ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 7 ก.ค. 63 ปิดตลาด 1,373.22 จุด เพิ่มขึ้น 0.95 จุด

ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 7 ก.ค. 63 ปิดตลาด 1,373.22 จุด เพิ่มขึ้น 0.95 จุด

ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 7 ก.ค. 2563 ปิดตลาด 1,373.22 จุด เพิ่มขึ้น 0.95 จุด หรือ 0.07% โดยระหว่างวันสูงสุดที่ 1,391.77 จุด ต่ำสุดที่ 1,373.20 จุด มูลค่าการซื้อขาย 81,868.19 ล้านบาท หลักทรัพย์ที่มีการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับได้แก่ 1.STGT ปิดที่ 69.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.25 บาท (+1.85%) มูลค่าการซื้อขาย 8,162.22 ลบ. 2.PTT ปิดที่ 40.25 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท (+2.55%) มูลค่าการซื้อขาย 3,964.70 ลบ. 3.EA ปิดที่ 48.00 บาท […]

Fund Comment มิถุนายน 2563 : มุมมองตลาดตราสารหนี้

Fund Comment มิถุนายน 2563 : มุมมองตลาดตราสารหนี้

สรุป อัตราผลตอบแทนพันธบัตร จะมีความผันผวนมากขึ้น โดยเฉพาะจากปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจภายหลังจากได้รับผลกระทบจาก COVID-19  ตราสารหนี้ภาคเอกชน จะมีความเสี่ยงด้านเครดิตและสภาพคล่องเพิ่มขึ้น กองทุนจะมีการลงทุนในหุ้นกู้โดยคัดเลือกผู้ออกหุ้นกู้ที่ได้รับผลกระทบด้านกระแสเงินสดในระดับต่ำ และมีสภาพคล่องเพียงพอสำหรับภาระหนี้ที่จะครบกำหนดในระยะสั้น เพื่อลดความเสี่ยงด้านการระดมทุนเพื่อต่ออายุหุ้นกู้

ความต้องการชิปพุ่งช่วงเวิร์คฟรอมโฮมหนุนซัมซุงมีกำไรเพิ่ม 23% ในไตรมาสที่ 2

ความต้องการชิปพุ่งช่วงเวิร์คฟรอมโฮมหนุนซัมซุงมีกำไรเพิ่ม 23% ในไตรมาสที่ 2

สำนักข่าวรอยเตอร์ส รายงานว่า บริษัท ซัมซุง อิเล็คทรอนิกส์ ออกมาเผยผลประกอบการไตรมาส 2 ที่ผ่านมาว่า มีกำไรจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้น 23% สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์กัน เป็นผลจากยอดขายชิปสำหรับศูนย์ข้อมูลที่เพิ่มขึ้นรองรับระบบการทำงานจากที่บ้าน (เวิร์ค ฟรอม โฮม) ในช่วงที่ไวรัสโควิด-19 แพร่ระบาด ทั้งนี้ ยอดขายชิปที่ดีขึ้นช่วยชดเชยความต้องการซื้อสมาร์ทโฟนและโทรทัศน์ที่อ่อนแอได้ ขณะที่กำไรที่มาจากธุรกิจจอแสดงผลซึ่งมีบริษัท แอปเปิ้ล อิงค์ เป็นลูกค้า ก็เป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ทำให้มีกำไรเพิ่มขึ้น ซัมซุง ให้ข้อมูลว่า มีกำไรจากการดำเนินงานไตรมาส 2 อยู่ที่ 8.1 ล้านล้านวอน หรือ 6,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งมาไกลกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะมีกำไรจากการดำเนินงาน 6.4 ล้านล้านวอน และยังเป็นไตรมาสที่มีกำไรสูงสุดนับตั้งแต่ไตรมาส 4 ปี 2018 ด้วย อย่างไรก็ตาม รายได้รวม ลดลง 7% เหลือ 52 ล้านล้านวอน จากปีก่อนหน้า […]

หุ้นจีนกลับมาอยู่ในสปอตไลท์

หุ้นจีนกลับมาอยู่ในสปอตไลท์

โดย…ทนง ขันทอง ตลาดหุ้นจีนกลับมาบูมจนกลายเป็นที่สนใจของนักลงทุนทั่วโลก โดยทำแรลลี่ค่อนข้างแรงในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากนักลงทุนมั่นใจกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนและความสามารถในการบริหารจัดการโควิด-19 การฟื้นตัวของตลาดหุ้นจีนช่วยให้ตลาดหุ้นโลกทะยานกลับไปอยู่ระดับสูงในรอบ 1 เดือน ดูเหมือนว่า ทางการจีนจะกลับมาให้ความใส่ใจในตลาดหุ้นจีน เพราะว่าสื่อหลักของจีนกลับมารายงานเรื่องตลาดหุ้นอย่างคึกคัก เช่น Shanghai Securities News รายงานสัปดาห์ที่แล้วว่า ตลาดกระทิงกำลังกลับมาสู่ตลาดหุ้นจีน สำนักข่าวซินหัวเสนอข่าวในวันจันทร์ที่ผ่านมาว่า นักลงทุนกำลังวิ่งเข้าหาตลาดหุ้น ส่วน China Securities Journal ส่งสัญญานว่า ตลาดกระทิงของจีนมีความเข้มแข็ง และนักลงทุนจะได้ประโยชน์จากความมั่งคั่งที่เพิ่มขึ้นของราคาหุ้น ในวันจันทร์ที่ 6 กรกฎาคมที่ผ่านมา ดัชนี CSI 300ของหุ้นในตลาดเซี่ยงไฮ้และตลาดเซินเจิ้นพุ่งทะยาน 5.7% ด้วยมูลค่การซื้อขายที่หนาแน่นทำให้มาร์เก็ตแคปของหุ้นจีนเพิ่มขึ้น 460,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในวันเดียว หุ้นของแบงก์ และหุ้นโบรกเกอร์พุ่งเกือบแตะเพดาน 10% สำหรับวันอังคารที่ 7 กรกฎาคม ดัชนี CSI 300 Index ยังคงเดินหน้าปรับตัวสูงขึ้น 2.1% ในช่วงเช้า […]

ฮ่องกง-เซี่ยงไฮ้ IPO ครึ่งแรกปีนี้เพิ่มขึ้น สวนทางประเทศอื่นที่ซบเซาหลังโควิด-19ทำพิษ

ฮ่องกง-เซี่ยงไฮ้ IPO ครึ่งแรกปีนี้เพิ่มขึ้น สวนทางประเทศอื่นที่ซบเซาหลังโควิด-19ทำพิษ

“จีนมีจำนวน IPO ที่เพิ่มขึ้นถึง 29% และมูลค่าเสนอขายที่เพิ่มขึ้นถึง 72% จากปีก่อน โดยฮ่องกงและเซี่ยงไฮ้ถือเป็นผู้นำในแง่ของจำนวนและมูลค่าเงินที่เพิ่มขึ้น สวนทางประเทศอื่นที่ซบเซาหลังโควิด-19ทำพิษ” การเสนอขายหุ้นใหม่แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPOs) ในประเทศจีนเพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ เมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆที่ลดลง จากผลกระทบของการแพร่ระบาดของโคโรนาไวรัสหรือ โควิด-19 ตามข้อมูลจากบริษัทที่ปรึกษา EY ซึ่งเป็น 1 ใน Big 4 ระบุว่า ช่วงหกเดือนแรกจีนมีจำนวน IPO ที่เพิ่มขึ้นถึง 29% และมูลค่าเสนอขายที่เพิ่มขึ้นถึง 72% จากปีก่อน โดยฮ่องกงและเซี่ยงไฮ้ถือเป็นผู้นำในแง่ของจำนวนและมูลค่าเงินที่เพิ่มขึ้น ในทางตรงกันข้ามภูมิภาคอื่น ๆ ลดลงทั้งจำนวนเสนอขายหุ้นและเม็ดเงินอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว โดยสหรัฐบริษัทและรายได้ลดลง 30% ในขณะเดียวกันจำนวนบริษัทในยุโรปลดลง 47% และมีรายได้ลดลง 48% ผลกระทบของการแพร่ระบาดใหญ่ของโควิด-19 ยังคงมีบทบาทสำคัญในการลดการเสนอขายหุ้น IPO ในช่วงครึ่งแรกของปี 2020

หุ้นไทยวันที่ 3 ก.ค. 2563 ปิดตลาดที่ 1,372.27 จุด ลดลง 1.86 จุด

หุ้นไทยวันที่ 3 ก.ค. 2563 ปิดตลาดที่ 1,372.27 จุด ลดลง 1.86 จุด

ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 3 ก.ค. 2563 ปิดตลาดที่ 1,372.27 จุด ลดลง 1.86 จุด หรือ -0.14% โดยระหว่างวันสูงสุดที่ 1,380.08 จุด ต่ำสุดที่ 1,370.37 จุด มูลค่าการซื้อขาย 71,138.56 ล้านบาท หลักทรัพย์ที่มีการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับได้แก่ 1.STGT ปิดที่ 67.75 บาท เพิ่มขึ้น 7.25 บาท มูลค่าการซื้อขาย 11,478.25 ลบ. 2.STA ปิดที่ 30.75 บาท เพิ่มขึ้น 2.75 บาท มูลค่าการซื้อขาย 4,977.64 ลบ. 3.GULF ปิดที่ 38.75 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 […]

Fund Comment มิถุนายน 2563: ภาพรวมตลาดหุ้น

Fund Comment มิถุนายน 2563: ภาพรวมตลาดหุ้น

สรุป แนวโน้มการลงทุนในช่วงต่อจากนี้ อยู่ที่การฟื้นตัวทางปัจจัยพื้นฐานว่าจะฟื้นขึ้นเร็วมากน้อยกว่าที่ตลาดคาดหวังไว้อย่างไร ความเสี่ยง ได้แก่ การแพร่ระบาดระลอกสอง รวมถึงการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในเดือนพฤศจิกายน  ถ้ามีการเปลี่ยนขั้วทางการเมือง อาจจะทำให้มีการเปลี่ยนนโยบายของสหรัฐฯ  ส่วนปัจจัยบวกที่สนับสนุนคือสภาพคล่องในตลาดการเงิน กลยุทธ์การลงทุนในช่วงนี้เป็นแบบ Selective ควรเน้นหุ้นที่มีพื้นฐานแข็งแกร่ง และให้ความสำคัญกับธุรกิจที่เห็นสัญญาณของรายได้กลับมาในเวลาเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้

อัตราเงินเฟ้อทั่วไป เดือน มิ.ย. 20 อยู่ที่ -1.57%

อัตราเงินเฟ้อทั่วไป เดือน มิ.ย. 20 อยู่ที่ -1.57%

  • อัตราเงินเฟ้อทั่วไป เดือน มิ.ย. 20 อยู่ที่ 101.3  vs. prev 99.8 หรือ -1.57%YoY (vs. prev.-3.44%YoY) ,เมื่อเทียบรายเดือน 1.56% MoM (vs. prev.0.01% MoM) • YTD: -1.13% (vs. prev.-1.04%) โดยอัตราเงินเฟ้อติดลบน้อยลงจากระดับราคาพลังงานที่ปรับตัวดีขึ้น ประกอบกับที่รัฐบาลได้ออกมาตรการควบคุมราคาสินค้าและช่วยลดค่าสาธารณูปโภค • อัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน (ไม่รวมอาหารและน้ำมัน) อยู่ที่ -0.05%YoY (vs. prev.0.01%YoY)เมื่อเทียบรายเดือน -0.01%MoM (vs. prev.-0.30%MoM) • ราคาอาหาร (36% ของตะกร้าสินค้า) อยู่ที่  0.06%YoY (vs. prev.-0.01%YoY) ,เมื่อเทียบรายเดือน 0.20%MoM (vs. prev.0.02%MoM) […]

B-CHINE-EQ Product Special: เศรษฐกิจจีนปัจจุบันอยู่ ณ จุดเริ่มต้นของการฟื้นตัวหลังก้าวข้ามผ่านสถานการณ์ COVID-19

B-CHINE-EQ Product Special: เศรษฐกิจจีนปัจจุบันอยู่ ณ จุดเริ่มต้นของการฟื้นตัวหลังก้าวข้ามผ่านสถานการณ์ COVID-19

B-CHINE-EQ Product Special เศรษฐกิจจีนปัจจุบันอยู่ ณ จุดเริ่มต้นของการฟื้นตัวหลังก้าวข้ามผ่านสถานการณ์ COVID-19 และกำลังจะเร่งเศรษฐกิจด้วยการผลักดันการบริโภคภายในประเทศ คาดการณ์จะแซงหน้าสหรัฐฯในฐานะเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในโลกภายในปี 2030 หุ้นจีนเป็นตลาดที่มีความเฉพาะตัวเห็นได้จากมีจำนวนบริษัทเทคยูนิคอร์นมากที่สุดของโลก บริษัทเหล่านี้แน่นอนว่ามีศักยภาพในการก้าวเข้าถึงความต้องการของลูกค้าตอบโจทย์การบริโภคในประเทศที่จะเป็นแรงขับเคลื่อนใหม่ในการก้าวไปสู่เศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในโลก หุ้นจีนจะมีการจดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์หลายประเทศ ทั้งในประเทศจีน (เอแชร์) ประเทศฮ่องกง และประเทศสหรัฐฯ (US-listed) แต่ละตลาดจะมีคุณสมบัติที่แตกต่างกัน แทนที่นักลงทุนจะโฟกัสไปยังตลาดเดียว กลยุทธ์การลงทุนแบบ all-in จะช่วยให้แสวงหาโอกาสลงทุนทั้งหมดที่มีในจีนได้ ในอดีตนักลงทุนต่างชาติจะเข้ามาลงทุนหุ้นจีนผ่านเฉพาะบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดฮ่องกง ในเวลาเดียวกันบริษัทจีนเริ่มมีการจดทะเบียนในสหรัฐฯมากขึ้นเป็นการอำนวยความสะดวกให้นักลงทุนเข้าถึงหุ้นจีน การขยับขยายดังกล่าวได้นำมาสู่การเปิดตลาดเอแชร์ ซึ่งเป็นตลาดของหุ้นจีนที่จดทะเบียนในประเทศ ผ่านการลงทุนช่องทางสต็อคคอนเนคโปรแกรม บริษัทจีนที่จดทะเบียนในฮ่องกงส่วนใหญ่เป็นเศรษฐกิจแบบเก่าเช่น สถาบันการเงิน สื่อสาร สาธารณูปโภค (ยกเว้นเทคโนโลยี) ขณะเดียวกันบริษัทจีนที่จดทะเบียนอยู่ในสหรัฐฯจะเน้นไปทางธุรกิจประเภทสินค้าฟุ่มเฟือย สื่อสาร ขณะที่บริษัทที่จดทะเบียนในตลาดเอแชร์มีความคลอบคลุมที่หลากหลายกว่า เป็นเศรษฐกิจใหม่ เช่น ธุรกิจประเภทท่องเที่ยว บันเทิง อุปกรณ์สื่อสาร 5G เฮลธ์แคร์ อุตสาหกรรมออโตเมชั่น พลังงานทางเลือก ยานยนต์  ไบโอเทคโนโลยี ความขัดแย้งทางการค้าที่ตึงเครียดต่อเนื่องทำให้บริษัทจีนที่จดทะเบียนอยู่ในตลาดของสหรัฐฯหันกลับมาจดทะเบียนในตลาดฮ่องกงเพราะต้องการลดความไม่แน่นอนของตัวเอง ซึ่งส่งผลดีเพราะเกือบทั้งหมดเป็นธุรกิจที่มีคุณภาพสูงซึ่งจะได้รับประโยชน์จากโครงสร้างระยะยาวที่เปลี่ยนแปลงไปของเศรษฐกิจจีน ในอีกมุมหนึ่งการที่บริษัทเหล่านี้หันกลับมาจดทะเบียนในบ้านเกิดของตัวเอง […]

การจัดพอร์ตแบบ 60/40 ล้าสมัยไปแล้ว?

การจัดพอร์ตแบบ 60/40 ล้าสมัยไปแล้ว?

โดย…ทนง ขันทอง เจพี มอร์แกน และธนาคารวอลล์สตรีทอื่นๆ เริ่มที่จะยกเลิกแนะนำวิธีการจัดพอร์ตแบบ 60/40 แม้ว่าการจัดพอร์ตแบบนี้พิสูจน์แล้วว่า ประสบความสำเร็จในการเพิ่มมูลค่าพอร์ตการลงทุนในรอบหลายสิบปีที่ผ่านมา รายงานของ Market Watch เรื่อง ”JP Morgan joins the list of Wall Street banks calling for the demise of 60/40 portfolio, despite its success this year” ระบุว่า ตามธรรมเนียมที่ปฏิบัติกันมา ที่ปรึกษาการลงทุนจะแนะนำให้นักลงทุนจัดพอร์ตการลงทุนแบบคลาสสิค ด้วยการนำเงินออม 60% ลงทุนในหุ้น ที่เหลือ 40% ลงทุนในตราสารหนี้ หรือพันธบัตรรัฐบาล โดยหลักการนี้ทำให้เกิดความสมดุล และให้ผลตอบแทนที่ดี โดยเฉลี่ยแล้ว นักลงทุนที่จัดพอร์ตแบบ 60/40 จะได้ผลตอบแทนในอัตราเฉลี่ย […]