บิทคอยท์ฟิวเจอร์สไปยืนเหนือ 18,000 ดอลลาร์

บิทคอยท์ฟิวเจอร์สไปยืนเหนือ 18,000 ดอลลาร์

รายงานล่าสุดจากสมาคมจัดการกองทุนรวมของจีน ( Asset Management Association of China) ระบุว่าในรอบ 10 เดือนที่ผ่านมากองทุนส่วนบุคคล (Private Fund) ของจีนเติบโตขึ้นถึง 28 % เมื่อคิดเป็นจำนวนเงินจะอยู่ที่ 10.77 ล้านล้านหยวน หรือ 1.63 ล้านล้านดอลาร์ ความสนใจที่เพิ่มสูงกองทุนส่วนบุคคลมาจากจำนวนเศรษฐีจีนยุคใหม่ที่มีความมั่งคั่งสูงมาก โดยนักลงทุนในประเทศจีนที่มีสูงถึง 1.5 ล้านดอลลาร์ มีจำนวนถึง 1.6 ล้านราย จึงทำให้ความต้องการผู้เชี่ยวชาญและที่ปรึกษาด้านการลงทุน อย่างผู้จัดการกองทุนเพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วย เพราะจะยิ่งช่วยให้การลงทุนของพวกเขาคุ้มค่า และยังเป็นการบริหารจัดการเงิน แบบมืออาชีพอีกด้วย โดยจะเห็นได้จากรายงานตัวเลขกองทุนส่วนบุคคลในจีนที่มีถึง 21,000 แห่ง จากจำนวนนี้แบ่งเป็นเฮดจ์ฟันด์ (Hedge Fund) จำนวน 8,000 กอง

Eurostat ยืนยันยูโรโซนโต 0.6% QoQ sa ในไตรมาส 3/2017

Eurostat ยืนยันยูโรโซนโต 0.6% QoQ sa ในไตรมาส 3/2017

ประกาศรอบสุดท้ายจาก Eurostat ระบุว่า เศรษฐกิจยูโรโซน 19 ประเทศ เติบโต 0.6% QoQ sa ในไตรมาสที่ 3/2017 ช้าลงจากไตรมาสก่อนหน้าที่โตได้ถึง 0.7% QoQ sa เล็กน้อย แต่คงที่จากประมาณการครั้งก่อนหน้า และยังนับว่าเป็นการขยายตัวในระดับสูง โดยในรายงานรอบนี้มีการชี้แจงรายละเอียดของส่วนประกอบ GDP ออกมาด้วย มีใจความสำคัญดังนี้ การบริโภคภาคเอกชน โต 3% QoQ sa และนับว่ายังเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่สำคัญ แม้ว่าจะชะลอลงจากการเติบโตในหลายไตรมาสที่ผ่านมาก็ตาม โดยล่าสุดเดือน พ.ย. ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคขึ้นมาอยู่ที่ 0.1 ซึ่งนับว่าสูงที่สุดนับตั้งแต่ปี 2000 ขณะที่การว่างงานย่อลงอย่างต่อเนื่องเหลือ 8.8% แต่อัตราค่าจ้างที่ยังไม่ฟื้นตัวมากนัก อาจเป็นปัจจัยที่รั้งการบริโภคครัวเรือนไว้อยู่ การลงทุน โตค่อนข้างดีที่1% QoQ sa ภายใต้การดำเนินนโยบายการเงินที่ยังผ่อนคลายของธนาคารกลางยุโรป (ECB) และความเชื่อมั่นผู้ประกอบการที่อยู่ในระดับสูง หลังจากความไม่แน่นอนทางการเมืองหลายเหตุการณ์ผ่านพ้นไป นอกจากนั้น ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ […]

