เกาหลีใต้เป็นประเทศพัฒนาแล้วแห่งแรกที่ขึ้นดอกเบี้ยท่ามกลางการแพร่ระบาด

เกาหลีใต้เป็นประเทศพัฒนาแล้วแห่งแรกที่ขึ้นดอกเบี้ยท่ามกลางการแพร่ระบาด

CNBC รายงานว่า ธนาคารกลางเกาหลีใต้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในวันพฤหัสบดีที่ 26 ส.ค. ที่ผ่านมา โดยคาดว่า มาจากความเสี่ยงทางการเงินมีร้อนแรงขึ้น ท่ามกลางไวรัสที่ยังคุกคามอยู่ ธนาคารกลางเกาหลีใต้มีมติขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% เป็น 0.75% ซึ่งถือเป็นประเทศเศรษฐกิจพัมนาแล้วประเทศแรกที่ปรับขึ้นดอกเบี้ยในยุคการแพร่ระบาด ทั้งนี้มีนักวิเคราะห์ 16 คน จากทั้งหมด 30 คน ที่ทำแบบสำรวจของ Reuters แล้วคาดการณ์ว่าธนาคารกลางเกาหลีใต้จะปรับขึ้นดอกเบี้ย ขณะที่ดัชนีหุ้นเกาหลีใต้ Kospi ลดลง 0.18% หลังจากที่มีประกาศออกมา ธนาคารกลางส่วนใหญ่ในโลกปรับลดอัตราดอกเบี้ยให้อยู่ในระดับต่ำเป็นประวัติการณ์เพื่อรับมือกับการแพร่ระบาดที่ส่งผลกระทบกับเศรษกิจ ตั้งแต่ในสหรัฐฯ ยุโรป และเอเชีย และรัฐบาลทั่วโลกก็ออกนโยบายมาเพื่อสนับสนุนธุรกิจด้วย เกาหลีใต้ต้องต่อสู้กับจำนวนผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา โดยมีตัวเลขผู้ติดเชื้อรายวันเฉลี่ยในช่วง 7 วัน ทะลุ 1,800 คน เมื่อเทียบกับที่อยู่ในระดับกว่า 400 คน ในช่วงเดือน มิ.ย. ตามข้อมูลของ Our World in Data […]

ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 25 ส.ค. 2564 ปิดตลาดที่ 1,600.49 จุด เพิ่มขึ้น 13.51 จุด

ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 25 ส.ค. 2564 ปิดตลาดที่ 1,600.49 จุด เพิ่มขึ้น 13.51 จุด

ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 25 ส.ค. 2564 ปิดตลาดที่ 1,600.49 จุด เพิ่มขึ้น 13.51 จุด หรือ 0.85% ระหว่างวัน ดัชนีสูงสุดที่ 1,601.09 จุด และต่ำสุดที่ 1,588.37 มูลค่าการซื้อขาย 92,934.26 ล้านบาท หลักทรัพย์ที่มีการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับได้แก่ 1.KBANK ปิดที่ 121.00 บาท เพิ่มขึ้น 3.00 บาท มูลค่าการซื้อขาย 6,090.88 ลบ. 2.7UP ปิดที่ 1.57 บาท เพิ่มขึ้น 0.14 บาท มูลค่าการซื้อขาย 3,455.58 ลบ. 3.PTT ปิดที่ 37.25 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 […]

เศรษฐกิจสหรัฐฯ จะมีแรงขับเคลื่อนให้ไปต่อจากสัญญาณที่ดีขึ้นของไวรัสสายพันธุ์เดลต้า

เศรษฐกิจสหรัฐฯ จะมีแรงขับเคลื่อนให้ไปต่อจากสัญญาณที่ดีขึ้นของไวรัสสายพันธุ์เดลต้า

