อุตสาหกรรมเทคฯ จีนโล่งใจ หลังไบเดนคว้าชัยชนะ มองแข่งขันทางนวัตกรรมอย่างเป็นธรรม
รายงานข่าวจากรอยเตอร์ส ระบุว่า อุตสาหกรรมเทคโนโลยีของจีนนับเป็นหนึ่งในเป้าหมายหลักของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่มุ่งปะทะคารมกับจีน ทั้งนี้ผลการเลือกประธานาธิบดีสหรัฐฯ อย่างไม่เป็นทางการล่าสุด เป็นโจ ไบเดน ดังนั้นคาดว่าจะสามารถสร้างความสัมพันธ์ที่สร้างสรรค์มากขึ้นได้ แต่มีเพียงไม่กี่คนที่คิดว่าการแข่งขันจะลดลง ทั้งนี้ เนื่องจากระยะเวลา 4 ปีในการดำรงตำแหน่งของทรัมป์ ได้สอนให้อุตสาหกรรมเห็นถึงความสำคัญของการพึ่งพาตนเองและความตั้งใจของจีนในการปรับปรุงความสามารถด้านเทคโนโลยีภายในประเทศจะยังคงมีอยู่ไม่เปลี่ยนแปลง Fang Xingdong ผู้อำนวยการสมาคมอินเทอร์เน็ตและสังคม จากมหาวิทยาลัยการสื่อสารเจ้อเจียง มองว่า เมื่อโจ ไบเดน เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดี อาจช่วยให้บริษัทเทคโนโลยีในประเทศจีนรู้สึกโล่งใจมากขึ้น อย่างน้อยที่สุดสหรัฐฯ ก็ควรที่จะสนับสนุนการเปิดกว้างอีกครั้ง และเคารพการแข่งขันที่เป็นธรรม รวมถึงสนับสนุนการพัฒนานวัตกรรมอีกครั้ง อย่างไรก็ตามในด้านเทคโนโลยีขั้นสูง ทฤษฎีการแข่งขันและการวางยุทธศาสตร์ต่างๆ จะยังคงดำเนินต่อไป โดยจีนและสหรัฐฯ จะยังคงแข่งขันกันด้วยความสามารถด้านนวัตกรรมที่แท้จริงในทศวรรษหน้า
Fund Comment ตุลาคม 2563 : ภาพรวมตลาดหุ้น
ตลาดหุ้นโลกปรับตัวผันผวนในเดือนตุลาคม จากความกังวลที่กลับมาเพิ่มขึ้นของการแพร่ระบาด COVID-19 โดยเฉพาะในสหรัฐฯและยุโรปซึ่งทำให้เกิดการล็อคดาวน์ขึ้นในหลายประเทศอีกครั้ง ความไม่แน่นอนต่อการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ส่งผลให้นักลงทุนมีการขายลดความเสี่ยงในช่วงสั้น และสัญญาณทางเศรษฐกิจต่างๆ ที่เริ่มบ่งชี้ถึงการฟื้นตัวที่ชะลอตัวลง ทำให้ในเดือนนี้ ตลาดหุ้นโลก (World MSCI Index) ปิดลดลงประมาณ 3.1% โดยตลาดยุโรปเป็นตลาดที่ปรับตัวลงมากที่สุดในกลุ่มตลาดหลัก การแพร่ระบาดทั่วโลกที่ยังคงอยู่ในระดับสูงและการกลับมาระบาดระลอก 2 ในหลายประเทศนั้น โดยเฉพาะยุโรป ทำให้หลายประเทศจำเป็นต้องใช้มาตรการล็อคดาวน์เศรษฐกิจอีกครั้ง เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดที่รุนแรงเกินกว่าที่ขีดความสามารถของการรักษาพยาบาลจะรับได้ ในช่วงที่กำลังจะเข้าสู่ฤดูหนาวในปีนี้ โดยการพัฒนาวัคซีนนั้น ยังคงอยู่ในขั้นตอนการทดลองตามลำดับ ยังคงไม่สามารถพร้อมใช้ได้อย่างน้อยจนถึงเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้า ส่งผลต่อความต่อเนื่องและแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ในขณะที่อีกหนึ่งความคาดหวังเชิงบวก ต่อมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ของสหรัฐฯ ยังคงไม่สามารถบรรลุข้อตกลงกันได้ ทำให้ต้องไปรอหลังการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ส่งผลให้ตัวเลขเศรษฐกิจในไตรมาสสุดท้ายของปีจะขาดแรงหนุน เนื่องจากผลบวกจากการกระตุ้นเศรษฐกิจในรอบก่อนหน้าเริ่มหมดลง ด้านการเลือกตั้งประธานาธิบดีของสหรัฐฯนั้น ล่าสุดยังคงไม่สามารถได้ผลอย่างเป็นทางการ แต่มีโอกาสสูงที่ Biden จะเป็นผู้ชนะ โดย Democrat จะชนะในสภาล่าง และ Republican ครองสภาบน ทำให้การออกนโยบาย รวมถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจขนานใหญ่ อาจจะไม่ราบรื่น ดังนั้น ประเด็นการเมืองของสหรัฐฯ จะยังคงเป็นปัจจัยที่ตลาดให้ความสำคัญในช่วงต่อจากนี้ […]
B-FUTURE News Update Press Release
กองทุน B-FUTURE จ่ายปันผลต่อเนื่องครั้งที่ 4 วันที่ 13 พ.ย. นี้ 0.25 บาท
รายงานข่าวจากบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม บัวหลวง จำกัด หรือ กองทุนบัวหลวง เปิดเผยว่า กองทุนเปิดบัวหลวงหุ้นเพื่อคนรุ่นใหม่ (B-FUTURE) ประกาศจ่ายเงินปันผลครั้งที่ 4 สำหรับผลการดำเนินงานตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2563 ถึงวันที่ 31 ตุลาคม 2563 ในอัตรา 0.25 บาทต่อหน่วย โดยปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหน่วยลงทุน วันที่ 6 พฤศจิกายน 2563 และจ่ายเงินปันผลในวันที่ 13 พฤศจิกายน 2563 ทั้งนี้ เมื่อนับรวมตั้งแต่จัดตั้งกองทุนจนถึงการประกาศจ่ายเงินปันผลครั้งที่ 4 นี้ กองทุน B-FUTURE จ่ายเงินปันผลแล้วรวมทั้งสิ้น 0.91 บาทต่อหน่วย ผู้ลงทุนที่สนใจอัพเดทข้อมูลกองทุน B-FUTURE ได้ทางเว็บไซต์ bblam.co.th และ BF Mobile App. ผู้ลงทุนต้องทำความเข้าใจ ลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน […]
ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 6 พ.ย. 2563 ปิดตลาดที่ 1,260.08 จุด ลดลง 4.24 จุด หรือ -0.34%
ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 6 พ.ย. 2563 ปิดตลาดที่ 1,260.08 จุด ลดลง 4.24 จุด หรือ -0.34% โดยระหว่างวันดัชนีสูงสุดที่ 1,270.22 จุด ต่ำสุดที่ 1,251.08 จุด มูลค่าการซื้อขาย 73,524.08 ล้านบาท หลักทรัพย์ที่มีการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับได้แก่ 1.KBANK ปิดที่ 80.25 บาท เพิ่มขึ้น 1.75 บาท มูลค่าการซื้อขาย 4,174.40 ลบ. 2.GPSC ปิดที่ 63.50 บาท เพิ่มขึ้น 3.50 บาท มูลค่าการซื้อขาย 3,642.24 ลบ. 3.GULF ปิดที่ 32.25 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 […]
หลายประเทศสะสมหนี้เพิ่มขึ้นเป็นประวัติการณ์หลังเจอโควิด-19
เว็บไซต์สภาเศรษฐกิจโลก (weforum.org) ออกรายงานฉบับใหม่ชี้ว่า ขณะนี้ระดับหนี้สาธารณะและยอดขาดดุลงบประมาณในหลายประเทศทำสถิติสูงสุดในช่วงระหว่างการแพร่ระบาด ซึ่งก็มีผู้เชี่ยวชาญหลายคนมองว่า นี่คือวิธีที่ดีในการจัดหาเงินทุนเพื่อฟื้นฟูประเทศ สำหรับหนี้สาธารณะในสหรัฐฯ ทำสถิติสูงสุดแบบไม่เคยมีมาก่อนนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 แต่ประชาชนกลับไม่ได้ให้ความสนใจเรื่องนี้เลย โดยพบว่า ยอดหนี้ในสหรัฐฯ มีแต่เพิ่มขึ้นจนทะลุขนาดเศรษฐกิจของประเทศ เป็นผลจากการใช้มาตรการเพื่อรองรับผลกระทบโควิด-19 อย่างไรก็ตาม สหรัฐฯ ไม่ใช่ประเทศเดียวที่เป็นเช่นนี้ เพราะรัฐบาลทั่วโลกต่างกู้ยืมหนักไม่ต่างกันเพื่อรับมือการแพร่ระบาด สำหรับการแพร่ระบาดที่เกิดขึ้นปรับเปลี่ยนความคิดของคนจำนวนมากเกี่ยวกับขนาดของหนี้สาธารณะ หลายคนรับได้กับแนวคิดในเวลานี้ ด้วยเงื่อนไขที่ว่าเงินถูกนำไปใช้ในสิ่งที่ดี และอัตราดอกเบี้ยยังคงต่ำอยู่ ทั้งนี้ สหราชอาณาจักรเอง บันทึกยอดหนี้สูงเป็นประวัติการณ์ ส่วนบางประเทศ เช่นแอฟริกาใต้ ต้องออกมาหยุดการจ้างงานภาครัฐในส่วนที่จะเพิ่มความเสี่ยงด้านหนี้ นอกจากนี้คาดการณ์ว่า หนี้สาธารณะต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) จะอยู่ที่ระดับ 140% ในประเทศพัฒนาแล้ว และผู้เชี่ยวชาญหลายคนก็ยังคงแนะนำให้กู้ยืมต่อไป ความเสี่ยงจากการก่อหนี้ที่สูงขึ้นนี้ สร้างความหวาดกลัวให้เกิดขึ้นเกี่ยวกับความเป็นไปได้ในการล้มละลายที่จะตามมา และวิธีการที่ธนาคารกลางอัดฉีดการใช้จ่ายสาธารณะเข้าไป ก็เป็นการเตือนว่าย่อมมีผลกระทบต่อเงินเฟ้อมมาด้วย โดยรวมแล้วหนี้สาธารณะที่สูงเป็นประวัติการณ์คาดว่าจะสร้างความท้าทายทางการเงินตามมาในหลายส่วนของโลก ในประเทศกำลังพัฒนา อาจจะไม่สามารถใช้ทรัพยากรแบบเดียวกับประเทศที่ร่ำรวยกว่าได้ และคาดว่าพวกเขาอาจต้องเผชิญกับปัญหาการจ่ายหนี้หลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐได้ในไม่ช้า
ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 5 พ.ย. 2563 ปิดตลาดที่ 1,264.32 จุด เพิ่มขึ้น 41.88 จุด
ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 5 พ.ย. 2563 ปิดตลาดที่ 1,264.32 จุด เพิ่มขึ้น 41.88 จุด หรือ 3.43% โดยระหว่างวันดัชนีสูงสุดที่ 1,266.58 จุด ต่ำสุดที่ 1,232.72 จุด มูลค่าการซื้อขาย 80,914.90 ล้านบาท หลักทรัพย์ที่มีการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับได้แก่ 1.CPALL ปิดที่ 59.00 บาท เพิ่มขึ้น 3.75 บาท มูลค่าการซื้อขาย 5,343.41 ลบ. 2.KBANK ปิดที่ 78.50 บาท เพิ่มขึ้น 1.75 บาท มูลค่าการซื้อขาย 3,000.28 ลบ. 3.PTT ปิดที่ 34.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.50 […]
จีนตั้งเป้าหมายเป็นตลาดของโลก
ไชน่าเดลี รายงานว่า ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ของจีน ออกมาเผยว่า การนำเข้าของจีนในทศวรรษถัดไปคาดว่าจะสูงถึง 22 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ และเชื่อว่าตลาดที่กว้างใหญ่ของจีนเป็นตลาดที่มีแนวโน้มใหญ่ที่สุดในโลก ประธานาธิบดีจีน กล่าวผ่านวิดีโอทางไกลเพื่อเปิดงานมหกรรมนำเข้านานาชาติจีนครั้งที่ 3 ซึ่งจัดขึ้นที่เซี่ยงไฮ้ว่า ปีนี้ประเทศต่างๆ ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 อย่างหนัก ขณะที่เศรษฐกิจโลกก็ได้รับผลระทบมาก ซึ่งจีนแสดงความจริงใจในการแบ่งปันโอกาสทางตลาดให้กับโลก และพร้อมมีส่วนช่วยฟื้นเศรษฐกิจโลก โดยที่ผ่านมาจีนมีการออกมาตรการที่เปิดประเทศมากขึ้น เพื่อให้นานาชาติเข้าถึงตลาดนี้ โดยเฉพาะกลุ่มผู้มีรายได้ปานกลางเพียงกลุ่มเดียวที่มีเกินกว่า 400 ล้านคน สี ระบุว่า จีนจะนำเสนอรายการเชิงลบ (เนกาทีฟ ลิสต์) สำหรับบริการการค้าข้ามพรมแดนและจะเปิดกว้างพื้นที่เศรษฐกิจดิจิทัลและอินเทอร์เน็ตมากขึ้น นอกจากนี้ยังพร้อมเปิดเสรี อำนวยความสะดวกในการปฏิรูปและขับเคลื่อนนวัตกรรมการค้าและการลงทุน สนับสนุนการคิดค้นนวัตกรรมเพื่อนำเศรษฐกิจไปสู่มาตรฐานที่สูงขึ้น ทั้งนี้ จีนจะลดรายชื่อเทคโนโลยีที่ห้ามหรือจำกัดการนำเข้า เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวยต่อการไหลเวียนของเทคโนโลยีข้ามพรมแดน ขณะที่ ช่วงที่ผ่านมาจีนมีนโยบายเพื่อช่วยเหลือธุรกิจหลายประการหลังจากได้รับผลกระทบโควิด-19 โดยนำมาใช้กับบริษัทจดทะเบียนทุกแห่งอย่างเท่าเทียม และจีนยังคงมุ่งเน้นปรับปรุงสภาพแวดล้อมทางธุรกิจอยู่ นอกจากนี้จีนจะหาแนวทางที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นเพื่อเชื่อมโยงตลาดในประเทศและต่างประเทศ รวมถึงแบ่งปันปัจจัยการผลิตและทรัพยากร โดยเราตั้งเป้าหมายจะผลักดันตลาดจีนให้กลายเป็นตลาดสำหรับโลก ตลาดที่แบ่งปันสำหรับทุกคน ให้ทุกคนเข้าถึงได้ และเราพร้อมที่จะนำพลังงานบวกมาสู่ชุมชนโลก เศรษฐกิจจีนกำลังฟื้นตัวท่ามกลางผลกระทบโควิด-19 เห็นได้จากตัวเลขการเติบโตในเชิงบวกช่วง […]
อัตราเงินเฟ้อทั่วไป เดือน ต.ค.-20 -0.5%YoY (vs. prev.-0.70%YoY), เมื่อเทียบรายเดือน 0.05%MoM (vs. prev.-0.11%MoM) YTD: -0.94% (vs. prev.-0.99%)
BF Economic Research อัตราเงินเฟ้อทั่วไป เดือน ต.ค.-20 อยู่ที่ 102.23 vs. prev 102.18 หรือ -0.5%YoY (vs. prev.-0.70%YoY), เมื่อเทียบรายเดือน 0.05%MoM (vs. prev.-0.11%MoM) YTD: -0.94% (vs. prev.-0.99%) อัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน (ไม่รวมอาหารและน้ำมัน) อยู่ที่ 0.19%YoY (vs. prev.0.21%YoY) เมื่อเทียบรายเดือน -0.02%MoM (vs. prev.0.04%MoM) กระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า อัตราเงินเฟ้อยังหดตัว YoY แต่ปรับตัวดีขึ้นจากเดือน ก.ย.63 หนุนจากราคาสินค้าในกลุ่มอาหารสดปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจากความต้องการของตลาดทั้งภายในและต่างประเทศเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะเนื้อสัตว์ ประกอบกับ ผลผลิตพืชผักได้รับผลกระทบจากอุทกภัยในหลายพื้นที่ อีกทั้งราคาสินค้าในกลุ่มพลังงานแม้ยังต่ำกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนแต่ปรับตัวสูงขึ้นจากเดือนก่อนหน้า สำหรับราคาสินค้าในหมวดข้าว แป้งและผลิตภัณฑ์จากแป้ง ไข่และผลิตภัณฑ์นม หมวดเคหะสถาน หมวดการตรวจรักษาและบริการส่วนบุคคลปรับตัวลดลง […]