กองทุนส่วนบุคคลจีนโต 28% คนรวยรุ่นใหม่หันพึ่งผู้จัดการกองทุนวางแผนการเงิน

กองทุนส่วนบุคคลจีนโต 28% คนรวยรุ่นใหม่หันพึ่งผู้จัดการกองทุนวางแผนการเงิน

รายงานล่าสุดจากสมาคมจัดการกองทุนรวมของจีน ( Asset Management Association of China) ระบุว่าในรอบ 10 เดือนที่ผ่านมากองทุนส่วนบุคคล (Private Fund) ของจีนเติบโตขึ้นถึง 28 % เมื่อคิดเป็นจำนวนเงินจะอยู่ที่ 10.77 ล้านล้านหยวน หรือ 1.63 ล้านล้านดอลาร์ ความสนใจที่เพิ่มสูงกองทุนส่วนบุคคลมาจากจำนวนเศรษฐีจีนยุคใหม่ที่มีความมั่งคั่งสูงมาก โดยนักลงทุนในประเทศจีนที่มีสูงถึง 1.5 ล้านดอลลาร์ มีจำนวนถึง 1.6 ล้านราย จึงทำให้ความต้องการผู้เชี่ยวชาญและที่ปรึกษาด้านการลงทุน อย่างผู้จัดการกองทุนเพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วย เพราะจะยิ่งช่วยให้การลงทุนของพวกเขาคุ้มค่า และยังเป็นการบริหารจัดการเงิน แบบมืออาชีพอีกด้วย โดยจะเห็นได้จากรายงานตัวเลขกองทุนส่วนบุคคลในจีนที่มีถึง 21,000 แห่ง จากจำนวนนี้แบ่งเป็นเฮดจ์ฟันด์ (Hedge Fund) จำนวน 8,000 กอง

กองทุนเปิดบัวหลวงตราสารหนี้ (BFIXED) เดือนพฤศจิกายน 2560

กองทุนเปิดบัวหลวงตราสารหนี้ (BFIXED) เดือนพฤศจิกายน 2560

ภาพรวมตราสารหนี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยในเดือนตุลาคมปรับตัวเพิ่มขึ้น  0.02% – 0.09%  โดยมีปัจจัยหลักมาจาก 1) การขายสุทธิของนักลงทุนต่างชาติประมาณ 17,650 ล้านบาท ถือเป็นการขายสุทธิเป็นเดือนแรกในรอบปี โดยส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากเงินลงทุนของนักลงทุนต่างชาติที่ไหลกลับเข้าสู่ตลาดตราสารหนี้เกาหลีใต้อีกครั้งหลังสถานการณ์ความตึงเครียดในคาบสมุทรเกาหลีคลี่คลายลง 2) ตลาดกังวลต่อการที่นาย John Taylor มีโอกาสได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งประธานธนาคารกลางสหรัฐฯคนใหม่ ซึ่งจะทำให้การดำเนินนโยบายการเงินของ FED เปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่เข้มงวดมากขึ้น      อย่างไรก็ตาม ในท้ายที่สุด ประธานาธิบดี Trump ได้เสนอชื่อนาย Jerome Powell ให้ดำรงตำแหน่งประธานธนาคารกลางสหรัฐฯแทน โดยนาย Jerome Powell มีแนวคิดในการดำเนินนโยบายการเงินตามแนวทางเดิมด้วยการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างช้าๆ ตามภาวะเศรษฐกิจสหรัฐฯ ทำให้ตลาดตอบสนองในเชิงบวกต่อปัจจัยดังกล่าว ขณะที่การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินของสหรัฐฯในวันที่ 31 ต.ค. – 1 พ.ย. มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 1.00%-1.25% ตามเดิมและไม่มีการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ โดยคณะกรรมการฯหลายท่านยังเชื่อมั่นว่า จะสามารถขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีก 1 ครั้งในการประชุมครั้งสุดท้ายของปีในวันที่ 12-13 ธันวาคม 2017 […]

