จีนเตือนสหรัฐ เผชิญหน้า ถือเป็นกลยุทธ์ที่อันตราย
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า จีนเตือนสหรัฐฯอย่าใช้นโยบายต่างประเทศแบบเผชิญหน้า เนื่องจากเป็นเรื่องละเอียดอ่อน และอันตรายต่อทุกฝ่าย “เป็นเรื่องธรรมดาที่จะมีความหวั่นเกรงว่า การพัฒนาประเทศตามแนวทางของจีนจะก่อให้เกิดสถานการณ์เผชิญหน้ากับสหรัฐฯ และเป็นอันตรายมาก หากจะใช้กลยุทธ์การเผชิญหน้า” Cui Tiankai นักการทูตจีนในสหรัฐฯกล่าว รายงานข่าวระบุการแสดงความเห็นเกิดขึ้นภายหลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯกล่าวในการแถลงนโยบายยุทธศาสตร์ความมั่นคงของชาติเป็นครั้งแรกว่า จีนและรัสเซียคือขั้วอำนาจที่เป็นคู่แข่งของสหรัฐฯ และประกาศจะหาทางลดการขาดดุลการค้าที่สหรัฐฯมีต่อจีน ซึ่งในปีที่ผ่าน สหรัฐฯขาดดุลการค้าต่อจีนเพิ่มขึ้น 8.1% มาอยู่ที่ 375 พันล้านดอลลาร์ เขากล่าวว่า สหรัฐฯและจีนอาจมีปัญหาข้อพิพาทระหว่างกัน แต่การแก้ปัญหาด้วยการเจรจาจะนำไปสู่ทางออกร่วมกันที่ดี
หุ้นไทยปิดตลาดบวกเกือบ 9 จุด อยู่ที่ 1,800.86 จุด
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทย (SET Index) ปิดวันนี้ (15 ก.พ. 61) ที่ระดับ 1,800.86 จุด เพิ่มขึ้น 8.77 จุด หรือ 0.49% โดยระหว่างวันดัชนีทำระดับสูงสุดที่ 1,801.95 จุด และทำระดับต่ำสุดที่ 1,790.80 จุด ขณะที่มูลค่าการซื้อขาย ณ เวลา 17.23น. อยู่ที่ 44,644.85 ล้านบาท หลักทรัพย์ที่มีการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับได้แก่ 1.PTT ปิดที่ 486.00 บาท เพิ่มขึ้น 6.00 บาท มูลค่าการซื้อขาย 2,288.05 ลบ. 2.BANPU ปิดที่ 21.80 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท มูลค่าการซื้อขาย 2,073.56 […]
เงินเฟ้อสหรัฐฯทรงตัวที่ 2.1% YoY ในเดือน ม.ค. 2018
อัตราเงินเฟ้อสหรัฐฯ (CPI Inflation) ทรงตัวอยู่ที่ 2.1% YoY ในเดือน ม.ค. 2018 แต่สูงกว่า 1.9% YoY ที่ตลาดคาดไว้ เนื่องจากการชะลอตัวของราคาน้ำมันและค่าไฟ ถูกชดเชยด้วยราคาอาหารและค่าใช้จ่ายบริการทางการแพทย์ที่เร่งตัวขึ้น เงินเฟ้อนับว่าเป็นประเด็นที่ตลาดกำลังให้ความสนใจ เพราะอาจนำไปสู่การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจากธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ในสภาวะเศรษฐกิจของประเทศที่เติบโตได้ดี ผนวกกับการทำงบประมาณขาดดุลเพื่อนำเงินไปลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ทั้งนี้ Fed Fund Futures ชี้ว่า ตลาดเริ่มมองว่า Fed อาจปรับเพิ่มดอกเบี้ยขึ้นถึง 4 ครั้งในปีนี้ (ปัจจุบันมีความเป็นไปได้ราว 20% จากเมื่อวันก่อนหน้าที่ให้ความเป็นไปได้ไว้เพียง 15%) แต่ราว 36% ยังคงคาดว่า Fed จะขึ้นดอกเบี้ย 3 ครั้งในปีนี้อยู่ พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯมีแรงเทขายออกมา ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯอายุคงเหลือ 10 ปีทะยานขึ้นราว 9 bps เป็น 2.92% สูงที่สุดในรอบกว่า […]
