ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 15 ธ.ค. 2566 ปิดตลาดที่ 1,391.03 จุด เพิ่มขึ้น 12.09 จุด (+0.88%)
ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 15 ธ.ค. 2566 ปิดตลาดที่ 1,391.03 จุด เพิ่มขึ้น 12.09 จุด (+0.88%) ระหว่างวัน ดัชนีต่ำสุดที่ 1,382.13 จุด และสูงสุดที่ 1,398.65 จุด มูลค่าการซื้อขาย 61,137.63 ล้านบาท หลักทรัพย์ที่มีการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับ ได้แก่ CPALL ปิดที่ 54.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 (+1.89%) มูลค่าการซื้อขาย 3,327.45 ล้านบาท BDMS ปิดที่ 25.75 บาท มูลค่าการซื้อขาย 3,301.30 ล้านบาท AOT ปิดที่ 61.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.25 (+2.09%) มูลค่าการซื้อขาย 2,854.27 […]
ญี่ปุ่นปรับครม.ครั้งใหญ่ หลังคะแนนนิยมรัฐบาลดิ่งเป็นประวัติการณ์
คะแนนนิยมของคณะรัฐมนตรีนายกรัฐมนตรี ฟูมิโอะ คิชิดะ ของญี่ปุ่น ลดลงเหลือร้อยละ 17.1 ในเดือนธันวาคม ต่ำที่สุดนับตั้งแต่พรรคเสรีประชาธิปไตย หรือ แอลดีพี กลับมาบริหารประเทศอีกครั้งในเดือนธันวาคม 2012 หลังเหตุอื้อฉาวเรื่องการเงินและสินบนของคนในรัฐบาล จนต้องปรับคณะรัฐมนตรีครั้งใหญ่ ผลสำรวจความเห็นประชาชนที่จัดทำ โดยสำนักข่าวจิจิ เพรส ระหว่างวันศุกร์ถึงวันจันทร์ที่ผ่านมา และเผยแพร่ผลการสำรวจในวันนี้พบว่า คะแนนนิยมของรัฐบาลลดลงเหลือร้อยละ 17.1 ในเดือนธันวาคม ลดลง 4.2 จุดเมื่อเปรียบเทียบกับเมื่อเดือนพฤศจิกายน และยังเป็นครั้งแรกที่คะแนนนิยมลดลงไปต่ำกว่าร้อยละ 20 นับตั้งแต่เดือนกันยายน 2009 โดยในตอนนั้นรัฐบาลของนายกรัฐมนตรีทาโร อาโสะ ได้รับคะแนนสนับสนุนเพียงร้อยละ 13.4 สถานการณ์ที่เกิดขึ้นในขณะนี้ ส่งผลให้เมื่อวันที่ 14 ธ.ค. นายกรัฐมนตรี คิชิดะ ต้องขยับปรับคณะรัฐมนตรีเป็นรอบที่ 3 ภายในระยะเวลา 16 เดือน หลังจากเข้าดำรงตำแหน่งผู้นำญี่ปุ่น นายอิโรคาสุ มัตสึโนะ หัวหน้าเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ซึ่งทำหน้าที่โฆษกรัฐบาลประกาศลาออกจากตำแหน่ง หลังจากที่รัฐมนตรี […]
ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 14 ธ.ค. 2566 ปิดตลาดที่ 1,378.94 จุด เพิ่มขึ้น 20.97 จุด (+1.54%)
ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 14 ธ.ค. 2566 ปิดตลาดที่ 1,378.94 จุด เพิ่มขึ้น 20.97 จุด (+1.54%) ระหว่างวัน ดัชนีต่ำสุดที่ 1,366.73 จุด และสูงสุดที่ 1,380.88 จุด มูลค่าการซื้อขาย 40,897.67 ล้านบาท หลักทรัพย์ที่มีการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับ ได้แก่ CPALL ปิดที่ 53.00 บาท เพิ่มขึ้น 2.00 (+3.92%) มูลค่าการซื้อขาย 2,593,94 ล้านบาท PTT ปิดที่ 35.75 บาท มูลค่าการซื้อขาย 2,350.78 ล้านบาท DELTA ปิดที่ 85.75 บาท เพิ่มขึ้น 4.25 (+5.21%) มูลค่าการซื้อขาย 1,758.39 […]
COP28 บรรลุข้อตกลง ลดใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล
ผู้แทนจากเกือบ 200 ประเทศเห็นพ้องกับข้อตกลงในการประชุมสุดยอดสภาพภูมิอากาศ COP 28 เมื่อวันพุธที่นครดูไบ เรื่องเริ่มลดการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลทั่วโลกและให้ใช้พลังงานหมุนเวียนเพิ่มขึ้น เพื่อหลีกเลี่ยงการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่เลวร้ายที่สุด สำนักข่าวรอยเตอร์และเอเอฟพี รายงานว่า ผู้แทนจาก เกือบ 200 ประเทศเห็นพ้องในข้อตกลงการประชุมสมัชชาประเทศภาคีอนุสัญญาสหประ ชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศครั้งที่ 28 หรือ COP28 ที่นครดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เมื่อวันพุธที่ 13 ธันวาคม 2566 ข้อตกลงดังกล่าวเกิดขึ้น หลังจากการเจรจาที่ดำเนินมาเกือบ 2 สัปดาห์ โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อส่งสัญญาณอันทรงพลังไปยังนักลงทุนและผู้กำหนดนโยบายว่าโลกเป็นหนึ่งเดียวกันด้วยความปรารถนาที่จะลดการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล สุลต่านอัล จาเบอร์ ประ ธาน COP28 เรียกข้อตกลงนี้ว่าเป็นข้อตกลงประวัติศาสตร์ แต่เสริมว่าความสำเร็จที่แท้จริงของข้อตกลงนี้อยู่ที่การนำไปปฏิบัติ เขากล่าวกับที่ประชุมเมื่อวันพุธว่า เราเป็นสิ่งที่เราทำ ไม่ใช่สิ่งที่เราพูด เราต้องดำเนินการตามขั้นตอนที่จำเป็น เพื่อเปลี่ยนข้อตกลงนี้ให้เป็นการกระทำที่จับต้องได้ สุลต่านอัล จาเบอร์ กล่าวว่า โลกจำเป็นต้องค้นหาวิธีการใหม่และโดยการติดตามดาวเหนือของเรา เราก็พบเส้นทางใหม่ เขากล่าวอ้างถึงเป้าหมายในการแก้ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโดยไม่ให้อุณหภูมิของโลกร้อนขึ้นเกิน 1.5 องศาเซลเซียส ข้อตกลงในที่ประชุม […]
ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 13 ธ.ค. 2566 ปิดตลาดที่ 1,357.97 จุด ลดลง 15.95 จุด (-1.16%)
ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 13 ธ.ค. 2566 ปิดตลาดที่ 1,357.97 จุด ลดลง 15.95 จุด (-1.16%) ระหว่างวัน ดัชนีต่ำสุดที่ 1,354.73 จุด และสูงสุดที่ 1,370.39 จุด มูลค่าการซื้อขาย 37,984.99 ล้านบาท หลักทรัพย์ที่มีการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับ ได้แก่ CPALL ปิดที่ 51.00 บาท ลดลง 1.75 (-3.32%) มูลค่าการซื้อขาย 2,248.94 ล้านบาท PTT ปิดที่ 35.75 บาท มูลค่าการซื้อขาย 1,709.02 ล้านบาท BDMS ปิดที่ 25.75 บาท มูลค่าการซื้อขาย 1,494.66 ล้านบาท BBL ปิดที่ […]
กูรูคาด ปี 67 ‘นักลงทุนจีน’ เน้นปลอดภัย ‘หุ้นกลุ่มสุขภาพ-การแพทย์’ มาแรง
ผู้เชี่ยวชาญคาด ในปี 2567 นักลงทุนในตลาดหุ้นจีนจะเข้าซื้อหุ้นปลอดภัย (defensive sectors) หรือหุ้นที่สามารถต้านทานวัฎจักรทางเศรษฐกิจได้ดี หลังจากตลาดหุ้นจีนทำผลงานย่ำแย่ที่สุดในโลกถึง 3 ปีซ้อน สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานในวันนี้ (12 ธ.