เงินเท่าไรถึงจะพอใช้ไปชั่วชีวิต

เงินเท่าไรถึงจะพอใช้ไปชั่วชีวิต

คนทุกคนย่อมมีช่วงเวลาที่ย้อนกลับไปคราวใดก็อดไม่ได้ที่จะเกิดรอยยิ้มมุมปากทุกครั้ง และเช่นเดียวกันก็ยังมีตะกอนของความคิดที่ว่าเราเองยังมีบางสิ่งที่อยากทำแล้วไม่ได้ทำในวัยหนุ่มสาว เพราะเราเพียรแต่จะสร้างฐานะความมั่นคงให้กับชีวิต โดยยอมเก็บสิ่งที่ตนเองอยากทำไว้ในลิ้นชักก่อน แต่ยิ่งเราหาเงินได้มากเท่าไร ทำไมกลับไม่รู้สึกพอเสียที  เรากลัวว่าจะมีเงินไม่พอใช้ไปได้ตลอด กลัวว่าลูกหลานจะลำบาก จนลืมเปิดลิ้นชักที่ปิดไว้ ถึงตอนนี้ถ้าเรามีความมั่นใจว่าจะมีเงินพอใช้ไปชั่วชีวิต เราก็ไม่จำเป็นที่จะต้องเก็บสิ่งที่อยากทำไว้ในลิ้นชักต่อไป ยิ่งไปกว่านั้นบางทีเราอาจจะได้เปิดลิ้นชักตรวจดูสิ่งที่หล่นหายไปในระหว่างทางของชีวิต แล้วหยิบขึ้นมาทำ รอยยิ้มที่เกิดขึ้น  จะไม่เป็นรอยยิ้มที่คิดถึงแต่ในอดีตอย่างเดียว จะเป็นรอยยิ้มที่เราใช้ชีวิตในปัจจุบันด้วย  เอาละ เรามาเริ่มคิดพร้อมกันว่าจะทำอย่างไรให้มั่นใจว่าจะมีเงินพอใช้เช่นว่านั้น ด้วยเหตุผลง่ายๆ ที่ว่า ณ จุดใดจุดหนึ่งของชีวิตที่เราสามารถมีรายได้จำนวนหนึ่งซึ่งมากพอที่จะเป็นค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน เก็บเผื่อเป็นค่าใช้จ่ายฉุกเฉินบ้าง และยังมีเหลือพอที่จะใช้ชีวิตตามความฝันอันพอสมควรของเรา เราก็จะสามารถใช้ชีวิตตามความคิดตามใจที่อยากเป็นได้ หากเราอยากจะเล่นดนตรี เรียนศิลปะ ทำอาหาร ไปเที่ยวต่างประเทศ ก็สามารถทำได้  ชีวิตก็จะไม่ยึดติดกับการถูกบังคับด้วยกรอบของรายได้ เพราะรายได้ที่กำหนดจำนวนไว้นั้นจะมากจะน้อยก็ขึ้นอยู่กับค่าใช้จ่ายและฝันของแต่ท่านว่าจะมากและใหญ่ขนาดไหน  เมื่อเรารู้ว่าจะต้องมีรายได้จำนวนเท่าไรแล้ว เราก็ต้องวางแผนเพื่อให้มีรายได้ดังกล่าว ณ ปัจจุบัน เรามีรายได้ มีค่าใช้จ่าย ที่เหลือคือเงินเก็บ หากเรามีเงินเก็บแล้วเงินเก็บนี้สามารถนำไปหาผลประโยชน์สร้างผลตอบแทนได้เท่าจำนวนที่เราต้องการ ทุกอย่างก็จะเป็นไปตามแผนการที่วางไว้ แต่ปัญหาก็คือ ทุกวันนี้ในสถานการณ์จริง มันมีเงินเก็บบ้าง ไม่มีเงินเก็บบ้าง บางทีไม่พอใช้ด้วย แล้วจะทำอย่างไร อย่าเพิ่งท้อ เพราะลูกท้อเขามีไว้ให้ลิงถือเท่านั้น ผมอยากให้สำรวจแบบนี้ครับ […]

โกลด์แมน แซคส์ ทำนายราคาน้ำมันปีหน้าที่ 62 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

โกลด์แมน แซคส์ ทำนายราคาน้ำมันปีหน้าที่ 62 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

รายงานล่าสุดของโกลด์แมน แซคส์ คาดการณ์ว่าราคาน้ำมันดิบเบรนท์ ( BRENT) ในปี 2018 จะแตะที่ระดับ 62 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ขณะที่ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส WTI จะอยู่ที่ 57.50 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล โดยปัจจัยหลักมาจากความร่วมมือกันระหว่างกลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมันที่ยังคงจำกัดกำลังการผลิตอย่างโอเปก 4 ประเทศ รวมถึงรัสเซีย และประเทศผู้ผลิตอื่นๆอีก 9 ประเทศ ซึ่งจะช่วยรักษาเสถียรภาพของราคาน้ำมันดิบไว้ได้ อย่างไรก็ตามยังมีบางประเทศในกลุ่มสมาชิกที่ออกมาประกาศว่าหากตลาดเดือดร้อนเกินไป ก็อาจจะตัดสินใจไม่ทำตามข้อตกลงได้ ด้านกลุ่มผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ของสหรัฐฯ อย่าง Shell oil อยากจะเห็นราคาน้ำมันปรับเพิ่มสูงขึ้น ขณะที่ราคาน้ำมันในปัจจุบันถือว่าเริ่มมีสถานการณ์ดีขึ้นโดยราคาฟื้นตัวกลับมาแตะที่ระดับ 62 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ได้ ในอดีตราคาน้ำมันดิบเคยขึ้นไปแตะราวๆ 120 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลมาแล้ว เมื่อช่วงกลางปี 2014 ก่อนที่ราคาจะร่วงลงต่อเนื่อง ส่วนค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้น ประกอบกับผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ อย่าง Shell oil ได้เพิ่มกำลังการผลิตมากขึ้นส่งผลกระทบต่อราคาน้ำมันเช่นกัน

ธนาคารกลางจีนรับอัดฉีดเงินเข้าตลาด 7.19 หมื่นล้านดอลลาร์

ธนาคารกลางจีนรับอัดฉีดเงินเข้าตลาด 7.19 หมื่นล้านดอลลาร์

ธนาคารกลางจีน (PBOC) เปิดเผยว่าในเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมาได้อัดฉีดเงินเม็ดเงินมูลค่า 4.7498 แสนล้านหยวน หรือ 7.19 หมื่นล้านดอลลาร์เข้าสู่ตลาดผ่านเครื่องมือทางการเงินต่างๆ เพื่อรักษาสภาพคล่องในระบบให้เพียงพอ ทั้งนี้ ธนาคารกลางจีนได้อัดฉีดเงิน 4.04 แสนล้านหยวนเข้าสู่ตลาดผ่านโครงการเงินกู้ระยะกลาง (MLF) เพื่อรักษาสภาพคล่องระหว่างธนาคารให้มีเสถียรภาพ โดยโครงการเงินกู้ประเภทดังกล่าว มีระยะเวลาในการไถ่ถอน 1 ปี ด้วยอัตราดอกเบี้ย 3.2% ขณะเดียวกันธนาคารกลางจีนยังอนุมัติเงินมูลค่า 2.418 หมื่นล้านหยวนให้กับสถาบันการเงิน ผ่านโครงการเงินกู้ระยะสั้น (SLF) ในเดือนที่ผ่านมาด้วยเพื่อรองรับความต้องการสภาพคล่อง นอกจากนี้ ธนาคารกลางจีนยังได้อัดฉีดเงิน 4.68 หมื่นล้านหยวนให้กับธนาคารเพื่อการพัฒนาจีน, ธนาคารเพื่อพัฒนาการเกษตรของจีน และธนาคารเพื่อการนำเข้าและส่งออกของจีน ผ่านโครงการจัดสรรเงินกู้เพิ่มเติม (PSL) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่าการดำเนินการผ่านตลาดการเงิน (open market operations) ทำให้ธนาคารกลางจีน ถูกจับตามองอย่างใกล้ชิด หลังธนาคารกลางจีนได้กำหนดนโยบายการเงินปี 2017 ภายใต้กรอบที่ “รอบคอบและเป็นกลาง” เพื่อรักษาระดับสภาพคล่องให้เหมาะสม และหลีกเลี่ยงการอัดฉีดมากจนเกินไป

กองทุน  Nordea Emerging Stars ชี้ โอกาสดีเก็บหุ้นถูกในตลาดจีน

กองทุน Nordea Emerging Stars ชี้ โอกาสดีเก็บหุ้นถูกในตลาดจีน

กองทุน  Nordea Emerging Stars ซึ่งเป็นกองทุนของสแกนดิเนเวีย มีมุมมองที่ดีต่อจีน  โดยระบุว่าข่าวร้ายที่มีผลต่อตลาดหุ้นจีน และเศรษฐกิจจีน เกินความจริง แต่ก็ถือเป็นโอกาสดีให้ผู้จัดการกองทุนเข้ามาซื้อหุ้นราคาถูกของจีนได้ โดย Nordea Emerging Stars ซึ่งเป็นกองทุนที่ลงทุนในตลาดเกิดใหม่มีผลประกอบการที่ดีมาโดยตลอด พร้อมให้ผลตอบแทนเฉลี่ย เกิน 11 % ในแต่ละปี ตลอดระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา จากการเลือกลงทุนหลักๆในตลาด จีน และ อินเดีย ทั้งนี้กองทุนดังกล่าว เข้าไปลงทุนใน จีน โดยเน้นธุรกิจภาคบริการ รวมถึงภาคบริโภค พบถือหุ้น ของ  Tencent Holdings และ Alibaba Group Holding  นอกจากนี้ยังถือหุ้น  Samsung Electronic  ของเกาหลีอีกด้วย ส่วนตลาดอินเดียกองทุนดังกล่าวได้เข้าไปลงทุนในกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ รวมทั้งธุรกิจบริการด้านการเงิน ซึ่งนับเป็นกลุ่มธุรกิจที่กำลังเติบจากการบริโภคภายในประเทศ

ใช้”เงินสด” ซื้อสินค้า หายไปเร็วกว่าที่คิด

ใช้”เงินสด” ซื้อสินค้า หายไปเร็วกว่าที่คิด

Evan Sohn ผู้ก่อตั้ง Sohn Conference Foundation กล่าวว่า การชำระเงินโดยเงินสดกำลังลดลงอย่างรวดเร็ว ในขณะที่การชำระเงินโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ และเงินดิจิตัลได้เข้ามาแทน เขาตั้งคำถามว่า เราอยู่ไกลจากภัตตาคารที่ต้องการรับเงินผ่านการจ่ายแบบออนไลน์ ถ้าเราไปทานอาหารที่ร้าน เราจำต้องดาวโหลดแอ็ป และจ่ายเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์ ไม่มีเงินสดอีกต่อไป ไม่ต้องใช้เช็ค นายชอนบอกว่า เราไม่ได้อยู่ห่างจากเรื่องเช่นนี้เลย แม้ว่าการจ่ายเงินส่วนมากยังคงเป็นเงินสดอยู่ แต่การยกเลิกเงินสดกำลังเกิดขึ้น ในรายงานของ 2017 World Payments Report ระบุว่า การจ่ายเงินโดยไม่ใช้เงินสดเพิ่มขึ้น 11.2% เป็น 433,100 ล้านดอลลาร์ระหว่างปี 2014 ถึงปี 2015 ซึ่งเป็นอัตราโตที่สูงสุดในรอบ 10 ปี รายงานนี้ชี้ให้เห็นเพิ่มเติมว่าการโอนเงินผ่านบัตรเดบิต และเครดิตเป็นเครื่องมือการชำระเงินทางทางดิจิตัลที่นำหน้าวิธีการอื่น และการชำระเงินเป็นเช็คมีการลดลง นายชอนบอกว่า เขายังไม่แน่ใจว่าตัวหลักอะไรที่จะมาแทนเงินสด ไม่ว่าจะเป็นบิทคอยน์ อเมริกัน เอ็กซ์เพรส มาสเตอร์คอร์ด หรืออะไรอื่น แต่ที่เขามั่นใจคือเรากำลังก้าวเข้าสู่การชำระเงินโดยไม่มีเงินสดมาเกี่ยวข้อง

วีซ่าประเทศไทย ระบุ กรุงเทพฯ ติด 1 ใน 6 มหานครของโลกที่ใช้จ่ายผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ทุกรูปแบบ

วีซ่าประเทศไทย ระบุ กรุงเทพฯ ติด 1 ใน 6 มหานครของโลกที่ใช้จ่ายผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ทุกรูปแบบ

ผลวิจัยจากวีซ่าประเทศไทยประเมินผลลัพธ์ทางเศรษฐกิจ จากการเพิ่มการใช้จ่ายผ่านระบบดิจิตอลในหัวเมืองหลักทั่วโลกว่า กรุงเทพฯ ถือเป็น 1 ใน 6 มหานคร ที่กำลังเปลี่ยนแปลงเข้าสู่ระบบดิจิตอลอย่างเต็มรูปแบบ และหากยังคงใช้จ่ายทางอิเล็กทรอนิกส์ในรูปแบบต่าง ๆ อย่างแพร่หลาย จะทำให้การเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศมีมูลค่าเพิ่มขึ้นถึงประมาณ 126,000 ล้านบาท แบ่งเป็นกลุ่มได้รับผลประโยชน์สุทธิ ผู้บริโภค 3,000 ล้านบาท ภาคธุรกิจ 73,000 ล้านบาท และภาครัฐบาล 50,000 ล้านบาท นายสุริพงษ์ ตันติยานนท์ ผู้จัดการวีซ่า ประจำประเทศไทย เปิดเผยว่าการใช้จ่ายผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ส่งผลดีต่อระบบเศรษฐกิจ ทั้งช่วยประหยัดเวลาในการทำธุรกรรมการเงิน ทั้งขั้นตอนการซื้อขายแบบค้าปลีก และช่วยลดต้นทุนการขนส่งอีกด้วย ขณะที่รายได้จากการขายที่เพิ่มขึ้นจากฐานลูกค้าที่ขยายทั้งแบบออนไลน์และในร้าน รายได้ภาษีที่เพิ่มขึ้นและการเติบโตทางเศรษฐกิจ การประหยัดค่าใช้จ่ายในการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ ที่สำคัยยังช่วยลดจำนวนอาชญากรรมที่เกี่ยวข้องกับเงินสด “ปัจจุบันเทคโนโลยีตัวเลือกใหม่ ๆ เกิดขึ้นมากมาย ผลักดันให้การชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์แพร่หลายมากขึ้น โดยเฉพาะกรุงเทพฯ ในอนาคตจะเห็นรูปแบบการชำระเงินคิวอาร์โค้ด มาตรฐานในร้านค้าต่าง ๆ ที่ไม่ใช่แค่การโอนเงินระหว่างบัญชี แต่สามารถผูกบัตรเครดิตและเดบิตเป็นแหล่งเงินอีกด้วย หรือการซื้อขายออนไลน์ที่มีมากขึ้นทุกวัน ทำให้ผู้บริโภคและภาคธุรกิจมีตัวเลือกที่หลากหลายในการชำระเงิน และรองรับการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจดิจิตอลอีกด้วย” […]