ยูทูบเตรียมชิงตำแหน่งเว็บยอดนิยมอันดับ 2 แทนที่เฟซบุ๊ก
ซีเอ็นบีซี รายงานว่า บริษัทวิจัยตลาด SimilarWeb ได้ทำการศึกษาใหม่ โดยระบุว่า เฟซบุ๊กอาจจะถูกยูทูบชิงตำแหน่งรองอันดับ 1 เว็บไซต์ยอดนิยมที่สุดในอีก 2-3 เดือนข้างหน้า ทั้งนี้ จากงานวิจัยพบว่า 5 เว็บไซต์ที่มียอดคนเข้าใช้งานมากที่สุดในสหรัฐในช่วงหลายปีที่ผ่านมา คือ กูเกิล เฟซบุ๊ก ยูทูบ ยาฮู และอเมซอน อย่างไรก็ตาม เฟซบุ๊กมียอดผู้เข้าเยี่ยมชมต่อเดือนลดลงอย่างต่อเนื่องในหลายเดือนที่ผ่านมา จาก 8,500 ล้านครั้ง เมื่อ 2 ปีก่อน เหลือเพียง 4,700 ล้านครั้ง แม้ว่ายอดการใช้งานแอพพลิเคชั่นเฟซบุ๊กยังเติบโตแต่นั่นก็ไม่เพียงพอกับส่วนที่สูญเสียไป เดือนที่ผ่านมาเฟซบุ๊กเป็นตัวที่ทำให้ตลาดโดยรวมลง โดยจำนวนผู้ใช้งานรายวันทางอเมริกาเหนือยังคงที่ในไตรมาส 2 ส่วนในยุโรปลดลง อย่างไรก็ตามเฟซบุ๊กนั้นไม่ได้มีเพียงแพลตฟอร์มเดียวเท่านั้น แต่ในพอร์ตโฟลิโอ ยังมีผลิตภัณฑ์แพลตฟอร์มอื่นที่เป็นของเฟซบุ๊กด้วย เช่น วอทแอป อินสตาแกรม ทางด้าน ยูทูบ ซึ่งเป็นของอัลฟาเบท บริษัทแม่ของกูเกิล มียอดคนเข้าใช้งานเพิ่มขึ้น ส่วนยาฮู มีโอกาสที่จะสูญเสียตำแหน่งตัวเองไป […]
มาเลเซียส่อแววกำลังผลิตน้ำมันปาล์มเพิ่ม ส่วนทางราคาที่ปรับตัวลง
สถาบันวิจัย Affin Hwang Capital คาดการณ์ว่า มาเลเซียซึ่งเป็นประเทศผู้ผลิตน้ำมันปาล์มดิบมากที่สุดเป็นอันดับ 2 ของโลก จะมีกำลังการผลิตน้ำมันปาล์มดิบเพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ กระทบราคาน้ำมันปาล์มดิบให้ปรับตัวลง ทั้งนี้ นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า กำลังการผลิตน้ำมันปาล์มในปีนี้จะปรับตัวขึ้น 1-2% เทียบรายปี จากระดับ 19.92 ล้านเมตริกตันในปี 2017 ซึ่งต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ก่อนหน้านี้ที่ระดับ 4-5% ในช่วงครึ่งปีแรก กำลังการผลิตน้ำมันปาล์มของมาเลเซียปรับตัวขึ้น 2.3% เทียบรายปี แตะที่ 8.92 เมตริกตัน ขณะที่ยอดส่งออกน้ำมันปาล์มปรับตัวขึ้น 5.1% เทียบรายปี แตะที่ 8.23 ล้านเมตริกตัน นอกเหนือจากยอดส่งออกไปยังอินเดีย สหภาพยุโรป จีน ปากีสถาน และตุรกีที่เพิ่มขึ้นแล้ว ยอดส่งออกของมาเลเซียยังได้รับแรงหนุนจากการระงับภาษีส่งออกน้ำมันปาล์มจากรัฐบาลมาเลเซียในช่วง 4 เดือนแรกของปีนี้ ซึ่งช่วยหนุนอุปสงค์ให้ปรับตัวสูงขึ้น ทั้งนี้สถาบันวิจัยยังปรับลดประมาณการณ์ราคาน้ำมันปาล์มในช่วงปี 2018-2020 ลงสู่ระดับ 2,350 – 2,500 ริงกิตต่อเมตริกตัน […]
BF Knowledge Center Personal Finance
กองทุนรวมดีอย่างไรทำไมน่าลงทุน
