จีนย้ำยังพร้อมต้อนรับบริษัทต่างชาติลงทุน
ไชน่าเดลี รายงานว่า จีนออกมาย้ำว่าพร้อมต้อนรับบริษัทต่างชาติ ซึ่งรวมถึงบริษัทจากสหรัฐที่ต้องการลงทุนและดำเนินการในจีนด้วย เนื่องจากยินดีที่จะแบ่งปันโอกาสในการพัฒนาร่วมกันเพื่อบรรลุผลประโยชน์ร่วมกันที่จะตามมา อย่างไรก็ตาม Geng Shuang โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ได้ย้ำหลังจากประชุมกลุ่มธุรกิจว่า การดำเนินการของบริษัทสหรัฐในจีนและการเข้าสู่ตลาดจีน อาจได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าในช่วงที่ผ่านมา ขณะที่ สภาธุรกิจสหรรัฐ-จีน ได้ออกรายงานอย่างเป็นทางการ ระบุว่า เจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลจีนได้กล่าวกับตัวแทนของสภาว่า พวกเขาปิดการยอมรับกรณีที่บริษัทสหรัฐยื่นขอใบอนุญาตในด้านการให้บริการทางการเงินและอุตสาหกรรมอื่นๆ จนกว่าจะมีความสัมพันธ์และเสถียรภาพระหว่างประเทศที่ดีขึ้น แต่ทาง Geng ชี้ว่า ไม่เคยได้ยินอะไรแบบนี้ และจีนก็พร้อมจะดำเนินการเปิดกว้างต่อ จีนกำลังดำเนินการต่อเนื่องเพื่อให้ต่างชาติเข้าถึงการค้าและการลงทุนในตลาดจีนได้ง่ายขึ้น โดยจะเพิ่มความสะดวกให้กับบริษัทต่างชาติที่เข้ามาลงทุนด้านการปฏิบัติการณ์ในจีน สำหรับ ครึ่งปีแรกที่ผ่านมา มีบริษัทต่างชาติเข้ามาลงทุนในจีนกว่า 30,000 แห่ง เกือบเท่าตัวเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่ เอ็กซอนโมบิล บริษัทด้านน้ำมันและก๊าซที่ใหญ่ที่สุดในโลก และเป็นบริษัทสหรัฐเพิ่งประกาศว่าจะลงทุน 10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐในโครงการปิโตรเคมีที่กวางโจว เมื่อช่วงต้นเดือนนี้ ส่วนผู้ผลิตเคมีภัณฑ์จากเยอรมนี BASF SE ก็ประกาศแผนที่จะตั้งฐานการผลิต โดยใช้เงินลงทุน 10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐในกวางโจวเมื่อเดือน ก.ค. ทางด้านบริษัทต่างชาติอย่าง บีเอ็มดับบลิวและเทสลา ก็ขยายกำลังการผลิตและลงทุนในจีนเช่นกัน […]
หุ้นไทยปิดตลาดบวกเล็กน้อย อยู่ที่ระดับ 1,722.21 จุด
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทย (SET Index) ปิดตลาดวันนี้ (14 ก.ย. 2018) อยู่ที่ระดับ 1,722.21 จุด เพิ่มขึ้น 4.25 จุด หรือ 0.25% โดยระหว่างวันดัชนีทำระดับสูงสุดที่ 1,727.83 จุด และทำระดับต่ำสุดที่ 1,718.11 จุด มูลค่าการซื้อขาย 58,890.39 ล้านบาท หลักทรัพย์ที่มีการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับได้แก่ 1.CPALL ปิดที่ 68.50 บาท ปิดไม่เปลี่ยนแปลง มูลค่าการซื้อขาย 3,740.87 ลบ. 2.GULF ปิดที่ 70.50 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท มูลค่าการซื้อขาย 2,848.83 ลบ. 3.EA ปิดที่ 44.75 บาท เพิ่มขึ้น […]
แบงก์ชาติตุรกีขึ้นดบ.นโยบาย 6.25% เป็น 24% หวังพยุงค่าเงินลีรา