CNBC รายงานว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังอยู่ในช่วงของการฟื้นตัวต่อเนื่อง โดยต้องการแรงสนับสนุนจากการต่อสู้กับไวรัสโควิดสายพันธุ์เดลต้า และสัญญาณที่ดีขึ้น ปัจจุบันจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง แต่ยังอยู่ในพื้นที่ที่จำกัด ซึ่งก็อาจจะสร้างความไม่สบายใจให้ได้ที่ประเทศมีอัตราการติดเชื้อ 150,000 คนต่อวัน อย่างไรก็ตามก็มีความหวังเพิ่มขึ้นว่าธุรกิจและกิจกรรมการบริโภคจะสามารถเดินหน้าเพื่อกลับสู่ระดับก่อนเกิดวิกฤติการแพร่ระบาดได้ Chris Meekins นักวิเคราะห์ด้านนโยบายสุขภาพ บริษัท Raymond James กล่าวว่า เปอร์เซนต์การเพิมขึ้นของจำนวนผู้ติดเชื้อและการรักษาในโรงพยาบาลกำลังลดลงทุกสัปดาห์ บ่งบอกความก้าวหน้าว่าประเทศผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว แม้จะช้ากว่าที่คาดการณ์ไว้ จากการที่รัฐทางตอนใต้เพิ่งได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการแพร่ระบาดของไวรัสสายพันธุ์เดลต้ากำลังไปถึงจุดสูงสุดหรือถึงจุดสูงสุดไปแล้ว Meekins ระบุว่า อัตราการเพิ่มขึ้นของจำนวนผู้ติดเชื้อลงมาต่ำกว่า 11.7% ขณะที่อัตราการรักษาตัวในโรงพยาบาล เพิ่มขึ้น 14.7% ซึ่งต่ำกว่าการเพิ่มขึ้นในระดับ 32% และ 37% ตามลำดับ เมื่อ 2 สัปดาห์ที่แล้ว และในเวลาเดียวกันพบว่า ตัวชี้วัดด้านการกลับมาเปิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจยังดีขึ้น แม้จะมีการชะลอตัวบ้างจากโควิดสายพันธุ์เดลต้าที่เพิ่มขึ้น ทำให้เกิดความกังวลเพิ่มขึ้นกับสิ่งที่รออยู่ข้างหน้า ข้อมูลจาก Google Mobility เน้นย้ำว่า การฟื้นตัวยังไม่สม่ำเสมอ และยังช้าอยู่ แต่มีความมั่นคงมากขึ้น

ทำไมต้องมีกองทุนหุ้นสหรัฐฯ และจีนไว้ติดพอร์ต

ทำไมต้องมีกองทุนหุ้นสหรัฐฯ และจีนไว้ติดพอร์ต

สรุปความสัมภาษณ์ เสกสรร โตวิวัฒน์ CFP® ผู้เชี่ยวชาญด้านการวางแผนทางการเงิน กองทุนหุ้นสหรัฐฯ และกองทุนหุ้นจีนเป็นการลงทุนใน 2 ขั้วมหาอำนาจ เป็นการลงทุนในเชิงภูมิภาค คือประเทศสหรัฐฯ และจีน แต่ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจก่อนว่า การไปลงทุนในสหรัฐฯ และจีน หมายถึงการเข้าไปลงทุนในบริษัทที่จดทะเบียนอยู่ในตลาดหุ้นสหรัฐฯ และตลาดหุ้นจีน ในส่วนของจีนมีทั้งบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้และเซินเจิ้น เรียกว่า A-Share และบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นฮ่องกง หรือ H-Share รวมทั้งก็มีบริษัทจีนบางส่วนที่ไปจดทะเบียนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ด้วย โดยรวมเวลาเราพูดถึงการลงทุนในสหรัฐฯ และจีน หมายถึงการไปลงทุนในบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นประเทศเหล่านี้ ซึ่งทั้ง 2 ตลาด มีบริษัทดีๆ มากมาย ซึ่งก็มีการทำตลาดมีลูกค้าอยู่ทั่วโลก หลายๆ บริษัทซึ่งเป็นบริษัทในเชิงกึ่งเทคโนโลยี หรือว่าเทคโนโลยี ก็จะมีฐานลูกค้าอยู่ทั่วโลก ไม่ใช่แค่ในประเทศเท่านั้น นี่คือความน่าสนใจประเด็นหนึ่ง ประเด็นต่อมาคือ ความใหญ่ของทั้ง 2 ประเทศ โดยสหรัฐฯ เป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ประมาณ 1 ใน 4 ของโลก […]

ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 24 ส.ค. 2564 ปิดตลาดที่ 1,586.98 จุด เพิ่มขึ้น 4.91 จุด

ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 24 ส.ค. 2564 ปิดตลาดที่ 1,586.98 จุด เพิ่มขึ้น 4.91 จุด

ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 24 ส.ค. 2564 ปิดตลาดที่ 1,586.98 จุด เพิ่มขึ้น 4.91 จุด หรือ +0.31% ระหว่างวัน ดัชนีสูงสุดที่ 1,598.39 จุด และต่ำสุดที่ 1,585.46 จุด มูลค่าการซื้อขาย 100,708.84 ล้านบาท หลักทรัพย์ที่มีการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับได้แก่ 1.PTT ปิดที่ 37.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท (+2.78%) มูลค่าการซื้อขาย 5,317.43 ลบ. 2.KBANK ปิดที่ 118.00 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง มูลค่าการซื้อขาย 5,177.08 ลบ. 3.OR ปิดที่ 29.50 บาท ลดลง 0.50 […]

ยุโรปเล็งช่วยสนับสนุนผู้ผลิตแม่เหล็กจากแร่หายากเพื่อใช้ในรถยนต์ไฟฟ้า หวังแข่งกับจีน

ยุโรปเล็งช่วยสนับสนุนผู้ผลิตแม่เหล็กจากแร่หายากเพื่อใช้ในรถยนต์ไฟฟ้า หวังแข่งกับจีน

รายงานข่าวจาก CNBC ระบุว่า สหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรป และสหราชอาณาจักร ตั้งเป้าที่จะขยายการผลิตแม่เหล็กแรงสูงพิเศษที่จะใช้ในรถยนต์ไฟฟ้า (EV) และกังหันลม เพื่อช่วยให้บรรลุเป้าหมายในการลดการปล่อยคาร์บอนและลดการพึ่งพาจีน ซึ่งปัจจุบันเป็นผู้ผลิตหลักที่ครองสัดส่วนสำคัญในตลาดโลก CNBC อ้างอิงแหล่งข่าวใกล้ชิดเปิดเผยข้อมูลว่า สหภาพยุโรปกำลังเตรียมข้อเสนอที่เกี่ยวข้องกับอุปกรณ์ช่วยสตาร์ทที่เรียกว่า jump-start home output ซึ่งมีแม่เหล็กชนิดพิเศษใช้ในมอเตอร์รถยนต์ไฟฟ้า โดยจะให้การสนับสนุนผู้ผลิตในประเทศเพื่อให้สามารถแข่งขันกับคู่แข่งอย่างจีนได้ ทั้งนี้ ภาครัฐเตรียมหาทางสนับสนุนการผลิตแม่เหล็กถาวรที่หายาก ซึ่งคาดว่ามีความเป็นไปที่จะใช้แนวทางสนับสนุนเดียวกับสหรัฐฯ ที่เสนอเครดิตภาษีให้แก่ผู้ผลิตอุปกรณ์เมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา จีนเป็นผู้ผลิตแม่เหล็กถึง 98% ของความต้องการในสหภาพยุโรป โดยแม่เหล็กทำจากแร่หายาก ซึ่งเป็นชุดแร่ธาตุ 17 ชนิด ที่นำมาใช้ในการใช้งานต่างๆ รวมถึงอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ การป้องกันประเทศ การบินและอวกาศ เจ้าหน้าที่อุตสาหกรรมแร่หายากของจีน กล่าวว่า นโยบายของประเทศในการส่งเสริมส่วนลดภาษีส่งออกสำหรับแม่เหล็กมีประวัติศาสตร์อันยาวนาน ซึ่งผู้ที่ได้ประโยชน์สูงสุดก็คือผู้ใช้ปลายทาง สหภาพยุโรปหวังที่จะย้ำความสำเร็จในการกระตุ้นภาคอุตสาหกรรมแบตเตอรี่ EV ซึ่งได้รับการลงทุนเพิ่มขึ้นจากสหภาพยุโรป โดยความพยายามดังกล่าวส่งผลให้เกิดการลงทุนตามสัญญาถึง 4 หมื่นล้านยูโร (4.7 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) ใน “gigafactories” หรือโรงงานขนาดใหญ่ยักษ์ จำนวน […]

กองทุนผสมบีซีเนียร์สำหรับวัยเกษียณ เอ็กซ์ตร้า (B-SENIOR-X)

