมด 135 ที่ ในการเลือกตั้งท้องถิ่นกาตาลุญญา วันที่ 21 ธ.ค. 2017 จึงทำให้พรรคเหล่านี้มีเสียงข้างมากและน่าจะได้ขึ้นเป็นรัฐบาลชุดถัดไป อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาแยกกัน พรรค Citizens ซึ่งต่อต้านการประกาศเอกราช ได้รับที่นั่งมากสุด 37 ที่ ขณะที่พรรค PP ของนายกรัฐมนตรีสเปนคนปัจจุบันได้รับเพียง 3 ที่นั่งเท่านั้น การเลือกตั้งดังกล่าว เป็นผลสืบเนื่องมาจากการทำประชามติของรัฐบาลท้องถิ่นกาตาลุญญา ซึ่งนำไปสู่การประกาศเอกราชในวันที่ 27 ต.ค. 2017 แต่ศาลสเปนประกาศว่า การกระทำดังกล่าวนั้นขัดแย้งกับรัฐธรรมนูญของประเทศ ส่งผลให้รัฐบาลกลางตัดสินใจล้มรัฐบาลท้องถิ่นกาตาลุญญาลง เปิดช่องทางให้มีการเข้าควบคุมระบบปกครองของแคว้นโดยตรง และยังมีการสินลงโทษผู้นำท้องถิ่นที่มีส่วนเกี่ยวข้องหลายคนด้วย สัดส่วนประชาชนที่ออกไปใช้สิทธิลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง (Turnout) อยู่สูงกว่า 80% นับว่าสูงสุดเป็นประวัติการณ์สำหรับการเลือกตั้งท้องถิ่นกาตาลุญญา โดยผลลัพธ์ในภาพรวมสะท้อนว่า มีความแตกแยกกันระหว่างผู้ที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วยกับการประกาศเอกราชมากยิ่งขึ้น ดังนั้น เราคาดว่า […]
จีน: นโยบายเศรษฐกิจปี 2018 เน้นลดความเสี่ยงทางการเงิน การแก้ปัญหาความยากจน และการรักษาสภาพแวดล้อม
ทางการยังคงย้ำความสำคัญของการรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ เราคาดเป้า GDP จะคงเดิมที่ 6.5% การประชุม Central Economic Work Conference (CEWC) ระหว่างวันที่ 18-20 ธ.ค. ซึ่งเป็นการประชุมประจำปีเพื่อกำหนดทิศทางการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจในปีถัดไป กำหนดเป้าหมายหลัก 3 ด้าน ได้แก่ 1) การลดความเสี่ยงทางการเงิน 2) การแก้ปัญหาความยากจน และ 3) การรักษาสภาพแวดล้อม และยังคงย้ำความสำคัญของการรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ โดยประเด็นสำคัญจากการประชุมมีดังนี้ นโยบายการเงินมีแนวโน้มที่จะเข้มงวดต่อไป เพื่อลดระดับหนี้ในระบบและจำกัดความเสี่ยงทางการเงินซึ่งเป็นนโยบายหลัก โดยจะควบคุมปริมาณเงิน, สินเชื่อและการเติบโตของยอดระดมทุนรวม (TSF) ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ส่วนนโยบายการคลังมีแนวโน้มที่จะเข้มงวดมากขึ้น โดยทางการจะเพิ่มความเข้มงวดในการออกพันธบัตรของรัฐบาลท้องถิ่น ด้านอสังหาริมทรัพย์ ทางการได้สนับสนุนการพัฒนาตลาดเช่าบ้าน (Rental Market) และการจัดสรรที่ดินเพื่อใช้ในการอยู่อาศัยเพิ่มเติม ด้านการค้าระหว่างประเทศ จีนจะสนับสนุนการนำเข้ามากขึ้น โดยอาจลดภาษีนำเข้า (Import Tariffs) ลงสำหรับบางสินค้า เพื่อกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศและส่งเสริมให้การค้าระหว่างประเทศมีความสมดุลมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้ยอดเกินดุลบัญชีเดินสะพัดของจีนมีแนวโน้มลดลงในระยะยาว ด้านอัตราแลกเปลี่ยน […]
สหรัฐ: กฏหมายปฏิรูปภาษีผ่านสภา โดยจะเริ่มมีผลบังคับใช้ปี 2018
สภาผู้แทนฯ และวุฒิสภาผ่านกฏหมายปฏิรูปภาษีด้วยเสียง 224 ต่อ 201 และ 51 ต่อ 48 ตามลำดับ คาดว่าจะลงนามและบังคับใช้ในปี 2018 ขณะนี้ทางพรรค Republican ได้หันไปเร่งกระบวนการพิจารณากฏหมายงบประมาณชั่วคราว (Continuing Resolution) ที่ต้องผ่านภายในวันที่ 22 ธ.ค. เพื่อหลีกเลี่ยงการปิดหน่วยงานรัฐบางส่วน (Government shutdown) รายละเอียดกฎหมายปฏิรูปภาษี Source: Tax Foundation, TISCO, ESU
ผู้ก่อตั้งเงินคริปโต Litecoin เทขายหมดพอร์ต
นายชาร์ลี ลี ผู้ก่อตั้ง Litecoin ได้ขายไลท์คอยน์ของเขาออกหมดพอร์ต หลังจากที่ราคาของไลท์คอยน์พุ่งถึง 75 เท่าในปีนี้ นายลีเป็นวิศวกรซอฟแวร์และอาศัยที่เมืองซานฟรานซิสโกได้พัฒนาไลท์คอยน์ในปี 2011 ซึ่งได้กลายเป็นเงินคริปโตเคอร์เรนซี่ที่ใหญ่อันดับ 5 ของโลก เขาบอกว่า เขาตัดสินใจขายไลท์คอยน์ที่ครอบครองอยู่ทั้งหมด เพื่อป้องกันผลประโยชน์ทับซ้อน เพราะว่าเขาต้องการที่จะมีส่วนร่วมในการถกเงินคริปโตในโซเซี่ยลมีเดีย ซึ่งอาจจะมีผลกระทบต่อการเคลื่อนไหวของราคา ค่าของเงินคริปโตไลท์คอยน์อยู่ที่ระดับ 319 ดอลลาร์ในการเทรดในวันที่ 21 ธันวาคม โดยมีราคาสูงขึ้นถึง 75 เท่าเมื่อเทียบกับช่วงปลายปีที่แล้ว มูลค่าตลาดรวมของไลท์คอยน์อยู่ที่ 17,500 ล้านดอลลาร์ นายลีไม่บอกว่าเขาถือไลน์คอยท์เป็นจำนวนเท่าใด ขายไปทั้งหมดได้ราคาเท่าใด เพียงแต่บอกว่าเขายังเหลืออยู่ 2-3 เหรียญเป็นที่ระลึก และเขาจะยังคงทำงานให้กับไลน์คอยน์ต่อไปโดยไม่มีเรื่องของราคามาให้เป็นที่รบกวนใจ
ส่งออกไทยทำ High ต่อเนื่อง
การส่งออกไทยขยายตัวเหนือความคาดหมายในเดือนพ.ย. มีมูลค่า 21,434.7 ล้านดอลลาร์ฯ (prev. 20,083.2 ล้านดอลลาร์ฯ) หรือขยายตัวที่ 4% YoY (prev. 13.1% YoY) ส่วนการนำเข้ามีมูลค่า 19,671.7 ล้านดอลลาร์ฯ (prev. 19868.4 ล้านดอลลาร์ฯ) หรือขยายตัวที่ 13.7% YoY (prev. 13.5% YoY) ส่งผลให้ดุลการค้าเกินดุล 1,763 ล้านดอลลาร์ฯ (prev. 214.4 ล้านดอลลาร์ฯ) สำหรับในช่วง 11 เดือนของปี 17 (ม.ค.-พ.ย.) การส่งออกมีมูลค่า 216,953 ล้านดอลลาร์ฯ ขยายตัว 10% AoA, นำเข้ามีมูลค่า 202,744 ล้านดอลลาร์ฯ ขยายตัว 5% AoA ส่งผลให้ดุลการค้าเกินดุล 11เดือนที่ […]
ทรัมป์ยิ้มแย้มกับชัยชนะของแผนลดภาษีครั้งใหญ่
วุฒิสภาสหรัฐฯ ลงมติผ่านร่างกฎหมายปฏิรูปการจัดเก็บภาษีครั้งใหญ่ในรอบ 30 ปีเมื่อช่วงกลางดึกของวันที่ 20 ธันวาคมที่ผ่านมา ซึ่งทำให้ชัยชนะทางกฎหมายของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ใกล้เป็นจริง แต่เนื้อหาบางส่วนที่ถูกแก้ไขทำให้จำเป็นต้องตีร่างกฎหมายกลับไปให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาซ้ำอีกครั้ง เนื้อหาหลักของแผนลดภาษีครั้งนี้คือการลดภาษีนิติบุคคลจาก 35% เป็น 21% มีการลดภาษีสำหรับบุคคลด้วยลดลั่นกันไป 7 ขั้น คือ ที่ระดับ 10%, 12%, 22%, 24%, 32%, 35% และ 37% โดยลดอัตราภาษีขั้นสูงสุดสู่ระดับ 37% จากระดับ 39.6% รวมทั้งมีเครดิตทางภาษีในการดูแลบุตร ตลาดหุ้นสหรัฐแรลลี่อย่างแรงในช่วงหลังที่ทรัมป์ชนะการเลือกตั้ง ส่วนหนึ่งมาจากแผนลดภาษี เพราะว่าบริษัทจะได้ประโยชน์เต็มๆจากภาษีที่จะจ่ายน้อยลง อย่างไรก็ตาม โดยภาพรวมแล้วคนรวยจะได้ประโยชน์จากการลดภาษีของพรรครีพับรีกันครั้งนี้ ในแง่การคลังแล้วถือว่าเป็นการผิดวินัย เพราะว่าการลดภาษีจะเพิ่มหนี้รัฐ 1.5 ล้านล้านดอลลาร์ในอีก 10 ปีข้างหน้า ร่างกฎหมายที่ถูกแก้จะโดนตีกลับไปยังสภาผู้แทนราษฎรอีกครั้ง และเมื่อได้รับไฟเขียวในขั้นสุดท้ายจึงจะส่งไปให้ประธานาธิบดี ทรัมป์ ลงนามประกาศใช้เป็นกฎหมาย พรรคเดโมแครตถือโอกาสวิจารณ์ฝ่ายรีพับลิกันว่าดำเนินการเกี่ยวกับร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีอย่างปกปิดและรีบร้อนเกินเหตุ จนทำให้ร่างกฎหมายถูกตีกลับไปกลับมา […]
อินเดีย: พรรค BJP ของนายกฯ Modi ชนะเลือกตั้งในรัฐ Gujarat
พรรค BJP ยังสามารถครองเสียงข้างมากในสภาท้องถิ่นด้วยจำนวนที่นั่ง 99 ที่นั่งจากทั้งหมด 182 ที่นั่ง ในการเลือกตั้งของรัฐ Gujarat แต่ลดลงจากก่อนการเลือกตั้งที่ 115 ที่นั่ง โดยนาย Modi เคยดำรงตำแหน่งเป็นผู้ว่าการรัฐนี้ก่อนที่จะมาเป็นนายกฯ คะแนนเสียงของพรรค BJP ที่ลดลงในรัฐ Gujarat ชี้ถึงความนิยมที่ถูกกระทบของนาย Modi หลังรัฐบาลดำเนินนโยบายปฏิรูป เช่น การยกเลิกการใช้พันธบัตร 500 และ 1,000 รูปี และการเปลี่ยนรูปแบบการจัดเก็บภาษีเป็น Good and Services Tax (GST) ซึ่งส่งผลให้เศรษฐกิจชะลอลงในช่วงที่ผ่านมา ทั้งนี้พรรค BJP ของนาย Modi ได้คะแนนเสียงอย่างท่วมท้น ในการเลือกตั้งทั่วไปในปี 2014 และจะครบกำหนดวาระต้องเลือกตั้งใหม่ในปี 2019 เราคาดว่าก่อนที่การเลือกตั้งทั่วไปจะมาถึง รัฐบาลจะหันกลับมาให้ความสำคัญกับการเติบโตของเศรษฐกิจมากขึ้นในปีหน้า ผ่านทางนโยบาย เช่น การเพิ่มทุนในภาคธนาคาร และการเพิ่มการใช้จ่ายในภาคชนบท […]
Digital Economy E-Commerce Innovation Technology
QR Code เปลี่ยนแดนมังกร สู่ Cashless Society
ในช่วงปลายปี 2017 ที่ผ่านมา เราเห็นธนาคารพาณิชย์หลายแห่งในประเทศไทยเปิดตัวการให้บริการการชำระเงินรูปแบบใหม่ที่เรียกว่า “คิวอาร์โค้ด (QR Code)” ซึ่งเป็นไปตามแนวนโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่ต้องการสนับสนุนให้ลดปริมาณการใช้เงินสดและส่งเสริมการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนการจัดการเงินสด ตลอดจนสอดคล้องกับนโยบาย National e-Payment ของรัฐบาล เพื่อเป็นการปูทางให้ประเทศไทยเดินหน้าเข้าสู่สังคมไร้เงินสด (Cashless Society) ซึ่งหลายประเทศได้นำร่องไปแล้ว โดยเฉพาะประเทศในยุโรปและอเมริกา สำหรับในเอเชีย ประเทศจีนถือได้ว่าเป็นประเทศที่สามารถนำระบบ Digital Payment เข้ามาใช้ในการทำธุรกรรมการเงินแทนการใช้เงินสดได้อย่างรวดเร็วภายในระยะเวลาเพียงไม่กี่ปี โดยมี QR Code เป็นตัวแปรสำคัญที่ผลักดันให้ประเทศจีนเข้าใกล้ความเป็นสังคมไร้เงินสดอย่างเต็มรูปแบบและเปลี่ยนวิถีชีวิตของคนในสังคมไปอย่างสิ้นเชิง ทุกวันนี้ QR Code ถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลายทั่วทุกหัวระแหงในประเทศจีน ทั้งในเมืองใหญ่ไปจนถึงหมู่บ้านเล็กๆ ทั้งธุรกรรมที่มีมูลค่าต่ำไปจนถึงธุรกรรมที่มีมูลค่าสูง ว่ากันว่า ผู้คนในประเทศจีนสามารถใช้ชีวิตใน 1 วันได้โดยไม่จำเป็นต้องพกกระเป๋าสตางค์ เพียงแค่มีโทรศัพท์มือถือที่มีแอปพลิเคชันซึ่งลิงค์กับบัญชีธนาคารก็สามารถชำระค่าสินค้าอย่างง่ายดายด้วยการสแกน QR Code โดยผู้ให้บริการหลักในตลาด Mobile Payment ของจีน คือ Alipay ในกลุ่มของ Alibaba ผู้ให้บริการค้าปลีกออนไลน์รายใหญ่ […]
Fund Comment Market Politics
ภาพรวมตลาดหุ้น เดือนพฤศจิกายน
ตลาดหุ้นไทยเคลื่อนไหวในกรอบ Side-ways ตลอดเดือนพฤศจิกายน โดยนักลงทุนต่างชาติได้ขายหุ้นไทยสุทธิเป็นมูลค่ากว่า 18,800 ล้านบาท แต่ด้วยแรงซื้อจากนักลงทุนสถาบันในประเทศยังช่วยพยุงให้ SET Index ยังยืนระดับบริเวณ 1,700 จุดได้ ซึ่งในระหว่างเดือนนี้ มีการขายทำกำไรในหุ้นขนาดกลางถึงเล็กที่ราคาปรับตัวขึ้นมาในช่วงก่อนหน้า ขณะที่หุ้นขนาดใหญ่นั้น ราคายังค่อนข้างทรงตัว หนุนโดยหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ กลุ่มท่องเที่ยว และกลุ่มพลังงาน ตลาดหุ้นที่อยู่ในช่วงของการปรับฐาน เรามองว่า ถือเป็นโอกาสดีที่จะซื้อหุ้นของบริษัทที่มีแนวโน้มธุรกิจดีแต่ราคาย่อตัวลงมา และเริ่มมีระดับ Valuation ที่น่าสนใจมากขึ้น โดยการฟื้นตัวของเศรษฐกิจนั้นน่าจะมีโมเมนตัมต่อเนื่องได้ในปีหน้า ซึ่งจะช่วยหนุนผลกำไรของบริษัทจดทะเบียนในระยะหลังจากนี้ และจะเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยผลักดันราคาหุ้นให้ปรับตัวขึ้นต่อไปได้ เนื่องจากนักลงทุนจะกลับมาให้ความสำคัญกับตัวเลขผลกำไรมากขึ้น การฟื้นตัวของเศรษฐกิจเพียงลำพังอาจไม่เพียงพอที่จะผลักดันหุ้นให้ขึ้นต่อได้อีกอย่างมีนัยสำคัญ ด้านความเสี่ยงในช่วงนี้ ยังไม่เห็นปัจจัยที่มีนัยสำคัญต่อตลาดทั้งภายในและภายนอกประเทศ โดยปัจจัยในประเทศนั้นส่วนใหญ่จะเป็นปัจจัยเกื้อหนุนตลาดมากกว่า เช่น การเลือกตั้งที่คาดจะเกิดขึ้นในปี 2561 หรือ การฟื้นตัวของเศรษฐกิจ เป็นต้น ขณะที่ปัจจัยจากต่างประเทศนั้น แม้จะมีความกังวลว่าอาจจะมีแรงขายทำกำไรในตลาดหุ้นต่างประเทศหลังจากมีความชัดเจนต่อการที่รัฐบาลสหรัฐฯจะอนุมัติแผนการลดภาษีนิติบุคคล แต่ด้วยตัวเลขเศรษฐกิจในประเทศหลักๆ ทั้งประเทศทางฝั่งตะวันตกและฝั่งเอเชีย ถือว่ายังแสดงถึงการขยายตัวที่ดี ผลประกอบการที่ดีกว่าคาดและระดับ Valuation ที่ไม่ได้สูงนัก ทำให้เชื่อว่า ถ้ามีการปรับฐานในตลาดต่างประเทศจริง น่าจะไม่รุนแรงมากนัก