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ธนาคารกลางตุรกีประกาศขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย 6.25% มาอยู่ที่ 24% เพื่อพยุงค่าเงินลีรา ส่งผลให้ค่าเงินลีราแข็งค่าขึ้นเกือบ 4% จากแรงซื้อเงินลีราที่เข้ามาเก็งกำไรระยะสั้น ‘นับเป็นการตัดสินใจที่ฉลาดสำหรับธนาคารกลางตุรกี ซึ่งยืนยันมาตลอดว่า เป็นอิสระ แม้จะถูกประธานาธิบดีตุรกีครอบงำการดำเนินนโยบายหลายครั้งและถูกตำหนิเกี่ยวกับการดำเนินนโยบายการเงินในอดีต’ นายแอนโธนี สกินเนอร์ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยที่ Verisk Maplecoft กล่าว ทั้งนี้ อัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจนสูงกว่าระดับอัตราดอกเบี้ยนโยบายเป็นปัจจัยกดดันให้ธนาคารกลางตุรกีต้องขึ้นดอกเบี้ยนโยบายอย่างรวดเร็ว ซึ่งจะเป็นผลดีต่อคะแนนนิยมของประธานาธิบดีเออร์โดกันด้วย เนื่องจากชูนโยบายปกป้องผู้ประกอบการรายย่อย และประชาชนผู้มีรายได้น้อยไม่ให้ได้รับผลกระทบจากอัตราเงินเฟ้อ
หุ้นไทยพุ่งแรงกว่า 38.57 จุด ปิดตลาดที่ 1,717.96 จุด
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทย (SET Index) ปิดตลาดวันนี้ (13 ก.ย. 2018) อยู่ที่ระดับ 1,717.96 จุด เพิ่มขึ้น 38.57 จุด หรือ 2.30% โดยระหว่างวันดัชนีทำระดับสูงสุดที่ 1,723.48 จุด และทำระดับต่ำสุดที่ 1,690.84 จุด มูลค่าการซื้อขาย 78,999.35 ล้านบาท หลักทรัพย์ที่มีการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับได้แก่ CPALL ปิดที่ 68.50 บาท เพิ่มขึ้น 3.00 บาท (+4.58%) มูลค่าการซื้อขาย 6,908.49 ล้านบาท PTT ปิดที่ 52.00 บาท เพิ่มขึ้น 2.50 บาท (+5.05%) มูลค่าการซื้อขาย 6,076.29 ล้านบาท PTTEP […]
เปโซฟิลิปปินส์ดิ่งลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 13 ปี
BF Economic Research ค่าเงินเปโซฟิลิปปินส์อ่อนค่าลงสู่ระดับ 54.13 เปโซฟิลิปปินส์ต่อดอลลาร์ฯ วานนี้ (12 ก.ย. 2018) อ่อนที่สุดในรอบ 13 ปี การอ่อนค่าของเปโซฟิลิปินส์ดังกล่าว น่าจะเป็นแรงจูงใจสำคัญให้ธนาคารกลางฟิลิปปินส์ตัดสินใจปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมนโยบายการเงินในวันที่ 27 ก.ย. ที่จะถึงนี้ ค่าเงินเปโซฟิลิปปินส์อ่อนค่าลงสู่ระดับ 54.13 เปโซฟิลิปปินส์ต่อดอลลาร์ฯ วานนี้ (12 ก.ย. 2018) อ่อนที่สุดในรอบ 13 ปี โดยได้รับแรงกดดันมาจากการที่ฟิลิปปินส์ขาดดุลการค้าอย่างต่อเนื่อง โดยใน 7 เดือนแรกของปี ขาดดุลกว่า 22.49 พันล้านดอลลาร์ฯ ประกอบกับอัตราเงินเฟ้อที่เร่งขึ้น ล่าสุด ขึ้นไปอยู่ที่ 6.4% YoY ในเดือนก.ค. 2018 นอกจากนี้ เงินทุนต่างชาติที่ไหลออกก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ส่งผลต่อการอ่อนค่าของเปโซฟิลิปปินส์ โดยนับตั้งแต่วันแรกของไตรมาสที่ 3/2018 ถึงปัจจุบัน (Quarter to date) […]
บริษัทสหรัฐในจีนกว่า 30% อาจชะลอลงทุนเพราะหวั่นสงครามการค้า