กองทุนผสมบีซีเนียร์สำหรับวัยเกษียณ เอ็กซ์ตร้า (B-SENIOR-X)

Highlight แนวโน้มตลาดตราสารหนี้ไทยในระยะต่อไป กองทุนบัวหลวงคาดว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะสั้นอายุไม่เกิน 2 ปี จะทรงตัวในระดับต่ำใกล้เคียงกับอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 0.50% ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาวยังมีความเสี่ยงที่จะปรับเพิ่มขึ้นได้ตามอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ ที่มีโอกาสปรับเพิ่มขึ้นตามแนวโน้มการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ กลยุทธ์การลงทุนยังคง Selective เน้นหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง มีการปรับตัวทางธุรกิจที่ดี รวมถึงหุ้นที่ผลประกอบการมีแนวโน้มฟื้นตัว Global REITs ปรับตัวดีขึ้นจากการเร่งฉีดวัคซีนในหลายประเทศและการเปิดเมืองในขณะที่ REITs ไทยยังคงฟื้นตัวได้ช้า ซึ่งคาดว่าน่าจะฟื้นตัวได้เมื่อมีความคืบหน้าเรื่องวัคซีนโควิดชัดเจนขึ้น และ REITs เป็นเครื่องมือกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุน ตราสารหนี้ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ซึ่งจัดการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในวันที่ 4 ส.ค. ที่ผ่านมา คณะกรรมการฯ มีมติ 4 ต่อ 2 คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ 0.50% โดยกรรมการฯ ส่วนใหญ่เห็นว่ามาตรการการเงินจะมีประสิทธิผลมากกว่าการลดอัตราดอกเบี้ยที่ปัจจุบันอยู่ในระดับต่ำ นอกจากนี้ ยังปรับลดคาดการณ์ GDP ลงเหลือ +0.7% ในปีนี้ และ +3.7% ในปีหน้า […]

กองทุนผสมบีซีเนียร์สำหรับวัยเกษียณ (B-SENIOR)

กองทุนผสมบีซีเนียร์สำหรับวัยเกษียณ (B-SENIOR)

Highlight แนวโน้มตลาดตราสารหนี้ไทยในระยะต่อไป กองทุนบัวหลวงคาดว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะสั้นอายุไม่เกิน 2 ปี จะทรงตัวในระดับต่ำใกล้เคียงกับอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 0.50% ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาวยังมีความเสี่ยงที่จะปรับเพิ่มขึ้นได้ตามอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ ที่มีโอกาสปรับเพิ่มขึ้นตามแนวโน้มการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ กลยุทธ์การลงทุนยังคง Selective เน้นหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง มีการปรับตัวทางธุรกิจที่ดี รวมถึงหุ้นที่ผลประกอบการมีแนวโน้มฟื้นตัว Global REITs ปรับตัวดีขึ้นจากการเร่งฉีดวัคซีนในหลายประเทศและการเปิดเมืองในขณะที่ REITs ไทยยังคงฟื้นตัวได้ช้า ซึ่งคาดว่าน่าจะฟื้นตัวได้เมื่อมีความคืบหน้าเรื่องวัคซีนโควิดชัดเจนขึ้น และ REITs เป็นเครื่องมือกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุน ตราสารหนี้ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ซึ่งจัดการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในวันที่ 4 ส.ค. ที่ผ่านมา คณะกรรมการฯ มีมติ 4 ต่อ 2 คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ 0.50% โดยกรรมการฯ ส่วนใหญ่เห็นว่ามาตรการการเงินจะมีประสิทธิผลมากกว่าการลดอัตราดอกเบี้ยที่ปัจจุบันอยู่ในระดับต่ำ นอกจากนี้ ยังปรับลดคาดการณ์ GDP ลงเหลือ +0.7% ในปีนี้ และ +3.7% ในปีหน้า […]

กองทุนเปิดบัวหลวงอินคัม (B-INCOME) และกองทุนเปิดบัวหลวงอินคัมเพื่อการออม (B-INCOMESSF)

กองทุนเปิดบัวหลวงอินคัม (B-INCOME) และกองทุนเปิดบัวหลวงอินคัมเพื่อการออม (B-INCOMESSF)