ค.) ว่า บรรดาผู้เชี่ยวชาญในแวดวงตลาดหุ้นประเมินว่า หุ้นบริษัทที่อยู่ในกลุ่มปลอดภัยและคาดว่าจะได้แรงซื้ออย่างคึกคักในปีหน้านั้น ได้แก่ หุ้นกลุ่มสุขภาพ กลุ่มนวัตกรรมทางการแพทย์ กลุ่มบริษัทส่งออกชิ้นส่วนสำคัญสำหรับการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า กลุ่มการผลิตที่ทันสมัย และหุ้นของบริษัทข้ามชาติ เช่น พีดีดี โฮลดิ้งส์ (PDD Holdings) รายงานระบุว่า การคาดการณ์ดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่า นักลงทุนยังคงมีมุมมองที่ดีต่อแนวโน้มตลาดหุ้นจีนในปีหน้า ขณะที่นักวิเคราะห์จากหลายสำนักซึ่งรวมถึงมอร์แกน สแตนลีย์ และโกลด์แมน แซคส์ ต่างก็คาดการณ์ว่าตลาดหุ้นจีนมีแนวโน้มที่จะทำผลงานได้ดีกว่าดัชนี S&P500 ของตลาดหุ้นสหรัฐ นายหวัง ชิง ประธานบริษัทเซี่ยงไฮ้ ฉงหยาง อินเวสต์เมนต์ แมเนจเมนต์ กล่าวว่า “หลังจากที่เศรษฐกิจจีนฟื้นตัวช้ากว่าที่คาดการณ์ไว้ เราก็ได้ลดการลงทุนในหุ้นที่มีความอ่อนไหวต่อวัฏจักรเศรษฐกิจมหภาค และขณะนี้เรากำลังหันไปซื้อหุ้นกลุ่มปลอดภัยที่ให้เงินปันผลสูง เช่น กลุ่มนวัตกรรมทางการแพทย์ซึ่งสามารถแข่งขันในตลาดโลกได้ และกลุ่มการผลิตที่ทันสมัยซึ่งได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลจีน” ดัชนี CSI300 ซึ่งเป็นดัชนีหุ้นบลูชิปในตลาดหุ้นจีน ร่วงลงไปแล้วกว่า 12% นับตั้งแต่ต้นปี 2566 สวนทางกับดัชนีหุ้นโลกที่ดีดตัวขึ้น 15% เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับวิกฤตการณ์ในตลาดอสังหาริมทรัพย์และเศรษฐกิจจีนที่ฟื้นตัวอย่างเชื่องช้าจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และตลาดมีความกังวลมากขึ้นหลังจากมูดี้ส์ได้ปรับลดแนวโน้มอันดับความน่าเชื่อถือของจีนลงสู่เชิงลบ จากมีเสถียรภาพ อย่างไรก็ดี […]
BBLAM เสนอขาย IPO ‘BP11/23 (AI)’ วันที่ 13-18 ธ.ค. นี้
BBLAM เสนอขาย IPO ‘กองทุนรวมบัวหลวงธนสารพลัส 11/23 ห้ามขายผู้ลงทุนรายย่อย’ หรือ BP11/23 (AI) ซึ่งเป็นเทอมฟันด์ อายุ 6 เดือน วันที่ 13-18 ธันวาคม 2566 นี้ ลงทุนขั้นต่ำ 500,000 บาท เป็นทางเลือกให้ผู้ลงทุนที่มองหาการลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศ เพื่อโอกาสรับผลตอบแทนที่เหมาะสม รายงานข่าวจาก บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม บัวหลวง จำกัด หรือ BBLAM เปิดเผยว่า BBLAM เสนอขายหน่วยลงทุนครั้งแรก (IPO) กองทุนรวมบัวหลวงธนสารพลัส 11/23 ห้ามขายผู้ลงทุนรายย่อย หรือ BP11/23 (AI) ระหว่างวันที่ 13-18 ธันวาคม 2566 ประมาณการผลตอบแทน 2.25% ต่อปี โดยเสนอขายในราคา 10 บาทต่อหน่วย และผู้ลงทุนจะต้องจองซื้อครั้งแรกขั้นต่ำ 500,000 […]
ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 12 ธ.ค. 2566 ปิดตลาดที่ 1,373.29 จุด ลดลง 7.07 จุด (-0.51%)
ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 12 ธ.ค. 2566 ปิดตลาดที่ 1,373.29 จุด ลดลง 7.07 จุด (-0.51%) ระหว่างวัน ดัชนีต่ำสุดที่ 1,370.04 จุด และสูงสุดที่ 1,383.41 จุด มูลค่าการซื้อขาย 35,314.05 ล้านบาท หลักทรัพย์ที่มีการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับ ได้แก่ PTTEP ปิดที่ 144.50 บาท เพิ่มขึ้น 2.50 (+1.76%) มูลค่าการซื้อขาย 1,600.46 ล้านบาท KBANK ปิดที่ 128.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 (+0.79%) มูลค่าการซื้อขาย 1,479.98 ล้านบาท DELTA ปิดที่ 83.00 บาท เพิ่มขึ้น 2.00 […]