สมาคมหอการค้าอเมริการในนครเซี่ยงไฮ้ ได้จัดทำผลสำรวจ ระบุว่า 31.1% ของบริษัทสหรัฐที่ทำธุรกิจในจีนกำลังพิจารณาที่จะชะลอหรือยกเลิกการลงทุน เนื่องจากกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ข้อมูลดังกล่าวได้จากการสำรวจความคิดเห็นของบริษัท 432 แห่งที่เป็นสมาชิกของหอการค้า และทำการเก็บความคิดเห็นระหว่างวันที่ 29 ส.ค. ถึงวันที่ 5 ก.ย. 2018 ระบุว่า 50.8% ของบริษัทที่ทำแบบสำรวจครั้งนี้คาดการณ์ว่า บริษัทจะขาดทุนเนื่องจากผลกระทบของมาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้า ขณะที่ 47.1% ได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น ขณะนี้ สหรัฐและจีนได้ดำเนินการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าแต่ละฝ่ายในวงเงิน 5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ นับตั้งแต่เดือน ก.ค. และในเดือน ส.ค. ที่ผ่านมา จีนได้เปิดเผยรายชื่อสินค้าสหรัฐวงเงิน 6 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐที่จีนเตรียมตอบโต้ หากสหรัฐเรียกเก็บภาษีสินค้าจีนวงเงิน 2 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ
กองทุนเปิดบัวหลวงโกลด์ฟันด์ (BGOLD) กองทุนเปิดบัวหลวงโกลด์เพื่อการเลี้ยงชีพ (BGOLDRMF)
สรุปภาวะการลงทุนในทองคำ “เศรษฐกิจที่ขยายตัวของ USA การขึ้น Fed Fund Rate และค่าเงิน USD ยังกดดันราคาทองให้อยู่ในระดับ USD 1,200 oz.” ราคาทองคำในครึ่งปีแรก (2018) ได้รับแรงกดดันอย่างมากจากปัจจัยหลัก ได้แก่ เงิน USD ที่แข็งค่าขึ้นจากการเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกา การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือเฟด และการอ่อนค่าลงของเงินสกุล EUR เนื่องจากผลกระทบของสงครามการค้า อย่างไรก็ตาม ครึ่งปีหลังราคาทองคำโลกมีปัจจัยที่เกื้อหนุนอยู่บ้าง ได้แก่ อัตราเงินเฟ้อที่ปรับตัวสูงขึ้นตามภาวะการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกและสหรัฐอเมริกา รวมถึงภาวะที่การเมืองมี ความไม่แน่นอนนักลงทุนมักจะมีความต้องการเข้าซื้อทองคำเพื่อปกป้องการลดลงของมูลค่าทรัพย์สิน อัตราผลตอบแทนของทองคำ ตั้งแต่ต้นปีถึงเดือนส.ค.อยู่ที่ -8.2% โดยเคลื่อนไหวในกรอบ 1,200-1,300 ดอลลาร์ฯ/ออนซ์ และทดสอบระดับต่ำสุดที่ 1,200 ดอลลาร์ฯ/ออนซ์ จากค่าเงินสกุล USD ที่แข็งค่าขึ้น และอีกหลายปัจจัยสำคัญ ได้แก่ (1) เศรษฐกิจของสหรัฐฯ ที่ขยายตัวอย่างแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง (2) สถานการณ์ทางการเมืองในยุโรป […]
สิ่งน่ารู้ต่อผลกระทบของสงครามการค้าสหรัฐฯ-จีน
1.สหรัฐฯและจีนพึ่งพิงการส่งออกไปยังประเทศอื่นทั่วโลกคิดเป็นสัดส่วนที่ลดลงตลอดหลายปีที่ผ่านมา โดยเมื่อเทียบกับผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) พบว่า จีนพึ่งพาการส่งออก (China Export) คิดเป็นสัดส่วน 18% ของ GDP จีน (ในปี 2017) ลดลงจาก 36% (ในปี 2006) ขณะที่สหรัฐฯ พึ่งพาการส่งออก (US Export) คิดเป็นสัดส่วน 12% ของ GDP (ในปี 2017) หากมองลึกลงไปว่าสองประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจส่งออกสินค้าไปมาหากันขนาดไหนพบว่า จีนส่งออกไปสหรัฐฯ (China export to US) เพียง 2.5% ของ GDP จีน ขณะที่สหรัฐฯ ส่งออกไปจีน (US export to China) เพียง 1% ของ GDP สหรัฐฯ […]
โรงแรมจีนใช้ธีมการ์ตูนเจาะใจคนรุ่นใหม่