กองทุนรวมดีอย่างไรทำไมน่าลงทุน โดย…เสกสรร โตวิวัฒน์ CFP® ผู้เชี่ยวชาญด้านการวางแผนทางการเงิน BF Knowledge Center ปัจจุบันกองทุนรวมในประเทศไทยได้รับความนิยมอย่างมาก มีขนาดทรัพย์สินกว่า 5 ล้านล้านบาท และเชื่อว่าจะยังคงเติบโตได้ต่อเนื่อง เพราะกองทุนรวมสามารถตอบโจทย์ความต้องการโอกาสรับผลตอบแทนที่ดีกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่ได้จากธนาคาร ซึ่งอัตราดอกเบี้ยปัจจุบันอยู่ในระดับที่ต่ำมาก จึงทำให้การฝากเงินเพื่อหวังดอกผลลดลงเรื่อยๆ ดังนั้น เราจึงเริ่มเห็นเงินฝากย้ายมากองทุนรวมเพิ่มมากขึ้น โดยกองทุนรวมนับเป็นอีกทางเลือกนึง ที่ให้ผลตอบแทนที่กี โดยกองทุนรวมมีแนวโน้มเติบโตขึ้นเรื่อยๆ และเชื่อว่าจะยังเติบโตต่อไปได้อีก อยากให้คิดภาพตามแบบนี้ว่ากองทุนรวม ไม่ใช่การฝากเงิน แต่เป็นการลงทุน ที่ผู้ลงทุนไม่ต้องทำเอง ไม่ต้องซื้อหุ้นเอง หรือซื้อพันธบัตรเอง แต่ให้ผู้เชี่ยญชาญอย่างผู้จัดการกองทุนทำให้ ที่สำคัญไม่ต้องใช้เงินมากมายในการลงทุนอย่างที่ใครหลายๆคนคิด เพียงแค่หลักร้อยหลักพันก็เริ่มต้นลงทุนได้แล้ว ถ้าถามถึงผลตอบแทนในการลงทุนจะดีกว่าเงินฝากมากขนาดไหน ก็ต้องขึ้นอยู่กับประเภทของกองทุนนั้น โดยกองทุนรวมเป็นเหมือนตัวกลางพาคนไปลงทุนในช่องทางต่างๆ ซึ่งผลตอบแทน ความเสี่ยงก็จะขึ้นกับสิ่งที่ไปลงทุน เช่น ลงทุนกองทุนหุ้น ก็เหมือนให้ผู้จัดการกองทุนเลือกหุ้นให้ หุ้นขึ้นเยอะ เลือกหุ้นได้ดี ซื้อขายถูกจังหวะ ก็จะได้ผลตอบแทนดี แต่ หุ้นมีขึ้นมีลง มีโอกาสกำไรก็ได้ ขาดทุนก็ได้ ขณะที่กองทุนตราสารหนี้ ก็จะไม่ลงทุนในหุ้นเลย จะลงทุนในเงินฝากธนาคาร […]
ธนาคารกลางฟิลิปปินส์ (BSP) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 50 basis points เป็น 4.0%
BF Economic Research ธนาคารกลางฟิลิปปินส์ (BSP) ประกาศขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย (Overnight RRP) 50 basis points จาก 3.5% เป็น 4.0% ในวันนี้ (9 ส.ค.) หลังจากการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน ซึ่งเป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์ หลังจากที่อัตราเงินเฟ้อในเดือน ก.ค. เร่งขึ้นไปที่ 5.7% YoY เหนือกรอบเป้าหมาย 2.0-4.0% เป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกัน ธนาคารกลางฟิลิปปินส์ (BSP) ประกาศขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย (Overnight RRP) 50 basis points จาก 3.5% เป็น 4.0% ในวันนี้ (9 ส.ค.) หลังจากการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน ซึ่งเป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์ หลังจากที่อัตราเงินเฟ้อในเดือน ก.ค. เร่งขึ้นไปที่ […]
หุ้นไทยปิดตลาดวันนี้ที่ 1,722.48 จุด เพิ่มขึ้น 0.84 จุด
