อดีตผู้บริหาร Goldman Sachs บอก “หนี้จีนไม่น่าห่วง”

อดีตผู้บริหาร Goldman Sachs บอก “หนี้จีนไม่น่าห่วง”

Jim O’Neill นักเศรษฐศาสตร์ชื่อดัง บอกว่านักลงทุนควรจะหยุดห่วงเรื่องหนี้จีนได้เสียที O’Neill ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งเป็นประธานของ Goldman Sachs Asset Management กล่าวว่าหนี้ของจีนไม่ได้เป็นปัญหาใหญ่ เพราะว่าจีนเป็นประเทศที่มีการออมสูง รายงานจากจีนระบุว่า วันช็อปแห่งชาติ หรือวันศุกร์ที่ผ่านมา คนจีนซื้อสินค้าที่ลดแลกแจกแถมทางออนไลน์ด้วยจำนวนเงินรวมกันสูงถึง 25,000ล้านดอลลาร์ ตัวเลขนี้ทำให้นายโอนีลไม่กังวลใจมากนักกับการชะลอตัวของการบริโภคของจีน ที่ผ่านมา นักวิเคราะห์ต่างชาติออกมาพูดเกือบจะเป็นเสียงเดียวกันว่าเศรษฐกิจของจีนที่พึ่งพาการก่อหนี้อาจจะกลายเป็นความเสี่ยงของโลก เพราะว่าจีนมีขนาดเศรษฐกิจอันดับ 2 ของโลก ทางกองทุนการเงินระหว่างประเทศเขียนรายงานในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาว่า ประสบการณ์ระหว่างประเทศที่ผ่านมาทำให้เห็นว่าการเติบโตทางเครดิตของจีนอยู่ในภาวะอันตราย ซึ่งอาจจะเพิ่มความเสี่ยงของการปรับตัว และการชะลอตัวของเศรษฐกิจที่รุนแรง กองทุนการเงินระหว่างประเทศคาดการว่าหนี้ในส่วนที่ไม่ใช่ภาคการเงิน รวมทั้งหนี้ครัวเรือน หนี้บริษัทและหนี้รัฐบาลจะไปถึงระดับ 300% ต่อจีดีพีภายในปี 2022 จีนต้องการเพิ่มขนาดจีดีพี 1 เท่าตัวระหว่างปี 2010 ถึง 2020 แม้ว่าจะต้องเพิ่มหนี้ในภาคที่เกี่ยวข้องกับการเงิน

เศรษฐกิจฟิลิปปินส์ไตรมาส 3/2017 โต 6.9% YoY เกินคาด

เศรษฐกิจฟิลิปปินส์ไตรมาส 3/2017 โต 6.9% YoY เกินคาด

·        GDP ไตรมาส 3/2017 ของฟิลิปปินส์ เร่งขึ้นเป็น 6.9% YoY สูงที่สุดในรอบ 4 ไตรมาส และเร็วกว่าที่ตลาดคาดไว้ที่ 6.5% YoY ค่อนข้างมาก ทำให้รัฐบาลเชื่อว่า ประเทศฟิลิปปินส์จะเติบโตได้ในกรอบเป้าหมาย 6.5-7.5% ที่ตั้งไว้สำหรับปีนี้ นอกจากนั้น GDP ไตรมาสที่ 2/2017 ยังถูกปรับขึ้นจาก 6.5% YoY เป็น 6.7% YoY ด้วย ·        ด้านรายได้: ภาคอุตสาหกรรมและการบริการ เป็นเครื่องยนต์หลักที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจฟิลิปปินส์ในไตรมาส 3/2017 จากการขยายตัว 7.5% YoY และ 7.1% YoY ตามลำดับ ทว่า ภาคการเกษตรกลับโตเพียง 2.5% YoY สืบเนื่องจากผลผลิตที่ขยายตัวช้าที่สุดในรอบ 3 ไตรมาส ·        […]

ตลาดหุ้นจะแรลลี่ไปถึงช่วงคริสมาสต์

ตลาดหุ้นจะแรลลี่ไปถึงช่วงคริสมาสต์

Larry Hatheway หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ GAM เขียนรายงานว่า ตลาดหุ้นยังคงมีแรงเหวี่ยงที่จะแรลลี่ไปถึงช่วงคริสมาสต์ “ความเสี่ยงที่มากที่สุดสำหรับนักลงทุนคือในช่วงเวลาที่เหลือของปี 2017 จะเกิดการปรับราคาอย่างรุนแรงลงของตลาดหุ้นในช่วงขาขึ้นหรือไม่ บางคนมองว่าตลาดหุ้น และระดับราคาอาจจะตึงตัวเกินไปหลังจากที่มีการทำราคาสูงในปี 2017 นี้ แต่แรงเหวี่ยงโมเมนตั้มเป็นตัวขับเคลื่อนในช่วงสั้นในเกือบทุกตลาดในเวลานี้ แต่เราอาจจะเห็นหุ้นทำราคาสูงขึ้นในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ โดยที่นักลงทุนหลายคนอาจจะไม่เตรียมตัวพร้อมก็ได้” นายฮาทเธอเวย์เขียนในรายงาน สิ่งที่นายฮาทเวย์กล่าวชี้ให้เห็นว่าตลาดหุ้นยังคงไปได้ดี และแนวโน้มนี้จะยังไม่หยุด ถึงแม้ว่าดอกเบี้ยจะค่อยๆปรับตัวขึ้น ซึ่งในอดีตมีผลต่อผลประกอบการของหุ้น ปีนี้ตลาดหุ้น DAX ของเยอรมันขึ้นไปแล้ว 16% ส่วนตลาดหุ้น S&P 500 ขึ้น 15% โดยสร้างสถิติใหม่เกือบตลาดเวลาพร้อมกับตลาดหุ้นดาวโจนส์ และตลาดบราซิลขึ้น 20%

เศรษฐกิจอินเดียขึ้นอันดับ 3 ของโลกในปี 2028

เศรษฐกิจอินเดียขึ้นอันดับ 3 ของโลกในปี 2028

เศรษฐกิจอินเดียจะกลายเป็นเศรษฐกิจใหญ่อันดับ 3 ของโลก ตามหลังสหรัฐและจีนภายในปี 2028 เนื่องจากภาคการเงินที่เติบโตขึ้น รวมทั้งตลาดผู้บริโภคที่ขยายตัวตามจำนวนประชากรของอินเดีย รายงานของ Bank of America-Merill Lynch ระบุว่าเศรษฐกิจอินเดียจะแซงหน้าเศรษฐกิจของฝรั่งเศส และอังกฤษในปี 2019 ภายในปี 2027 ราคารถที่ถูกที่สุดจะเทียบเท่ารายได้เฉลี่ยต่อตัวต่อปีของคนอินเดีย เมื่อเทียบกับ 2.5 เท่า ในตอนนี้ ขณะที่เป็น 14.5 เท่าของเฉลี่ยรายได้ต่อหัวต่อปีในปี 2000 รายงานของ Bank of America-Merill Lynch บอกว่า ภายในปี 2028 ชาวนาเกือบจะทั้งหมดจะกลายเป็นผู้ที่มีรายได้ระดับกลาง โดยที่ประชากรกลุ่มนี้จะมีจำนวนเท่ากับประชาชนของรัสเซีย และจะอาศัยอยู่ในเมือง ในปี 2028 Bank of America-Merrill Lynch ทำนายว่าราคาน้ำมันจะอยู่ที่ 68 ดอลลาร์ต่อบาเรลล์ และค่าเงินรูปีจะอ่อนตัวลง 3% ระหว่างนี้ไปจนถึงปีนั้น เศรษฐกิจอินเดียจะมีภาคบริการเป็นตัวขับเคลื่อน […]

Key Take Away วันแรกของการประชุมใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์ครั้งที่ 19 (National Party Congress)

Key Take Away วันแรกของการประชุมใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์ครั้งที่ 19 (National Party Congress)

    เมื่อ 18 ต.ค. การประชุมใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์ครั้งที่ 19 (National Party Congress) เปิดฉากขึ้นแล้วที่มหาศาลาประชาชน กรุงปักกิ่ง และจะดำเนินไปถึงวันที่ 25 ต.ค. ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง กล่าวสุนทรพจน์เปิดการประชุมหรือที่เรียกว่า Political Report โดยมีใจความสำคัญ (Key Takeaways) ดังนี้;   Political Report เน้นย้ำการพัฒนาสังคมจีนไปสู่ 小康社会 ภายในปี 2020 (xiǎokāngshèhuì) หรือที่เป็นภาษาอังกฤษว่า Moderate Properous Society (คำนี้ใช้ตั้วแต่สมัยหูจิ่นเทา เน้นย้ำให้สังคมเข้าสู่กลุ่มรายได้ปานกลาง ให้ประชากรอยู่อย่างสะดวกสบาย แม้ว่าจะไม่ฟุ้งเฟ้อ แต่ทุกคนมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น) เพื่อให้ประเทศจีนบรรลุความฝันของชาวจีน (Chinese Dream ในนิยามนี้คือ เป้าหมายเป็นประเทศที่มีความทันสมัยในระบอบสังคมนิยมที่มีความเข้มแข็งฯและฟื้นฟูความยิ่งใหญ่ของชาติจีน หรือ Achieving the great renewal of the Chinese nation) โดยในเป้าหมายระยะยาวสีจิ้นผิงได้น้อมนำวิสัยทัศน์ของเติ้งเสี่ยวผิงให้จีนรุ่งเรืองภายในปี 2035 และให้แข็งแกร่งมั่งคั่งภายในปี 2050 […]

Morning Brief 19/10/17

Morning Brief 19/10/17

    สีเน้นเปิดประเทศจีนกว้างขึ้นสำหรับนักลงทนต่างประเทศ ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงประกาศว่าจีนสนับสนุนระบบเศรษฐกิจโลกที่เปิด และสัญญาว่าจีนจะเดินหน้าเปิดเสรีเพื่อให้นักลงทุนต่างชาติสามารถเข้ามาลงทุนในจีนได้สะดวกยิ่งขึ้น “ประตูของประเทศจีนจะไม่ปิด แต่จะเปิดกว้างมากขึ้น” สีพูด สีพูดในช่วงงานเปิดประชุมพรรคคอมมิวนิสต์ครั้งที่19ที่กรุงปักกิ่ง โดยย้ำว่าที่ผ่านมาจีนประสบความสำเร็จในการดำเนินตามระบบสังคมนิยมแบบจีนๆ และจีนจะสามารถสร้างสังคมที่มีความร่ำรวยพอประมาณตามเป้าหมายได้ สีบอกว่า นอกจากจะผลักดันนโยบายเปิดเสรีแล้ว จีนจะเปิดโอกาสให้กลไกตลาดได้ทำงาน เพื่อที่จะทำให้ระบบเศรษฐกิจมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นในการใช้ทรัพยากร โดยที่ระบบอัตราแลกเปลี่ยน และระบบอัตราดอกเบี้ยต่อไปจะถูกกำหนดโดยกลไกตลาดมากยิ่งขึ้น สีบอกว่า รัฐบาลจะยกเลิกกฎระเบียบ หรือวิธีปฏิบัติที่เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาตลาด และการแข่งขันที่เป็นธรรม และจะสนับสนุนบริษัทของเอกชน และกระตุ้นให้มีการแข่งขัน นักวิเคราะห์และนักลงทุนต่างประเทศให้ความสนใจกับนโยบายที่สีแถลงมาก เพราะว่าทุกคนอยากจะเห็นว่าสีมีความเด็ดเดี่ยวเพียงใดในการดำเนินการปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจของจีน ซึ่งได้ชะลอตัวลงในช่วงที่ผ่านมา การที่เศรษฐกิจจีนจะต่ออย่างยั่งยืนต่อไปได้ ต้องผ่านการปฏิรูป โดยเฉพาะอย่างยิ่งรัฐวิสาหกิจใหญ่ๆทั้งหลาย ที่หลายแห่งไม่สามารถแข่งขั้นได้อีกต่อไป สีบอกว่า รัฐบาลจะสนับสนุนกลไกตลาดในการแก้ไขรัฐวิสาหกิจ รวมทั้งจะสนับสนุนการควบรวมกิจการสำหรับรัฐวิสาหกิจ

การทำนายเศรษฐกิจจีนและอินเดียในอนาคต

การทำนายเศรษฐกิจจีนและอินเดียในอนาคต

PricewaterhouseCoopers (PwC) ได้เขียนรายงานเมื่อเร็วๆ นี้ว่า ภายในปี 2050 อินเดียจะมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่กว่าสหรัฐเมื่อวัดตามความเสมอภาคของอำนาจซื้อ (Purchasing Power Parity) ความเสมอภาคของอำนาจซื้อจะสะท้อนว่าประเทศนั้นๆ ได้ผลิตสินค้าและบริการรวมกันมากน้อยแค่ไหน หากใช้ราคาสินค้าและบริการในสหรัฐอเมริกาเป็นฐานในการคำนวณ (หรือง่ายๆ คือ สมมุติราคาสินค้าให้เท่ากับในสหรัฐอเมริกา) ปรากฎว่า จีนแซงหน้าสหรัฐเรียบร้อยแล้วในปี 2016 เมื่อเทียบขนาดเศรษฐกิจของจีนกับสหรัฐตามความเสมอภาคของอำนาจซื้อ โดยที่จีนมีขนาดเศรษฐกิจ 21.26 ล้านล้านเหรียญดอลล่าร์สหรัฐ ตามมาด้วยสหรัฐที่ 18.56ล้านล้านเหรียญดอลล่าห์สหรัฐ อินเดียที่ 8.7 ล้านล้านเหรียญดอลล่าห์สหรัฐ ญี่ปุ่นที่ 4.9 ล้านล้านเหรียญดอลล่าร์สหรัฐ เยอรมันนีที่ 3.9 ล้านล้านเหรียญดอลล่าห์สหรัฐ รัสเซียที่ 3.7 ล้านล้านเหรียญดอลล่าร์สหรัฐ บราซิลที่ 3.1 ล้านล้านเหรียญดอลล่าร์สหรัฐ อินโดเนเซียที่ 3.0 ล้านล้านเหรียญดอลล่าร์สหรัฐ อังกฤษที่ 2.7 ล้านล้านเหรียญดอลล่าร์สหรัฐ และฝรั่งเศสที่ 2.7 ล้านล้านเหรียญดอลล่าร์สหรัฐ PwC […]