สิ้นสุดการรอคอย! ธนาคารกรุงเทพเปิดฟีเจอร์ใหม่ ‘ถอนเงินไม่ใช้บัตร’ พร้อมเดินหน้าพัฒนาบริการไม่หยุดยั้ง ตอบโจทย์ลูกค้า
ล่าสุด ธนาคารกรุงเทพ ได้พัฒนาฟีเจอร์ใหม่ๆ เพิ่มเติม เพื่อตอบโจทย์ประสบการณ์การใช้งานและเติมเต็ม Digital Experience ของลูกค้าให้สมบูรณ์มากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะฟีเจอร์ที่ทุกคนรอคอยมานานอย่างบริการ “ถอนเงินไม่ใช้บัตร” (Cardless Withdrawal) เพียงทำรายการถอนเงินผ่านโมบายแบงก์กิ้ง จากธนาคารกรุงเทพ และสแกนคิวอาร์โค้ดที่หน้าจอเครื่องเอทีเอ็ม เพื่อยืนยันรับเงินสดจากเครื่องบัวหลวงเอทีเอ็มได้ทันทีและปลอดภัย หลังเผยโฉมเวอร์ชั่นใหม่ของ Bangkok Bank Mobile Banking (โมบายแบงก์กิ้ง จากธนาคารกรุงเทพ) ที่มาพร้อมคอนเซ็ปต์ “โมบายแบงก์กิ้ง จากธนาคารกรุงเทพ ดีไซน์ใหม่ ใครๆ ก็ใช้เป็น” เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ทั้งดีไซน์ใหม่ทันสมัย และตอบโจทย์การใช้งานได้สะดวกมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะฟีเจอร์ คัดลอกและวางเลขที่บัญชีแทนการพิมพ์ตัวเลขเอง ซึ่งตรงใจดังที่ลูกค้าได้เรียกร้องมา ทั้งช่วยตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ในวิถีชีวิตยุค New Normal ได้ดียิ่งขึ้น นางปรัศนี อุยยามะพันธุ์ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า โมบายแบงก์กิ้ง จากธนาคารกรุงเทพ พร้อมแล้วสำหรับการให้บริการถอนเงินไม่ใช้บัตร ซึ่งถือเป็นฟีเจอร์ที่มีเสียงเรียกร้องจากลูกค้าผู้ใช้งานเข้ามาเป็นอย่างมาก […]
Fund Comment
Fund Comment ตุลาคม 2563 : มุมมองตลาดตราสารหนี้
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยในเดือน ต.ค. อยู่ในระดับคงที่จากสิ้นเดือนก่อน โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรโดยรวมปรับตัวไม่เกิน ±1 bps ยกเว้นพันธบัตรอายุ 15 ปี ที่มีการปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 4 bps ทั้งนี้ ในเดือนที่ผ่านมา ตลาดขาดปัจจัยใหม่ที่จะส่งผลต่ออัตราผลตอบแทนพันธบัตร ทั้งด้านทิศทางอัตราดอกเบี้ยที่มีแนวโน้มคงที่อีกสักระยะ ในขณะเดียวกัน นักลงทุนยังคงติดตามสถานการณ์ทางการเมืองที่เริ่มมีความตึงเครียดมากขึ้น รวมถึงมีการรอทิศทางผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดยหลังจากผ่านวันเลือกตั้งในวันที่ 3 พ.ย. ที่ผ่านมา อัตราผลตอบแทนมีความผันผวน โดยเริ่มต้นปรับเพิ่มขึ้นเมื่อนายโจ ไบเดนมีคะแนนนำ ก่อนที่จะปรับตัวลดลง หลังจากแนวโน้มที่พรรคเดโมแครตจะไม่สามารถชนะคะแนนในสภาคองเกรสได้แบบเบ็ดเสร็จ ทำให้ความกังวลเรื่อง Bond supply ในสหรัฐฯ ลดลง ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยอายุ 10 ปี ในวันที่ 5 พ.ย. ปิดที่ระดับ 1.39% สำหรับนักลงทุนต่างชาติมียอดขายสุทธิในตลาดตราสารหนี้ไทยเล็กน้อยที่ 454 ล้านบาท เป็นการซื้อสุทธิในตราสารหนี้ระยะยาว 1.9 พันล้านบาท ขณะที่ขายสุทธิในตราสารหนี้ระยะสั้น 2.3 พันล้านบาท […]