ไชน่าเดลี รายงานว่า กลุ่มโรงแรมในจีนได้เปิดตัวนวัตกรรมที่มาขับเคลื่อนโรงแรมในการเจาะกลุ่มเป้าหมายที่เป็นคนรุ่นใหม่ชนชั้นกลาง ที่อยู่ในช่วงยกระดับการบริโภคของตัวเองอยู่ Atour Group ซึ่งเป็นแบรนด์โรงแรมระดับพรีเมียมที่เจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ ได้เปิดตัวโรงแรมที่ตกแต่งด้วยธีมการ์ตูนน่ารักๆ เพื่อกระตุ้นให้คนหยุดมาดูและสนุกสนานกับชีวิต ทั้งนี้ Atour Group ใช้กลยุทธ์ร่วมมือกับแบรนด์เนมชื่อดังที่มีทรัพย์สินทางปัญญา โดย Atour Group จะสำรวจโครงสร้างธุรกิจใหม่ๆ ข้ามอุตสาหกรรม ช่วยทำให้โรงแรมในประเทศจีนทำงานกับเจ้าของทรัพย์สินทางปัญญา อนึ่ง ประสบการณ์ที่มีคุณค่าสูงของตัวบุคคลจะเป็นหัวใจหลักของการบริการที่ Atour ต้องการจัดหามาเพื่อผู้บริโภค โดยปัจจุบันเป็นพันธมิตรกับ Wu Xiaobo บุคคลมีชื่อเสียงต้นแบบด้านธุรกิจสื่อและผู้แสดงความคิดเห็น Tongdaodashu ซึ่งเป็นแบรนด์ที่ได้รับความนิยมมากสำหรับกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการ์ตูน FlowerPlus ซึ่งเป็นแบรนด์ที่มุ่งจำหน่ายดอกไม้และส่งออนไลน์
Fund Comment
Fund Comment สิงหาคม 2018 : มุมมองตลาดตราสารหนี้
ในเดือน ส.ค. ที่ผ่านมา อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยเคลื่อนไหวอย่างผันผวนในช่วงลบ 0.05% ถึงบวก 0.13% เป็นผลมาจาก ดัชนีอัตราเงินเฟ้อทั่วไปมีการเร่งตัวขึ้นสู่ระดับ 1.46% ในเดือน ก.ค. เพิ่มขึ้นจาก 1.38% ในเดือนก่อน ทำให้อัตราดอกเบี้ยแท้จริงของไทยปรับตัวลดลง อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่ 2/2018 ที่เติบโต 4.6% สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ ส่งผลให้เศรษฐกิจไทยในครึ่งปีแรกขยายตัวถึง 4.8% จากปัจจัยทั้งสองประการทำให้นักวิเคราะห์บางส่วนเริ่มให้น้ำหนักต่อการที่คณะกรรมการนโยบายการเงินของไทยอาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายภายในปีนี้เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการดำเนินนโยบายการเงินในอนาคต (Policy space) ซึ่งถือเป็นปัจจัยกดดันต่อตลาดตราสารหนี้ไทย สำหรับปัจจัยต่างประเทศที่สำคัญในช่วงที่ผ่านมา ได้แก่ ผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินของสหรัฐฯ ที่มีมติเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยที่ 1.75-2.00% พร้อมมีมุมมองต่อภาวะเศรษฐกิจและตลาดแรงงานของสหรัฐฯ ที่ยังแข็งแกร่ง และยังคงยืนยันทิศทางการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 2 ครั้งในปีนี้ตามคาดการณ์เดิม การให้สัมภาษณ์ของนาย Jerome Powell ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ ในงานประชุมที่ Jackson Hole ที่ยังยืนยันทิศทางการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ FED อย่างค่อยเป็นค่อยไป ความกังวลต่อพื้นฐานทางเศรษฐกิจของกลุ่มประเทศเกิดใหม่บางประเทศที่พึ่งพาการกู้ยืมจากต่างประเทศในระดับสูง ทำให้ได้รับผลกระทบโดยตรงต่อการแข็งค่าของเงินดอลล่าร์สหรัฐฯ ในช่วงที่ผ่านมา […]