เฟด เผย หนี้ครัวเรือนสหรัฐฯ Q4/17 พุ่ง 193 พันล้านดอลล์
สำนักข่าว CNBC รายงานว่า ศูนย์ข้อมูลเศรษฐกิจมหภาคของธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือ เฟดเขตนิวยอร์กเปิดเผยว่า หนี้ครัวเรือนในสหรัฐฯไตรมาส 4 ปี 2017 เพิ่มขึ้น 193 พันล้านดอลลาร์ มาอยู่ที่ 13.15 ล้านล้านดอลลาร์ สูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยหนี้ครัวเรือนกลุ่มสินเชื่อจำนองอสังหาริมทรัพย์เพิ่มขึ้นมากที่สุดในไตรมาสดังกล่าว เพิ่มขึ้น 139 พันล้านดอลลาร์ เป็น 8.88 ล้านล้านดอลลาร์ และหนี้บัตรเครดิตเพิ่มขึ้นเป็นอันดับสอง เพิ่มขึ้น 26 พันล้านดอลลาร์ เป็น 834 พันล้านดอลลาร์ ทั้งนี้ ในรายงานดังกล่าวระบุว่า หนี้ครัวเรือนในสหรัฐฯเพิ่มขึ้นเป็นปีที่ 5 ติดต่อกันจากสินเชื่อจำนอง เงินกู้ยืมเพื่อการศึกษา สินเชื่อยานยนต์ และบัตรเครดิตเพิ่มขึ้น
เศรษฐกิจยุโรป โตแรงอยู่ 0.6% QoQ sa ในไตรมาส 4/2017
Eurostat ประเมินรอบที่ 2 (Flash Estimate) ว่า GDP ประเทศยุโรป เติบโต 0.6% QoQ sa ในไตรมาสที่ 4/2017 ทรงตัวจากประมาณการเบื้องต้น (Preliminary Flash Estimate) และชะลอลงจากไตรมาสก่อนหน้าซึ่งขยายตัว 0.7% QoQ sa เพียงเล็กน้อย รายงานครั้งล่าสุดนี้ มีการเผย GDP รายประเทศออกมาด้วย โดยจะสังเกตได้ว่า เศรษฐกิจฝรั่งเศส เนเธอร์แลนด์ และโปรตุเกสเร่งขึ้น ทว่า ด้านเยอรมนี สเปน และอิตาลีขยายตัวช้าลงบ้างเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า สำหรับเศรษฐกิจสำคัญอย่างเยอรมนี เติบโตได้ 0.6% QoQ sa จากความแข็งแกร่งของยอดส่งออก การบริโภคภาครัฐ และการลงทุนในเครื่องมือ-เครื่องจักร ประกอบกับการบริโภคภาคเอกชนที่ทรงตัวได้ดี แต่ทางด้านประเทศอิตาลีนั้น ยังคงตามหลังเพื่อนบ้านอยู่ ด้วย GDP ที่ขยายตัว 0.3% […]
Earning Yield Gap
By… ศรศักดิ สร้อยแสงจันทร์ BF Knowledge Center ส่วนต่างระหว่างผลกำไรของหุ้นกับผลตอบแทนพันธบัตร (Earning Yield Gap) เป็นการเปรียบเทียบผลตอบแทนระหว่างสินทรัพย์เสี่ยงสูง(หุ้น)กับสินทรัพย์เสี่ยงต่ำ(พันธบัตรรัฐบาล) เพื่อใช้พิจารณาในการจัดสรรเงินลงทุนระหว่างสินทรัพย์ต่างๆ ในพอร์ต (Asset Allocation) ผลกำไรของหุ้น (Earning yield) คำนวนโดยใช้กำไรต่อหุ้นปีล่าสุดหารด้วยราคาหุ้น แสดงถึงอัตรากำไรที่บริษัทหรือกิจการนั้นทำได้ ส่วนใหญ่จะใช้ค่า Earing yield ของตลาดซึ่งเป็นค่าเฉลี่ยของหุ้นทั้งหมด ผลตอบแทนของพันธบัตรที่เปรียบเทียบจะใช้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปี โดยเป็นมุมมองของการลงทุนระยะยาว ส่วนต่างๆ (Gap) ดังกล่าวขึ้นอยู่กับภาวะเศณษฐกิจการลงทุนในช่วงต่างๆ โดยหลักการแล้วส่วนต่างควรมีค่าเป็นบวก หมายถึงผลตอบแทนของหุ้นต้องสูงกว่าผลตอบแทนของตราสารหนี้ Earning yield gap ที่สูงแสดงว่าหุ้นให้ผลตอบแทนที่น่าลงทุนมากกว่าตราสารหนี้ในช่วงเวลานั้น นักลงทุนควรวางแผนการลงทุนโดยให้น้ำหนักกับหุ้นมากขึ้น (ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับเป้าหมายการลงทุนของนักลงทุนแต่ละท่านและระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้) หาก gap ต่ำ แสดงว่าการลงทุนในหุ้นที่มีความเสี่ยงสูงกว่าพันธบัตรยังให้ผลตอบแทนที่ไม่คุ้มค่าความเสี่ยง นักลงทุนควรพิจารณาลดน้ำหนักการลงทุนในหุ้น หันมาเพิ่มน้ำหนักในตราสารหนี้
ASEAN China ซีรี่ส์: จีนผู้ชนะ
ซีรี่ส์: จีนผู้ชนะ (ตอนที่1)
Ian Bremmer นักเขียนของนิตยสาร Time (Nov 13, 2017) เขียนบทความ “Advantage China” หรือ “จีนที่ได้เปรียบ”เพื่อวาดภาพให้คนอ่านเห็นว่า ตรงกันข้ามกับที่คนส่วนมากคาดคิด เศรษฐกิจของจีนที่มีรัฐบาลเป็นตัวนำถูกสร้างขึ้นมาเป็นจุดแข็ง และหาได้เป็นจุดอ่อนไม่ โดยเศรษฐกิจจีนถูกออกแบบมาเพื่อเป็นผู้ชนะในอนาคต นิตยสาร Time เอาเรื่องนายเอียนขึ้นปก โดยพาดหัวว่า China Won แปลว่าจีนชนะแล้ว นายเอียนเขียนว่า เดิมทีมีการมองกันว่า โมเดลของเศรษฐกิจจีนที่ใช้การผสมผสานระหว่างอำนาจนิยมและทุนนิยม (authoritarian-capitalist model) ไม่น่าที่จะอยู่รอด หรือเจริญรุ่งเรืองได้ในโลกของกลไกตลาดเสรี โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อ5ปีที่แล้ว มีความเห็นพ้องต้องกันในโลกตะวันตกว่าสักวันหนึ่งจีนหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องมีการปฏิรูปการเมืองอย่างเบ็ดเสร็จเพื่อที่จะให้รัฐบาลมีความชอบธรรม หรือมุ่งไปสู่ระบบที่เสรีมากขึ้น เพราะว่าจีนจะไม่สามารถรักษาระบบทุนนิยมที่รัฐบาลเป็นผู้ดูแลกำกับได้ แต่ที่ไหนได้ นายเอียนยอมรับว่า ทุกวันนี้ ระบบการเมือง และเศรษฐกิจของจีนมีความพร้อม และยั่งยืนมากกว่าระบบของสหรัฐที่มีอิทธิพลเหนือระบบเศรษฐกิจโลกตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่2เสียอีก ในขณะที่เศรษฐกิจสหรัฐยังคงมีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ความสามารถของจีนที่จะใช้บริษัทที่รัฐบาลดูแลกำกับเพื่อที่จะสร้างอิทธิพลของพรรคคอมมิวนิสต์จีนทั้งในเวทีในประเทศและต่างประเทศ ทำให้เป็นที่แน่นอนว่าภายในปี 2029 เศรษฐกิจของจีนจะมีขนาดใหญ่แซงหน้าสหรัฐตามการศึกษาของ Center for Economics and […]
ตลาดคาดการณ์ว่า งบประมาณคลังปี FY2019 น่าจะส่งผลให้ดอกเบี้ยสหรัฐฯปรับขึ้น
