ผลิตภัณฑ์แปรรูปจากกล้วย หนึ่งตัวช่วยคืนป่าต้นน้ำน่าน
By…จารุพันธ์ จิระรัชนิรมย์ เมื่อปี 2558-2560 กองทุนรวม คนไทยใจดี (BKIND) ได้มอบงบสนับสนุนโครงการ “นาแลกป่า” ที่มูลนิธิฮักเมืองน่านจัดทำขึ้น เพื่อพลิกฟื้นคืนผืนป่าที่ถูกทำลายจากการรุกล้ำปลูกพืชเชิงเดี่ยว และในช่วงที่ทีมงานกองทุนบัวหลวงมีโอกาสลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าของโครงการ ได้พบกับสิ่งที่น่าสนใจและอยากนำมาเล่าสู่กันฟัง ถึงแนวทางที่ชาวบ้านได้ร่วมกันดำเนินการต่อ ซึ่งหากได้รับการสนับสนุนจากทุกภาคส่วนก็จะช่วยให้การฟื้นคืนผืนป่าครั้งนี้ยั่งยืนขึ้น เพราะการจะทำให้ผืนป่ากลับคืนมาอย่างยั่งยืนนั้น ประเด็นสำคัญคงมิใช่แค่ผลักดันให้ชาวบ้านที่เคยรุกล้ำผืนป่าเพื่อปลูกข้าวโพด หันมาทำเกษตรผสมผสาน ส่งเสริมการปลูกพืชชนิดอื่นๆ ทดแทนอย่างเดียว หากปลูกไปแล้ว ชาวบ้านไม่สามารถหาเลี้ยงชีพด้วยผลผลิตของพืชชนิดใหม่ๆ ที่ปลูกมาได้ สุดท้ายชาวบ้านก็อาจหวนคืนกลับไปทำอย่างที่เคยทำมา ด้วยเหตุนี้เองจึงทำให้เกิดการรวมกลุ่มของชาวบ้านหลายชุมชนในพื้นที่ต้นน้ำ จ.น่าน เพื่อต่อยอดนำผลผลิตจากพืชชนิดใหม่ๆ ที่ปลูกแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ออกจำหน่าย เช่น กลุ่มวิสาหกิจชุมชนแปรรูปเกษตรเมืองโพง จ.น่าน ที่กำลังเดินหน้าเรื่องนี้อยู่ คุณสนั่น ทะนันไชย เลขากลุ่มวิสาหกิจชุมชนแปรรูปเกษตรเมืองโพง จ.น่าน เล่าให้ฟังว่า 2-3 ปีก่อน จ.น่าน มีปัญหาการรุกล้ำป่าทำไร่ข้าวโพด ทั้งหน่วยงานราชการและผู้ทำโครงการหลายๆ โครงการ จึงส่งเสริมให้เกษตรกรปลูกพืชทดแทนข้าวโพด เช่น กล้วย โดยนำมาให้ปลูกจำนวนมาก ก็ทำให้ชาวบ้านที่ปลูกกล้วยมารวมตัวกันเป็นวิสาหกิจ แปรรูปกล้วยเป็นผลิตภัณฑ์จำหน่าย มีผลิตภัณฑ์ […]
จับตาสุนทรพจน์ผู้นำจีนที่อาจมีผลกระทบต่อสงครามการค้า
CNBC รายงานว่า นายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีนมีโอกาสที่จะส่งสารบางอย่างที่อาจมีผลกระทบหลักเกี่ยวกับสงครามการค้าผ่านเวทีการกล่าวสุนทรพจน์เนื่องในโอกาสครบรอบ 40 ปีแห่งการเปิดประเทศและการปฏิรูปในวันนี้ ขณะที่สื่อต่างประเทศคาดการณ์ว่า นายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน จะใช้เวทีการกล่าวสุนทรพจน์เนื่องในโอกาสครบรอบ 40 ปีแห่งการเปิดประเทศและการปฏิรูปในวันนี้ เพื่อยืนยันว่าจีนจะเดินหน้าปฏิรูปเศรษฐกิจต่อไป ในช่วงเวลาที่จีนต้องเผชิญกับแรงกดดันทางการค้ากับสหรัฐ ขณะเดียวกันคาดว่า การกล่าวสุนทรพจน์ในครั้งนี้ จะเพิ่มโอกาสในการทำให้ชื่อเสียงให้กับนายสี จิ้นผิง นับตั้งแต่นายโดนัลด์ ทรัมป์ คว้าชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐคนที่ 45 เมื่อปี 2016 และยังเปิดโอกาสให้ประธานาธิบดีสีใช้เวทีนี้ในการชี้แจงข้อวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับนโยบายของตน ไม่ว่าจะเป็นโครงการ Belt and Road Initiative (BRI) ยุทธศาสตร์การพัฒนาอุตสาหกรรมและการคุ้มครองทางการค้าที่ผลักดันไปสู่การเปิดฉากสงครามการค้ากับสหรัฐ ตลอดจนความกังวลเกี่ยวกับจุดมุ่งหมายที่แท้จริงในการขยายอิทธิพลไปทั่วโลกของรัฐบาลจีน
ตลาดหุ้นไทยปิดที่ 1,601.48 จุด ลดลง 7.97 จุด หรือ -0.50%
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทย (SET Index) ปิดวันนี้ (17 ธ.ค. 2018) อยู่ที่ระดับ 1,601.48 จุด ลดลง 7.97 จุด หรือ -0.50% โดยระหว่างวันดัชนีทำระดับสูงสุดที่ 1,1,615.63 จุด และทำระดับต่ำสุดที่ 1,593.37 จุด มูลค่าการซื้อขาย 39,756.77 ล้านบาท หลักทรัพย์ที่มีการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับได้แก่ 1.PTTEP ปิดที่ 124.00 บาท เพิ่มขึ้น 3.00 บาท มูลค่าการซื้อขาย 2,914.32 ลบ. 2.CPALL ปิดที่ 70.00 บาท ลดลง -1.00 บาท มูลค่าการซื้อขาย 2,218.57 ลบ. 3.PTT ปิดที่ 48.00 […]
ASEAN B-ASEAN B-ASEANRMF Morning Brief
อินโดนีเซียได้ฤกษ์ลงนามข้อตกลงการค้ากับ EFTA หลังเจรจามาเกือบ 8 ปี
สำนักข่าวรอยเตอร์ส รายงานว่า เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาอินโดนีเซียได้ลงนามในข้อตกลงด้านเศรษฐกิจกับสมาคมการค้าเสรียุโรป (EFTA) โดยมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มการค้าและการลงทุนระหว่างกัน ถือเป็นข้อสรุปที่ได้หลังจากเจรจากันมาเกือบ 8 ปี ภายใต้ข้อตกลงนี้ อุปสรรคด้านภาษีและอุปสรรคที่ไม่ใช่เรื่องภาษีจะถูกกำจัดออกไป สำหรับผลิตภัณฑ์กว่า 1,000 รายการที่อินโดนีเซียและประเทศในกลุ่ม EFTA ค้าขายกัน โดยประเทศในกลุ่ม EFTA ประกอบด้วย สวิตเซอร์แลนด์ ลิกเตนสไตน์ นอร์เวย์ และไอซ์แลนด์ ส่วนสินค้าที่ครอบคลุม ได้แก่ น้ำมันปาล์มของอินโดนีเซีย จะสามารถเข้าถึงตลาดไอซ์แลนด์และนอร์เวย์ได้อย่างเต็มที่ ยกเว้นผลิตภัณฑ์ปาล์มสำหรับอาหารอื่นๆ นอกเหนือจากปลา ขณะที่ สวิตเซอร์แลนด์ ก็พร้อมเปิดรับผลิตภัณฑ์น้ำมันปาล์มง่ายขึ้น แต่อยู่ภายใต้โควต้าที่แน่นอน Enggartiasto Lukita รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการค้าอินโดนีเซีย กล่าวแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการเข้าถึงตลาดต่างๆ ของน้ำมันปาล์มว่า เป็นประเด็นที่เจรจาลากยาวมาหลายปีแล้ว โดยการหารือรอบแรกเริ่มขึ้นเมื่อช่วงต้นปี 2011 Johann N. Schneider-Ammann สมาชิกสภาแห่งสหพันธ์สวิส กล่าวว่า ข้อตกลงนี้อยู่บนพื้นฐานของความยั่งยืนในผลิตภัณฑ์น้ำมันปาล์ม จากข้อมูลของอินโดนียเซีย พบว่า ปี 2017 […]
BF Knowledge Center Personal Finance
จัดการเงินง่ายๆ สไตล์ฟรีแลนซ์
จัดการเงินง่ายๆ สไตล์ฟรีแลนซ์ โดย…พริ้มพัชร จิรบวรพงศา AFPTTM ผู้เชี่ยวชาญด้านการวางแผนทางการเงิน BF Knowledge Center ปัจจุบันหลายคนให้ความสนใจเรื่องการบริหารจัดการเงินส่วนบุคคลมากขึ้น ซึ่งเน้นบริหารรายรับรายจ่ายให้มีประสิทธิภาพ คือ มีเงินเพียงพอใช้จ่าย มีเงินออมและ/หรือมีเงินลงทุนในทุกเดือน รวมถึงมีเงินสำรองใช้ในยามฉุกเฉิน โดยการบริหารจัดการเงินส่วนบุคคลนี้ไม่ได้จำกัดเฉพาะมนุษย์เงินเดือนที่มีรายรับประจำเท่านั้น แต่ยังครอบคลุมไปถึงอาชีพฟรีแลนซ์ด้วย ฟรีแลนซ์ (Freelancer) เป็นอาชีพในฝันของคนรุ่นใหม่ เพราะเป็นการทำงานที่มีความอิสระทางความคิด อิสระทางเวลาในการบริหารจัดการการทำงานได้ด้วยตัวเอง โดยความอิสระนี้ให้ความสบายใจ แต่อาจแลกกับรายรับที่ไม่สม่ำเสมอบ้างในบางเดือน และบางครั้งก็อาจมีเหตุไม่คาดฝันเกิดขึ้น เช่น ทำงานเสร็จเดือนนี้ ลูกค้าบางรายจ่ายเดือนนี้ บางรายจ่ายเดือนหน้า ฯลฯ รวมถึงตัวเราเองก็อาจมีเหตุฉุกเฉิน เช่น เจ็บป่วย ไม่สามารถทำงานได้ ทำให้ขาดรายรับในเดือนนั้น การวางแผนบริหารจัดการเงินส่วนบุคคลของอาชีพฟรีแลนซ์จึงมีความสำคัญมาก เพราะหากจัดการได้ดีก็จะสามารถช่วยให้ก้าวผ่านเหตุการณ์ต่างๆ ได้อย่างมั่นใจ “รายรับไม่สม่ำเสมอ แต่รายจ่ายมีสม่ำเสมอทุกเดือน” เป็นเรื่องจริงที่ปวดใจไม่น้อยสำหรับอาชีพฟรีแลนซ์ แต่สามารถจัดการได้ง่ายกว่าที่คิด โดยมีแนวทางปฏิบัติ 4 ขั้นตอน คือ ตรวจสอบค่าใช้จ่าย เริ่มต้นจากการทำบัญชีรายจ่าย โดยแยกประเภทของค่าใช้จ่ายเป็น 3 ส่วน […]
หุ้นไทยลดลง 5.54 จุด ปิดตลาดที่ 1,609.45 จุด
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทย (SET Index) ปิดวันนี้ (14 ธ.ค. 2018) อยู่ที่ระดับ 1,609.45 จุด ลดลง 5.54 จุด หรือ -0.34% โดยระหว่างวันดัชนีทำระดับสูงสุดที่ 1,620.60 จุด และทำระดับต่ำสุดที่1,602.42 จุด มูลค่าการซื้อขาย 44,918.04 ล้านบาท หลักทรัพย์ที่มีการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับได้แก่ 1.PTTEP ปิดที่ 121.00 บาท ลดลง -4.00 บาท มูลค่าการซื้อขาย 5,518.70 ลบ. 2.PTT ปิดที่ 47.75 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท มูลค่าการซื้อขาย 2,451.57 ลบ. 3.KBANK ปิดที่ 185.00 บาท […]
สตาร์ทอัพสัญชาติอเมริกันพร้อมบุกตลาดโคเวิร์กกิ้งแถบอาเซียน
กระแสนิยมของการใช้บริการสำนักงานแบบแบ่งปัน หรือ ออฟฟิศแชริ่ง ในเอเชียนั้นเพิ่มสูงขึ้น ส่งผลให้บริษัท WeWork สตาร์ทอัพสัญชาติอเมริกันที่เป็นผู้นำให้บริการโคเวิร์กกิ้ง (Co-Working) ตัดสินใจที่จะขยายธุรกิจเข้าสู่ประเทศในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มากขึ้น Turochas “T” Fuad กรรมการผู้จัดการประจำเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้ให้สัมภาษณ์ผ่านซีเอ็นบีซีว่า ขณะนี้ได้เตรียมเพิ่มจุดให้บริการในประเทศสิงคโปร์มากขึ้นแล้ว ส่วนในกรุงเทพฯ เมืองหลวงของประเทศไทยจะเป็นเมืองถัดไปที่จะเข้ามาเปิดตลาด ตามด้วย กรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ และกรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ซึ่งเมืองเหล่านี้ล้วนมีศักยภาพ และมีความต้องการที่แข็งแกร่ง ทั้งนี้ แรกเริ่มการเปิดให้ใช้ออฟฟิศ และอุปกรณ์สำนักงาน ทำไปเพื่อตอบสนองความต้องการของกลุ่มคนที่ทำงานอิสระ (ฟรีแลนซ์) โดย WeWork ได้เจาะตลาดสิงคโปร์ครั้งแรกเมื่อเดือน ธ.ค. 2017 พร้อมทั้งขยายจุดให้บริการไปแล้ว 7 แห่ง รวมไปถึงขยายธุรกิจไปยังเมืองจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย โดยเริ่มให้บริการแล้ว 3 แห่ง ขณะที่ ก่อนหน้านี้บริษัทได้เลือกบุกตลาดจีน และเกาหลีใต้ไปตั้งแต่เมื่อปี 2016 ตามมาด้วยอินเดียเมื่อปี 2017เนื่องจากเป็นตลาดขนาดใหญ่ มีโอกาสเติบโตมาก
ธนาคารกลางญี่ปุ่นประกาศดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจ (Tankan) ในไตรมาส 4 สูงกว่าที่ตลาดคาดไว้
BF Economic Research ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BoJ) ประกาศดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจ (Tankan Index) ที่สำรวจความเห็นของผู้ประกอบการญี่ปุ่นต่อสภาวะธุรกิจเป็นประจำทุกไตรมาส ว่าดัชนีความเชื่อมั่นฯ สำหรับธุรกิจภาคการผลิตขนาดใหญ่ในไตรมาส 4/2018 ทรงตัวจากไตรมาสก่อนหน้าที่ +19 ซึ่งสูงกว่าที่ตลาดมองว่าจะลดลง -1 เป็น +18 ในขณะที่ธุรกิจภาคบริการขนาดใหญ่ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากไตรมาส 3 ที่ +22 เป็น +24 สวนทางกับที่ตลาดคาดว่าจะลดลง -1 เป็น +21 โดยตัวเลขดัชนี Tankan ในไตรมาส 4/2018 นี้ นับเป็นภาพเชิงบวกต่อเศรษฐกิจญี่ปุ่น เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมา ดัชนี Tankan ปรับตัวลดลงต่อเนื่องตั้งแต่ขึ้นไปแตะจุดสูงสุดในไตรมาส 4/2017 นอกจากนี้ผลของพายุไต้ฝุ่น ราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น และนโยบายกีดกันทางการค้าของสหรัฐฯ ที่ฉุดภาคธุรกิจของญี่ปุ่นในช่วงไตรมาส 3 ที่ผ่านมา ได้เริ่มบรรเทาลงในไตรมาส 4 ธุรกิจที่ปรับตัวดีขึ้นในไตรมาส 4 นี้ […]
หุ้นไทยร่วงเกือบ 20 จุด ปิดตลาดที่ 1,614.99 จุด
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทย (SET Index) ปิดวันนี้ (13 ธ.ค. 2018) อยู่ที่ระดับ 1,614.99 จุด ลดลง 19.89 จุด หรือ -1.22% โดยระหว่างวันดัชนีทำระดับสูงสุดที่ 1,642.20 จุด และทำระดับต่ำสุดที่ 1,612.91 จุด มูลค่าการซื้อขาย 52,506.38 ล้านบาท หลักทรัพย์ที่มีการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับได้แก่ 1.PTTEP ปิดที่ 125.00 บาท ลดลง -9.00 บาท มูลค่าการซื้อขาย 7,630.02 ลบ. 2.PTT ปิดที่ 47.50 บาท ลดลง -1.50 บาท มูลค่าการซื้อขาย 5,154.04 ลบ. 3.ADVANC ปิดที่ 166.50 […]
ญี่ปุ่นเปิดช่องต่างชาติทำงานง่ายขึ้น หวังลดปัญหาขาดแคลนแรงงาน
รายงานข่าวจากซีเอ็นบีซี ระบุว่า ในปี 2019 เป็นต้นไป ญี่ปุ่นจะผ่อนปรนข้อบังคับให้ต่างชาติสามารถทำงานได้ง่ายมากขึ้น เพื่อลดปัญหาขาดแคลนแรงงาน อย่างไรก็ตามนักเศรษฐศาสตร์ มองว่า การผ่อนคลายมาตรการให้ต่างชาติทำงานได้สะดวกขึ้นยังไม่สามารถแก้ปัญหาได้อย่างตรงจุด เนื่องจากปัญหาที่ญี่ปุ่นกำลังเผชิญนั้นคือ แรงงานที่กำลังก้าวสู่แรงงานสูงวัย ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมารัฐบาลญี่ปุ่นเพิ่งจะผ่านกฎหมายเปิดทางให้ชาวต่างชาติกว่า 300,000 คน สามารถเข้ามาพักอาศัยและทำงานในประเทศได้อย่างถูกกฎหมาย ใน 14 อุตสาหกรรม โดยเฉพาะอุตสาหกรรมก่อสร้าง ภาคการเกษตร งานพยาบาล คมนาคม และการท่องเที่ยว โดยกฎหมายฉบับดังกล่าวเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่เดือน เม.ย. 2019 แม้หลายภาคส่วนจะกังวลเกี่ยวกับผลกระทบที่จะตามมาต่อสังคมโดยรวมของญี่ปุ่นก็ตาม ปัจจุบันจะเห็นว่าแรงงานต่างชาติ แรงงานที่ไม่มีทักษะจะถูกรับเข้าไปทำงานภายใต้โครงการฝึกงาน ขณะที่แรงงานต่างชาติที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง แต่ไม่ได้ยื่นเพื่อขออาศัยถาวร (Permanent Residency) จะสามารถทำงานในประเทศญี่ปุ่นได้แต่มีระยะเวลากำหนดที่จำกัด และไม่มีครอบครัวเป็นผู้ติดตาม