ผู้ผลิตรถหันฟื้นตลาด ‘ไฮบริด’
ผู้ผลิตรถหันฟื้นตลาด ‘ไฮบริด’ ตอบโจทย์ลูกค้ายุคเปลี่ยนผ่านอีวี ในขณะที่ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้า (อีวี) ชะลอตัวลงมากกว่าที่คาดการณ์กันไว้ บรรดาผู้ผลิตรถยนต์ รายใหญ่จึงพากันปรับตัวมาพบกันครึ่งทางกับผู้บริโภคด้วยรถยนต์ “ไฮบริด” ซีเอ็นบีซี รายงานว่า บริษัทผู้ผลิตรถยนต์หลายรายกำลังหันมาฟื้นตลาด ไฮบริดอีกครั้ง ทั้งในกลุ่มรถเก๋งซีดานและรถบรรทุก ทั้งเพื่อตอบโจทย์ความต้องการผู้บริโภคและหลีกเลี่ยงมาตรการลงโทษของรัฐ ซึ่งกำลังเน้นเรื่องเศรษฐกิจสีเขียวที่ตอบโจทย์ เรื่องลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ปัจจุบันยอดขายรถไฮบริดคิดเป็นสัดส่วนราว 8.3% ของยอดขายรถยนต์ทั้งหมดในสหรัฐฯ หรือประมาณ 1.2 ล้านคัน ตั้งแต่เดือน ม.ค. – พ.ย. 2566 โดยคิดเป็นสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นประมาณ 2.8% เมื่อเทียบปีที่แล้ว แม้ว่าการฟื้นตลาดไฮบริดจะเป็น การขัดกับกลยุทธ์ที่บริษัทรถยนต์ต่างๆ ทุ่มลงทุนหลายพันล้านดอลลาร์ไปกับ อีวีมาตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมา เช่นเดียวกับที่รัฐบาลประเทศต่างๆ เดินหน้าเข็นมาตรการสนับสนุนรถยนต์อีวี และรถยนต์พลังงานใหม่ (เอ็นอีวี) กันออกมาอย่างเต็มที่ ทว่ารถไฮบริดที่เป็นการพบกันครึ่งทางระหว่างเครื่องยนต์สันดาปกับแบตเตอรี่อีวี ก็พอจะช่วยเรื่องลดการปล่อยก๊าซ เรือนกระจกหรือการใช้รถน้ำมันแบบ 100% ลงไปได้บ้าง ในช่วงการเปลี่ยนผ่าน ที่กระแสรถอีวีชะลอตัวลง จากรายงานของเอ็ดมันส์ ซึ่งเป็นบริษัทข้อมูลด้านวงการยานยนต์พบว่า ยอดขายรถยนต์ไฮบริดแบบดั้งเดิม […]
Fund Comment
Fund Comment ตุลาคม 2566: ภาพรวมตลาดหุ้น
ตลาดหุ้นโลกในเดือนตุลาคมส่วนใหญ่ปรับตัวลดลง โดยเฉลี่ยปรับตัวลดลงต่อจากเดือนที่ผ่านมา 3% ด้วยเหตุการณ์สำคัญอย่างปัญหาความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาส ที่เปิดฉากโจมตีกันขึ้นเมื่อวันที่ 7 ตุลาคมที่ผ่านมา และยังมีความไม่แน่นอนในแง่ของความยืดเยื้อและผลกระทบระยะยาวด้านความสัมพันธ์ของประเทศต่างๆ ในภูมิภาคตะวันออกกลาง โดย Bloomberg ได้ประเมินผลกระทบของสงครามและมีการคาดการณ์ว่า จากสถาณการณ์ปัจจุบันส่งผลกระทบต่อ Global GDP ในปี 2024 ที่ 0.1% และเงินเฟ้อที่สูงขึ้น 0.1% และถ้าหากสถาณการณ์มีการบานปลายไปยังระดับ Direct War อาจจะส่งผลกระทบต่อ Global GDP 2024 มากถึง 1% และเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้น 1.2% ก็เป็นได้ อย่างไรก็ตาม เราคาดว่า ความรุนแรงของสงครามไม่น่าจะยกระดับไปขนาดนั้น และน่าจะเป็นการสู้รบในพื้นที่จำกัดมากกว่า ซึ่งในระยะสั้นนั้น สินทรัพยเสี่ยงต่างๆทั่วโลกเกิดแรงเทขาย และเกิดความผันผวน อาทิ น้ำมันดิบ BRENT ปรับตัวสูงขึ้นราว 5% และทองคำ ซึ่งเป็นหนึ่งในสินทรัพย์ปลอดภัยกลับมีแรงซื้อที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้ราคาทองคำพุ่งสูงขึ้นแตะระดับ 2,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในช่วงปลายเดือนตุลาคมที่ผ่านมา […]