ทำเนียบขาวเปิดเผยร่างงบประมาณมูลค่า 4.4 ล้านล้านสำหรับปีงบประมาณ 2019 (1 ต.ค. 2018- 30 ก.ย. 2019) ซึ่งจะมีการเพิ่มค่าใช้จ่ายด้านการป้องกันประเทศ, โครงการก่อสร้าง (รวมงบสร้างกำแพงอเมริกา-เมกซิโก) และลดค่าใช้จ่ายด้านประกันสุขภาพ เช่น Medicare และ Medicaid ซึ่งงบประมาณนี้จะต้องถูกส่งให้สภาคองเกรสพิจารณา ก่อนมีผลบังคับใช้ Source: CRFB ร่างงบประมาณได้ทำการประมาณว่างบประมาณในปี 2019 จะขาดดุลเพิ่มขึ้นเป็น 9.8 แสนล้านดอลลาร์ฯ (4.7% ของ GDP) จากเดิมที่ประมาณการไว้ในปีก่อนที่ 5.3 แสนล้านดอลลาร์ฯ สำหรับแผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ระบุว่ารัฐจะลงทุน 2 แสนล้านดอลลาร์ฯ ในระยะเวลา 10 ปี เพื่อกระตุ้นให้รัฐบาลท้องถิ่นและภาคเอกชนลงทุน ซึ่งทางทำเนียบขาวประเมินว่าจะส่งผลให้เกิดการลงทุนรวมทั้งหมด 1.5 ล้านล้านดอลลาร์ฯ ในร่างดังกล่าวนำเสนอแผนรายได้และรายจ่ายในอีก 10 ปีข้างหน้าด้วย ซึ่งประเด็นสำคัญของร่างงบประมาณคลังนี้ประกอบไปด้วย งบประมาณนี้จะลดการขาดดุลงบประมาณ […]
หุ้นตกหลังเงินเฟ้อสหรัฐพุ่งในเดือนมกราคม
เงินเฟ้อของสหรัฐในเดือนมกราคมขึ้นสูงกว่าความคาดหมายมาก ทำให้หุ้นตก เพราะนักลงทุนเกรงว่าธนาคารกลางสหรัฐจะต้องขึ้นดอกเบี้ยรับมือเงินเฟ้อ เงินเฟ้อสหรัฐขึ้น 0.5% ในเดือนมกราคม โดยขึ้นสูงกว่าที่คาดหมายเอาไว้ 0.3% สำหรับเงินเฟ้อที่ไม่รวมราคาอาหารและพลังงาน ดัชนีสูงขึ้น 0.3% เมื่อเทียบกับการคาดการ 0.2% กระทรวงแรงงานสหรัฐบอกว่า แรงกดดันของราคาที่สูงขึ้นมีฐานที่กว้าง โดยการเพิ่มของราคามีทั้งในน้ำมัน ที่พักอาศัย เสื้อผ้า การรักษาพยาบาล และอาหาร ตลาดการเงินมีปฏิกิริยารุนแรงกับข่าวนี้ โดยเฉพาะดาวโจนส์ฟิวเจอร์สตก 450 จุด จากระดับสูง พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐขึ้นสูงขึ้นเหมือนกัน โดยพันธบัตรอายุ10ปีเทรดที่ระดับ 2.88% หรือ สูงขึ้น 0.35 จุด นักลงทุนคาดกว่าธนาคารกลางสหรัฐจะขึ้นดอกเบี้ยอย่างน้อย 3 ครั้งในปีนี้
หุ้นไทยปิดร่วงเกือบ 8 จุด อยู่ที่ 1,792.09 จุด
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทย (SET Index) ปิดวันนี้ (14 ก.พ. 61) ที่ระดับ 1,792.09 จุด ลดลง -7.94 จุด หรือ -0.44%โดยระหว่างวันดัชนีทำระดับสูงสุดที่ 1,806.78 จุด และทำระดับต่ำสุดที่ 1,792.00 จุด ขณะที่มูลค่าการซื้อขาย ณ เวลา 17.25น. อยู่ที่ 49,557.06 ล้านบาท หลักทรัพย์ที่มีการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับได้แก่ 1.PTT ปิดที่ 480.00 บาท ลดลง -8.00 บาท มูลค่าการซื้อขาย 3,332.37 ลบ. 2.AOT ปิดที่ 69.25 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท มูลค่าการซื้อขาย 3,012.54 ลบ. […]