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทย (SET Index) ปิดวันนี้ (9 ส.ค. 2018) อยู่ที่ 1,722.48 จุด เพิ่มขึ้น 0.84 จุด หรือ 0.05% โดยระหว่างวันดัชนีทำระดับสูงสุดที่ 1,729.42 จุด และทำระดับต่ำสุดที่ 1,716.90 จุด มูลค่าการซื้อขาย 47,875.60 ล้านบาท หลักทรัพย์ที่มีการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับได้แก่ 1.SCB ปิดที่ 147.50 บาท เพิ่มขึ้น 4.50 บาท มูลค่าการซื้อขาย 2,749.47 ลบ. 2.PTT ปิดที่ 52.50 บาท ลดลง -0.50 บาท มูลค่าการซื้อขาย 2,665.60 ลบ. 3.PTTGC ปิดที่ 83.75 […]
เจาะเทรนด์เที่ยวคนเดียว…เมื่อการเดินทางง่าย อะไรๆ ก็เกิดขึ้นได้
By…จารุพันธ์ จิระรัชนิรมย์ “เที่ยวคนเดียว” หรือตามศัพท์ที่ภาคท่องเที่ยวมักจะเรียกคนกลุ่มนี้ว่า Solo Travel เป็นหนึ่งในกระแสที่มาแรงในโลกยุคนี้ที่การเดินทางทำได้ง่าย มีเทคโนโลยีต่างๆ เข้ามาช่วย ทำให้การไปคนเดียวก็ไม่ได้ลำบากอะไร ไม่ว่าจะเป็นการหาข้อมูล การจองตั๋วเครื่องบิน ที่พัก จุดหมายท่องเที่ยว ทุกอย่างอยู่แค่ปลายนิ้วค้นหาบนโลกออนไลน์ เมื่อเดินทางไปถึงจุดหมายท่องเที่ยว ก็ไม่ต้องกังวลว่าจะสื่อสารกับใครไม่รู้เรื่อง ในเมื่อมือถือยุคนี้มีแอพพลิเคชั่นแปลภาษา หรือแค่สแกนรูปตัวอักษรก็แปลได้ จากข้อมูลในเว็บไซต์ solotravelerworld.com ซึ่งเป็นเว็บไซต์ข้อมูลด้านการเที่ยวคนเดียว ได้รวบรวมข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับการเที่ยวคนเดียวเอาไว้ เช่น ข้อมูลใน Booking.com เว็บไซต์การจองด้านท่องเที่ยวออนไลน์ ที่พบว่า ในเดือน พ.ค. 2018 มีนักท่องเที่ยว 20,500 คนทั่วโลกที่เดินทางคนเดียว ขณะที่ 40% ของกลุ่มเบบี้ บูมเมอร์ หรือคนที่เกิดหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 จนถึงปี 1962 มีการเดินทางคนเดียวเมื่อปีก่อน ส่วน 21% วางแผนจะไปคนเดียวสักครั้งในอนาคต นอกจากนี้ยังมีข้อมูลจาก MMGY Global ที่ได้สำรวจคน […]
GDP ฟิลิปปินส์ไตรมาส 2/2018 โต 6.0 % YoY ต่ำสุดในรอบ 3 ปี
BF Economic Research GDP ของฟิลิปปินส์ในไตรมาส 2/2018 ขยายตัว0 % YoY ชะลอลงจากไตรมาส 1/2018 ที่ขยายตัว 6.8% YoY ต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ที่ 6.6% YoY และเติบโตต่ำสุดในรอบ 3 ปี เป็นผลมาจากการใช้จ่ายภาครัฐและการบริโภคที่ขยายตัวในอัตราที่ชะลอลง แม้ว่าการลงทุนจะเร่งตัวขึ้นก็ตาม ทั้งนี้ รัฐบาลฟิลิปปินส์ ได้ตั้งเป้าหมายอัตราเติบโตของเศรษฐกิจประเทศตลอดทั้งปี 2018 ไว้ที่กรอบ 7-8% (YoY) GDP ของฟิลิปปินส์ในไตรมาส 2/2018 ขยายตัว 0% YoY ชะลอลงจากไตรมาส 1/2018 ที่ขยายตัว 6.8% YoY เป็นผลมาจากทั้งการใช้จ่ายภาครัฐที่ขยายตัวชะลอลงที่ 11.9% YoY (Prev. +13.6% YoY) และการบริโภคที่ขยายตัวชะลอลงเล็กน้อยที่ 5.6% (Prev. +5.7% […]
Health Care HealthTech Product Update
กองทุนเปิดบัวหลวงโกลบอลเฮลธ์แคร์ (BCARE) และกองทุนเปิดบัวหลวงโกลบอลเฮลธ์แคร์เพื่อการเลี้ยงชีพ (BCARERMF)
เหตุที่หุ้นกลุ่มโกลบอลเฮลธ์แคร์ขึ้นมา New high “บริษัทในกลุ่มโกลบอลเฮลธ์แคร์สบช่องหาจังหวะควบรวมกิจการเพื่อรวมศักยภาพด้านงานวิจัยและพัฒนาด้านเทคโนโลยีการแพทย์ที่อุบัติขึ้นใหม่ในโลก เช่น ยีนเทอราพี (Gene Therapy) และยาชีววัตถุคล้ายคลึง(Biosimilars)ซึ่งถือว่าเป็นทางเลือกที่มีประสิทธิภาพที่สุดในการแสวงหาโอกาสเติบโตของกิจการ” กระแสของการควบรวมกิจการ (M&A) กำลังเกิดขึ้นอย่างหนักกับหุ้นของบริษัทในกลุ่มโกลบอลเฮลธ์แคร์ เพราะบริษัทเหล่านี้ต้องการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน เพื่อความอยู่รอดของกิจการ หลังผู้จ่ายเงิน (ได้แก่ บริษัทประกันสุขภาพ นายจ้าง และผู้บริโภค) กดดันบริษัทผู้ผลิตยา บริษัทผู้ขายสินค้าการแพทย์ เพื่อสกัดกั้นการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่าย ในเวลาเดียวกันกับนักลงทุนซึ่งชื่นชอบธุรกิจในหุ้นกลุ่มนี้ก็พร้อมเข้ามามีส่วนร่วมกับธุรกิจเนื่องจากมีประวัติผลตอบแทนดีเยี่ยม จากสาเหตุข้างต้นเราจึงเห็นบริษัทในกลุ่มเฮลธ์แคร์พยายามใช้เครื่องมือ M&A ต่อเนื่องทำสถิติสูงสุดทั้งทางด้านมูลค่าและดีลควบรวม โดยมีเหตุปัจจัย 4 อย่าง ซึ่ง ได้แก่ ต้องการดำรงความเป็นผู้นำ รักษาส่วนแบ่งตลาด ด้านการรักษาโรค ต้องการใช้ประโยชน์งานวิจัยและพัฒนาที่เป็นเทคโนโลยีใหม่ๆ เช่น ยีนเทอราพีและยาชีววัตถุคล้ายคลึง ซื้อบริษัท IT ที่ทำเฮลธ์แคร์เพื่อช่วยลดต้นทุน แสวงหาธุรกิจย่อยที่สร้างกำไร สรุปภาวะตลาดหุ้นกลุ่มโกลบอลเฮลธ์แคร์ในไตรมาส 2Q2018 ไตรมาส 2Q หุ้นกลุ่มโกลบอลเฮลธ์แคร์แทบจะไม่ตกเป็นข่าวเกี่ยวเนื่องกับกระแสการเมืองหรือนโยบายรัฐเหมือนอย่างที่เคยเกิดขึ้น เนื่องจากถูกกระแสข่าวอื่นกลบ อาทิ การค้าสหรัฐฯ-จีน การรั่วไหลของข้อมูลผู้ใช้งานของบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านโซเชียลมีเดีย […]
กองทุนเปิดบัวหลวงหุ้นจีน (B-CHINE-EQ)
เกิดอะไรขึ้นกับตลาดหุ้นจีน ตลาดหุ้นจีนช่วงที่ผ่านมาเผชิญกับภาวะการขายโดยใช้อารมณ์จากนักลงทุนรายย่อยที่มองตลาดทุนเป็นเครื่องมือสำหรับการทำกำไรระยะสั้น (Short term Focus) และมีพฤติกรรมซื้อขายหลักทรัพย์โดยดูจากโมเมนตัมเป็นหลัก นักลงทุนกลุ่มดังกล่าวคิดเป็นสัดส่วน 85% ของมูลค่าการซื้อขายหลักทรัพย์รายวัน (Daily Market turnover) ปัจจัยระยะสั้นที่ว่านี้กระทบต่อจิตวิทยาของนักลงทุนรายย่อยจีนเนื่องจากกังวลสงครามการค้าและเศรษฐกิจมหภาคในช่วงที่มีการลดหนี้ (De-leveraging) ว่าอาจทำให้เครื่องยนต์ที่เคยใช้ขับเคลื่อนเศรษฐกิจในหลายปีที่ผ่านมาจะหยุดชะงักลง ด้วยเหตุที่ว่านี้ราคาหุ้นจีนที่จดทะเบียนในประเทศจึงลดลงมากกว่าราคาหุ้นจีนที่จดทะเบียนซื้อขายอยู่ในต่างประเทศอาทิ ฮั่งเส็ง และแนสแดก การเคลื่อนไหวด้านพอร์ตโฟลิโอของกองทุนเปิดบัวหลวงหุ้นจีน (B-CHINE-EQ) เล็งเห็นโอกาสในช่วงที่ราคาหุ้นลดลงจึงเพิ่มสัดส่วนถือครองหุ้นในกลุ่มอุตสาหกรรม เทคโนโลยี และวัสดุ ตัวอย่างการลงทุนที่เห็นได้ชัดคือ บริษัท Hua Hong Semiconductor ผู้ผลิตชิปเทคโนโลยีชั้นสูงประเภท 8 inch wafers กองทุนถือครองหุ้นดังกล่าวอยู่ในอันดับ 7 ของพอร์ตลงทุนในสัดส่วน 3.1% หุ้นดังกล่าวสร้างผลตอบแทนให้กับพอร์ตมากที่สุด (Top Positive Contributor) โดยนับตั้งแต่วัดจัดตั้งกองทุน B-CHINE-EQ ราคาหุ้นบริษัท Hua Hong เพิ่มขึ้นถึง 67% หากมองย้อนหลัง 1 ปีราคาหุ้นเพิ่มถึง […]
Fund Comment Uncategorized
Fund Comment ภาพรวมตลาดหุ้น ก.ค. 2018
ภาพรวมตลาดหุ้น ภาพรวมผลตอบแทนตลาดหุ้นไทยในเดือน ก.ค. พลิกกลับมาให้อัตราผลตอบแทนเป็นบวกร้อยละ 6.65 ต่างกับเดือน มิ.ย. ที่ให้ผลตอบแทนติดลบร้อยละ 7.61 นำโดยกลุ่มธนาคารพาณิชย์ปรับตัวขึ้นจากผลประกอบการไตรมาสที่ 2 ที่ดีกว่าตลาดคาด ประกอบกับตัวเลข NPL ที่ดีขึ้น โดยธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่สามารถควบคุมต้นทุนได้ดี ชดเชยการลดลงของรายได้ค่าธรรมเนียม ส่วนราคาของหุ้นในกลุ่มสื่อสารฟื้นตัว จากประเด็นที่กสทช.ประกาศปรับเปลี่ยนกฎเกณฑ์ที่ผ่อนปรนกับผู้ประกอบการ ทำให้ราคาประมูลตั้งต้นลดลง และลดแรงกดดันในการตั้งราคาประมูลของผู้ประกอบการ ในขณะที่กลุ่มพลังงาน มีปัจจัยบวกจากราคาน้ำมันดิบและค่าการกลั่นที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น เม็ดเงินลงทุนต่างชาติในตลาดอาเซียนไหลออกอย่างต่อเนื่องมาตลอด 3 เดือนก่อนหน้า แม้ว่าเริ่มเห็นการกลับมาของเม็ดเงินลงทุนต่างชาติในช่วงปลายเดือน ก.ค. แต่ระยะเวลาในการกลับมาของเม็ดเงินลงทุนยังมีความไม่แน่นอนว่าจะกลับมาอย่างต่อเนื่องหรือเป็นเพียงช่วงสั้น เนื่องจากปัจจัยเรื่องสถานการณ์สงครามการค้าอาจกลับมากดดันตลาดหุ้นได้ใหม่ ประเด็นเรื่องสงครามการค้าเริ่มเห็นการตอบโต้กันระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีนมากขึ้น สหรัฐอเมริกาออกมาเพิ่มภาษีจากร้อยละ 10 เป็นร้อยละ 25 บนสินค้านำเข้าจากจีนมูลค่ารวม 2 แสนล้านเหรียญสหรัฐในช่วงเดือน ก.ย. นี้ ส่วนจีนตอบโต้ด้วยมาตรการการตั้งภาษีร้อยละ 5-25 บนสินค้านำเข้าจากสหรัฐอเมริกามูลค่ารวม 6 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ เป็นต้น อย่างไรก็ตามเราเชื่อว่าผลกระทบต่อบริษัทจดทะเบียนในไทยยังประเมินได้ยาก เนื่องจากยังไม่มีความชัดเจนในข้อสรุปของข้อตกลงการกีดกันการค้าครั้งนี้ นอกจากนี้ แม้ว่าในช่วงที่ผ่านมาตัวเลขเศรษฐกิจไทยที่ประกาศออกมาจะยังคงขยายตัวได้ในระดับกลาง […]