หุ้นไทยปิดตลาดที่ 1,830.13 จุด ลดลงเล็กน้อย
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทย (SET Index) ปิดวันนี้ (28 ก.พ. 61) ที่ระดับ ที่ 1,830.13 จุด ลดลง -0.26 จุด หรือ -0.01% โดยระหว่างวันดัชนีทำระดับสูงสุดที่ 1,840.06 จุด และทำระดับต่ำสุดที่ 1,825.67 จุด ขณะที่มูลค่าการซื้อขาย ณ เวลา 17.06 น. อยู่ที่ 76,935.74 ล้านบาท หลักทรัพย์ที่มีการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับได้แก่ 1.PTT ปิดที่ 568.00 บาท ลดลง -6.00 บาท มูลค่าการซื้อขาย 12,669.79 ลบ. 2.CPALL ปิดที่ 84.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.75 บาท […]
ยอดผลิตรถยนต์ลด กดผลผลิตภาคอุตฯญี่ปุ่น ม.ค. ร่วง 6.6%
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า กระทรวงเศรษฐกิจ การค้า และอุตสาหกรรมญี่ปุ่นเปิดเผยวันนี้ว่า ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนมกราคมที่ผ่านมาลดลง 6.6% หลังจากเพิ่มขึ้น 2.9% ในเดือนก่อนหน้า หลังยอดการผลิตรถยนต์ลดลง ขณะที่ดัชนีภาคส่งออกในเดือนเดียวกันลดลง 5.6% มาอยู่ที่ 98.3 จุด และดัชนีสินค้าคงคลังเพิ่มขึ้น 0.6% มาอยู่ที่ 108.8 จุด ทั้งนี้ ตัวเลขผลผลิตภาคอุตสาหกรรมที่ลดลงดังกล่าวทำให้กระทรวงฯลดประมาณแนวโน้มผลผลิตภาคอุตสาหกรรมลงจากเดิมที่คาดว่า การขยายตัวจะยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่องเป็นการขยายตัวจะดำเนินไปในอัตราที่ชะลอลง
ครม.ไฟเขียวร่างกม.คุมตลาดหุ้น-เงินดิจิตอล
นายณัฐพร จาตุศรีพิทักษ์ โฆษกประจำรองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ฉบับใหม่ เพราะ พ.ร.บ.ฉบับเก่าล้าสมัยไม่บูรณาการไม่ทันกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลง ไม่เป็นไปตามมาตรฐานสากล และไม่สามารถคุ้มครองประโยชน์ของผู้ลงทุน โดยปรับปรุงเพื่อให้เหมาะสมครอบคลุมไปถึงการระดมทุนผ่านสกุลเงินดิจิตอลต่างๆ เช่น กรณีบิตคอยน์ และยังปรับปรุงอำนาจหน้าที่ของของคณะกรรมการการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ใหม่ พร้อมทั้งให้จัดตั้งกองทุนส่งเสริมการพัฒนาตลาดทุน (ซีเอ็มดีเอฟ) เพื่อพัฒนากลไกตลาดทุนของประเทศ ซึ่งร่างกฎหมายดังกล่าวต้องเสนอให้กับสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจสอบ ก่อนเสนอให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) พิจารณาต่อไป สำหรับสาระสำคัญของร่างกฎหมายฉบับนี้ ได้ปรับปรุงบทนิยามของการประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ ซึ่งจะมีการเพิ่มประเภทหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดเพื่อเพิ่มทางเลือกให้กับผู้ลงทุน รวมทั้งกำหนดทุนจดทะเบียนชำระแล้วขั้นต่ำ เช่น การกำหนดบทนิยามเพื่อให้กฎหมายยืดหยุ่นครอบคลุมมากขึ้น พร้อมทั้งสนับสนุนการให้บริษัทบางแห่งเข้ามาร่วมในศูนย์ทดสอบและพัฒนานวัตกรรมที่นำเทคโนโลยีมาสนับสนุนการให้บริการทางการเงิน พร้อมปรับปรุงทุนจดทะเบียนชำระแล้วของบริษัทหลักทรัพย์ใหม่ให้ช่วยสนับสนุนกลุ่มผู้ประกอบการรายใหม่ที่ใช้เทคโนโลยี (สตาร์ตอัพ) เพราะเดิมได้กำหนดทุนจดทะเบียนไว้สูง ขณะเดียวกันยังกำหนดให้ ก.ล.ต. มีอำนาจสั่งให้กรรมการ ผู้บริหาร เลขานุการบริษัท หรือบุคคลใดๆ จัดประชุมผู้ถือหุ้นของบริษัทจดทะเบียนในกรณีบริษัทมีการบริหารกิจการที่อาจทำให้เกิดความเสียหายกับประชาชน เช่น กรณีของผู้ถือหุ้นรายใหญ่ทะเลาะกันแล้วมายอมจัดประชุมผู้ถือหุ้น บริษัทไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ จึงให้ก.ล.ต. มีอำนาจเรียกประชุม รวมทั้งยังให้บริษัทหลักทรัพย์ที่มีหน้าที่ในการจัดการกองทุนรวม ต้องซื่อสัตย์สุจริต […]
จีนขู่งัดมาตรการโต้สหรัฐหลังปรับขึ้นภาษี AD อลูมิเนียมจากจีน
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่านายหวัง เหอจุน รัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์ของจีนเปิดเผยในวันนี้ว่า จีนไม่พอใจเป็นอย่างมากต่อกรณีที่กระทรวงพาณิชย์สหรัฐได้ดำเนินการตรวจสอบและปรับขึ้นภาษีนำเข้าผลิตภัณฑ์อลูมิเนียมจากจีน พร้อมระบุว่า จีนจะใช้มาตรการที่จำเป็นเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประเทศ นายหวังกล่าวว่า การตรวจสอบและการเรียกเก็บภาษีนำเข้าดังกล่าวถือเป็นการละเมิดกฎขององค์การการค้าโลก (WTO) และสร้างความเสียหายอย่างมากต่อผลประโยชน์ของบริษัทจีน เมื่อวานนี้ กระทรวงพาณิชย์จีนได้ประกาศขึ้นอัตราการเรียกเก็บภาษีเพื่อตอบโต้การทุ่มตลาด (AD) ต่อผลิตภัณฑ์อลูมิเนียมฟอยล์ของจีน สู่ระดับ 106.09% จากระดับ 48.64% และขึ้นภาษีตอบโต้การอุดหนุนตลาด (CVD) สู่ระดับ 80.97% จากระดับ 17.16%
ประเด็นสำคัญจากการแถลงการครั้งแรกต่อสภาคองเกรสของ Jerome Powell
เศรษฐกิจสหรัฐขยายตามจังหวะของเศรษฐกิจโลก (Moment of Global Growth) ปัจจัยบวกส่งเสริมเศรษฐกิจภายในประเทศ การบริโภคและการลงทุนดูดี และนโยบายคลังมีส่วนช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ ด้วยอัตราว่างงานต่ำ แต่อัตราการมีส่วนร่วมในกำลังแรงงาน (Labor Participation Rate) ไม่ได้ปรับขึ้นมากทำให้ ประธาน Fed มองว่าค่าแรงน่าจะปรับขึ้นและจะมีส่วนช่วยหนุนอัตราเงินเฟ้อ ดังนั้น Fed คาดว่าจะ “ค่อยๆ” ปรับขึ้นดอกเบี้ย และเดินหน้าลดงบดุลตามแผนที่วางไว้ และเปิดกว้างต่อแนวทางของการกำหนดกรอบนโยบายการเงิน รวมถึงกรอบ Inflation Targeting ซึ่งเป็นกรอบทางการเงินปัจจุบันที่สหรัฐฯใช้กำหนดแนวทิศทางของดอกเบี้ยนโยบาย ประธาน Fed ได้กล่าวถึงความจำเป็นของการกำหนดเกณฑ์ควบคุมสถาบันการเงินที่อาจจะต้องเข้มขึ้นในบางมิติ แต่ต้องหาสมดุลระหว่างประสิทธิภาพของการดำเนินธุรกิจและความเหมาะสมด้วย ประธาน Fed ไม่ได้ให้ความเห็นต่องบประมาณคลัง รวมถึงการที่ รัฐบาลอเมริกันประกาศยกเลิกการคุ้มครองเยาวชนจากครอบครัวผู้เข้าเมืองผิดกฎหมาย (DACA) ซึ่งเป็นประเด็นร้อนแรงในขณะนี้ ตลาดตอบรับการแถลงการครั้งนี้ 10-Year Treasury ดีดขึ้นไปที่ 2.9% ส่วน DXY ทะยานขึ้น 90.397 DJIA ปิดลบ […]
ซีรี่ส์: จีนผู้ชนะ (ตอนที่5)
เราได้เห็นท่าทีที่ชัดเจนและต่างกันคนละขั้วระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐ และประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีน ในขณะที่ทรัมป์ประกาศนโยบาย America First ซึ่งแปลว่าผลประโยชน์ของสหรัฐต้องมาก่อน การค้าเสรีไม่จำเป็นต้องมีอีกต่อไป เพราะว่าสหรัฐจำต้องปกป้องผลประโยชน์ของตัวเอง ทรัมป์ไม่พูดเรื่องการค้าเสรี แต่จะเน้นการค้าที่แฟร์ ทั้งๆที่ผ่านมาสหรัฐได้ประโยชน์จากการค้าเสรีอย่างเหลือคณา ส่วนสีบอกว่าจีนจะสนับสนุนการค้าเสรีของโลกต่อไป ถึงแม้ว่าอาจจะไม่พร้อม แต่เมื่อไม่มีใครอื่นยอมทำหน้าที่นี้ จีนจำต้องแสดงความเป็นผู้นำโลกในการปกป้องการค้าเสรีที่เป็นพื้นฐานของความมั่งคั่งของประเทศที่มาจากการค้าขายระหว่างประเทศ มันเป็นเรื่องน่าประชดที่สหรัฐ ที่เป็นสัญลักษณ์ของเสรีนิยมประชาธิปไตยกลับหันหลังให้กับการค้าเสรี และใช้มาตรการกีดกันการค้าในยุคทรัมป์เพื่อจัดการกับประเทศที่ได้เปรียบดุลการค้ากับสหรัฐ โดยเฉพาะกับจีน ส่วนจีน ซึ่งเป็นประเทศสังคมนิยม/คอมมิวนิสต์กลับให้การสนับสนุนกับการค้าเสรีของโลกอย่างเต็มที่ โลกกำลังกลับตาลปัตร ประเด็นนี้สะท้อนให้เห็นว่า ทรัมป์กำลังดำเนินนโยบาย America First บนพื้นฐานของความอ่อนแอ ด้วยการล้มข้อตกลงกฎเกณฑ์ต่างๆ ส่วนจีนกลับดำเนินนโยบายการค้าที่เปิดกว้างขึ้น โดยกำลังเปิดเสรีในด้านต่างๆของเศรษฐกิจ ไม่ว่าจะเป็นการเงิน แบงกิ้ง ประกันภัย หลักทรัพย์ฯลฯ แสดงว่าจีนกำลังดำเนินนโยบายบนพื้นฐานของความเข้มแข็ง ในเวทีประชุมสมัชชาใหญ่ของพรรคคอมมิวนิสต์จีนครั้งที่ 19 ในเดือนตุลาคมปี 2017 ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีสีกล่าวว่า จีนได้ก้าวเข้ามาสู่ยุคใหม่แล้ว และมีความพร้อมที่จะไปยืนอยู่บนกลางเวทีโลก และมีบทบาทที่สำคัญต่อมวลมนุษยชาติ โมเดลของการเจริญเติบโตของจีนภายใต้การปกครองของคอมมิวนิสต์ได้เจริญงอกงาม และกลายเป็นทางเลือกใหม่สำหรับประเทศที่กำลังพัฒนาอื่นๆ คำพูดของสีเป็นการสื่อข้อความที่ชัดเจนที่สุดว่า จีนมีความพร้อมที่จะก้าวขึ้นมาเป็นมหาอำนาจของโลกในอันดับต่อไป […]
ผู้ให้บริการเครือข่ายไร้สายสหรัฐ เล็งเปิดตัว 5G ฮอตสปอตแบบพกพาในปีนี้
ผู้ให้บริการเครือข่ายยักษ์ใหญ่ของสหรัฐ อย่าง AT&T และ Verizon ยอมรับว่าในปีนี้คงไม่สามารถเปิดตัวสมาร์ทโฟนที่รองรับ 5G ได้ทัน แต่จะเปิดตัวเทคโนโลยี 5G ในรูปแบบ ฮอตสปอตพกพาที่มีชื่อเรียกว่า “Pucks” Ronan Dunne หัวหน้าสายงานบริการวายเลส จาก Verizon ได้ให้สัมภาษณ์ในงาน ‘the Mobile World Congress’ ที่บาร์เซโลน่า ประเทศสเปน ว่า คาดว่าโทรศัพท์มือถือที่รองรับระบบ 5G น่าจะเห็นการเปิดตัวได้ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2019 แต่ปีนี้น่ามีโอกาสเห็นผู้ให้บริการเปิดตัว ฮอตสปอตที่สามารถให้บริการ 5G มากกว่า ผู้ให้บริการเครือข่ายไร้สายต่างให้ความสำคัญกับการพัฒนาระบบ 5G เพื่อรองรับเทคโนโลยี ทั้งรถยนต์ไร้คนขับ และการผ่าตัดโดยใช้หุ่นยนต์ T-Mobile ก็เป็นอีกหนึ่งผู้เล่นที่ได้ประกาศแผนในการเปิดให้บริการ 5G เช่นกัน โดย T-Mobile ยังคงเป้าหมายในการเปิดให้บริการเช่นไว้ตามแผนเดิม แม้ว่าจะยังไม่มีโทรศัพท์มือถือรองรับระบบนี้ออกมา แต่เขาเชื่อว่าคงไม่มีผู้ให้บริการเครือข่ายรายไหนที่จะยอมล้าหลัง และปล่อยโอกาสทองในการสร้างรายได้จากการขายผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ที่ก้าวหน้ากว่าเครือข่ายเดิม
หุ้นไทยปิดตลาดลบ 3.79 จุด อยู่ที่ 1,830.39 จุด
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทย (SET Index) ปิดวันนี้ (27 ก.พ. 61) ที่ระดับ 1,830.39 จุด ลดลง 3.79 จุด หรือ -0.21% โดยระหว่างวันดัชนีทำระดับสูงสุดที่ 1,852.51 จุด และทำระดับต่ำสุดที่ 1,830.03 จุด ขณะที่มูลค่าการซื้อขาย ณ เวลา 17.14 น. อยู่ที่ 103,676.37 ล้านบาท หลักทรัพย์ที่มีการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับได้แก่ 1.PTT ปิดที่ 574.00 บาท เพิ่มขึ้น 8.00 บาท มูลค่าการซื้อขาย 17,236.64 ลบ. 2.AOT ปิดที่ 70.75 บาท ลดลง -0.50 บาท มูลค่าการซื้อขาย […]
Apple เล็งคลอด สมาร์ทโฟน 3 รุ่นปลายปีนี้
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า Apple กำลังเตรียมออกสมาร์ทโฟน 3 รุ่นในปลายปีนี้ โดยสมาร์ทโฟน 3 รุ่นที่คาดว่าจะเปิดตัว รุ่นหนึ่งจะเป็น iPhone ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่ Apple เคยผลิตมา ส่วนอีกรุ่นหนึ่งจะมีขนาดเท่ากับ iPhone X ในปัจจุบัน แต่ได้รับการอัพเกรด และอีกรุ่นหนึ่งเป็น iPhone ที่มีราคาไม่แพง แต่ยังคงไว้ด้วยฟีเจอร์หลักๆ รายงานระบุว่า แอปเปิลกำลังทำการทดสอบการผลิตกับซัพพลายเออร์ และคาดว่าจะมีการประกาศเปิดตัว iPhone รุ่นใหม่ในช่วงฤดูใบไม้ร่วงนี้ อย่างไรก็ตาม แผนการดังกล่าวยังคงมีการเปลี่ยนแปลงได้
ความต้องการใช้น้ำมันยังแข็งแกร่งถึง 2020 จนกว่า EV จะตีตื้น
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า แบงก์ออฟอเมริกาคาดว่า ความต้องการใช้น้ำมันของโลกจะเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่งจนถึงปี 2020 Francisco Blanch ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ จาก Bank of America กล่าวในการให้สัมภาษณ์กับบลูมเบิร์กว่า ความต้องการใช้น้ำมันของโลกจะยังคงขยายตัวได้ดีจนถึงปี 2020 โดยเขามองว่ารถยนต์พลังงานไฟฟ้ายังคงใช้เวลาอีกหลายปีกว่าจะกลายมาเป็นรถยนต์กระแสหลักและมีผลต่อความต้องการใช้น้ำมัน เขากล่าวว่า การพัฒนารถยนต์พลังงานไฟฟ้าให้มีต้นทุนการผลิตที่ต่ำลง และสามารถกำหนดราคาจำหน่ายที่ผู้บริโภคทั่วไปสามารถซื้อได้ยังเป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลาอย่างน้อย 3-4 ปี โดยจีนจะเป็นประเทศที่กำหนดอนาคตของอุตสาหกรรมยานยนต์ เนื่องจากเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุด และหากการใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้ามีความแพร่หลายมากขึ้นจะกระตุ้นให้ผู้ผลิตรถยนต์เร่งพัฒนารถยนต์พลังงานไฟฟ้าให้มีต้นทุนการผลิตที่ต่ำลง