Highlight กองทุน B-INCOME มีการรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติครั้งที่ 16 เมื่อวันที่ 30 มิ.ย. 2564 อัตรา 0. 069342 บาทต่อหน่วย  แนวโน้มตลาดตราสารหนี้ไทยในระยะต่อไป กองทุนบัวหลวงคาดว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะสั้นอายุไม่เกิน 2 ปี จะทรงตัวในระดับต่ำใกล้เคียงกับอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 0.50% ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาวยังมีความเสี่ยงที่จะปรับเพิ่มขึ้นได้ตามอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ ที่มีโอกาสปรับเพิ่มขึ้นตามแนวโน้มการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ กลยุทธ์การลงทุนยังคง Selective เน้นหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง มีการปรับตัวทางธุรกิจที่ดี รวมถึงหุ้นที่ผลประกอบการมีแนวโน้มฟื้นตัว Global REITs ปรับตัวดีขึ้นจากการเร่งฉีดวัคซีนในหลายประเทศและการเปิดเมืองในขณะที่ REITs ไทยยังคงฟื้นตัวได้ช้า ซึ่งคาดว่าน่าจะฟื้นตัวได้เมื่อมีความคืบหน้าเรื่องวัคซีนโควิดชัดเจนขึ้น และ REITs เป็นเครื่องมือกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุน ตราสารหนี้ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ซึ่งจัดการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในวันที่ 4 ส.ค. ที่ผ่านมา คณะกรรมการฯ มีมติ 4 ต่อ 2 คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ […]

กองทุนเปิดบีเฟล็กซ์ (B-FLEX), กองทุนเปิดบีแอ็คทีฟ (B-ACTIVE), กองทุนเปิดบัวหลวงหุ้น 25% เพื่อการเลี้ยงชีพ (B25RMF) และ กองทุนเปิดบัวหลวงเฟล็กซิเบิ้ลเพื่อการเลี้ยงชีพ (BFLRMF)

กองทุนเปิดบีเฟล็กซ์ (B-FLEX), กองทุนเปิดบีแอ็คทีฟ (B-ACTIVE), กองทุนเปิดบัวหลวงหุ้น 25% เพื่อการเลี้ยงชีพ (B25RMF) และ กองทุนเปิดบัวหลวงเฟล็กซิเบิ้ลเพื่อการเลี้ยงชีพ (BFLRMF)

Highlight แนวโน้มตลาดตราสารหนี้ไทยในระยะต่อไป กองทุนบัวหลวงคาดว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะสั้นอายุไม่เกิน 2 ปี จะทรงตัวในระดับต่ำใกล้เคียงกับอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 0.50% ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาวยังมีความเสี่ยงที่จะปรับเพิ่มขึ้นได้ตามอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ ที่มีโอกาสปรับเพิ่มขึ้นตามแนวโน้มการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ กลยุทธ์การลงทุนยังคง Selective เน้นหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง มีการปรับตัวทางธุรกิจที่ดี รวมถึงหุ้นที่ผลประกอบการมีแนวโน้มฟื้นตัว ตราสารหนี้ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ซึ่งจัดการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในวันที่ 4 ส.ค. ที่ผ่านมา คณะกรรมการฯ มีมติ 4 ต่อ 2 คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ 0.50% โดยกรรมการฯ ส่วนใหญ่เห็นว่ามาตรการการเงินจะมีประสิทธิผลมากกว่าการลดอัตราดอกเบี้ยที่ปัจจุบันอยู่ในระดับต่ำ นอกจากนี้ ยังปรับลดคาดการณ์ GDP ลงเหลือ +0.7% ในปีนี้ และ +3.7% ในปีหน้า โดยปรับลดลงตามการบริโภคภาคเอกชนที่ได้รับผลกระทบมากในปีนี้และแนวโน้มนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ปรับลดลงมากในปีหน้า แนวโน้มตลาดตราสารหนี้ไทยในระยะต่อไป กองทุนบัวหลวงคาดว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะสั้นอายุไม่เกิน 2 ปี จะทรงตัวในระดับต่ำใกล้เคียงกับอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 0.50% ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาวยังมีความเสี่ยงที่จะปรับเพิ่มขึ้นได้ตามอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ ที่มีโอกาสปรับเพิ่มขึ้นตามแนวโน้มการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ […]