ผลวิจัยชี้ธนาคารทั่วโลกอาจมีมูลค่ารวมแตะ 7 ล้านล้านดอลล์ ในอีก 5 ปีข้างหน้า
ผลการศึกษาจากบอสตัน คอนซัลติง กรุ๊ป คาดว่า ธนาคารทั่วโลกอาจมีมูลค่าบริษัทเพิ่มขึ้น 2 เท่า รวมแตะ 7ล้านล้านดอลลาร์ ถ้ามุ่งเน้นการเติบโตของธุรกิจ สำนักข่าวรอยเตอร์ อ้างอิงผลการศึกษาจากบอสตัน คอนซัลติง กรุ๊ป (บีซีจี) พบว่า ธนาคารทั่วโลกอาจมีมูลค่าบริษัทเพิ่มขึ้นรวม 7 ล้านล้านดอลลาร์ ในอีก 5 ปีข้างหน้า ถ้าเดินหน้าเน้นการเติบโตของธุรกิจ และส่งเสริมการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ของบริษัทบีซีจี เผยว่า “ปัจจัยที่ขับเคลื่อนการมองโลกในแง่ร้ายของภาคธนาคารฉุดการทำกำไรอย่างหนัก” หุ้นธนาคารประมาณ 75% มี P/BV ต่ำกว่า 1 ในปี 2565 ขณะที่อัตราส่วนราคาหุ้นต่อกำไรหุ้น (price-to-earning หรือ P/PE) อยู่ในระดับเกือบ 50% ของระดับในปี 2551 ขณะเดียวกัน ผลตอบแทนของผู้ถือหุ้นในปัจจุบันน้อยกว่าดัชนีตลาดใหญ่ๆ นับตั้งแต่เกิดวิกฤติทางการเงิน และช่องว่างผลตอบแทนหุ้นก็กว้างขึ้นเรื่อยๆ แม้ธนาคารลงทุนเพิ่มผลผลิต และลดความซับซ้อนในการดำเนินงานได้ แต่กำไรของธนาคารยังคงตกอยู่ภายใต้แรงกดดันจากความต้องการเงินทุนสูง และการแข่งขันที่เพิ่มขึ้นจากผู้เล่นที่ใหม่กว่า เช่น […]
B-ASIA B-ASIARMF B-ASIASSF B-BHARATA B-DYNAMIC BOND B-GLOBAL B-GLOBALRMF B-INDIAMRMF B-INNOTECH B-INNOTECHRMF B-INNOTECHSSF B-TOPTENRMF B-VIETNAM B-VIETNAMRMF BBLAM Weekly Investment Insights BEQSSF BERMF BKA BTP
BBLAM Weekly Investment Insights 15-19 มกราคม 2024
Weekly Highlight B-SELECT Q1 2024 By BBLAM B-DYNAMIC BOND โอกาสที่มากับดอกเบี้ยขาลง B-BHARATA ใช้เป็น Hedge Position B-GLOBAL กระจายลงทุนในหุ้นทั่วโลก B-INNOTECH กระจายลงทุนในหุ้นเทคโนโลยี BBLAM แนะนำกองทุน กองทุนลงทุนตราสารหนี้เน้นยืดหยุ่น : B-DYNAMIC BOND และ กองทุนลดหย่อนภาษี : B-DYNAMICRMF และ B-DYNAMICSSF กองทุนลงทุนหุ้นคุณภาพจากทั่วโลก : B-GLOBAL หรือกองทุนลดหย่อนภาษี B-GLOBALRMF กองทุนลงทุนใน Asia Ex Japan : B-ASIA หรือกองทุนลดหย่อนภาษี ได้แก่ B-ASIARMF และ B-ASIASSF กองทุนลงทุนอินเดีย : B-BHARATA หรือกองทุนลดหย่อนภาษี ได้แก่ B-INDIAMRMF และกองทุน SSF เลือก B-ASIASSF กองทุนลงทุนในเทคโนโลยี แต่พยายามเฟ้นหาหุ้นเทคฯพื้นฐานดี มูลค่ายังน่าลงทุน : B-INNOTECH หรือกองทุนลดหย่อนภาษี ได้แก่ B-INNOTECHRMF และ B-INNOTECHSSF ลงทุนหุ้นเวียดนาม : B-VIETNAM หรือกองทุนลดหย่อนภาษี ได้แก่ B-VIETNAMRMF และ B-VIETNAMSSF ลงทุนหุ้นไทยเน้นกระจายลงทุน : BKA หรือกองทุนลดหย่อนภาษี ได้แก่ BERMF และ BEQSSF ลงทุนหุ้นไทยแบบเน้นเน้น : BTP หรือกองทุนลดหย่อนภาษี […]
ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 12 ม.ค. 2024 ปิดตลาดที่ 1,413.53 จุด เพิ่มขึ้น 5.29 จุด (+0.38%)
ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 12 ม.ค. 2024 ปิดตลาดที่ 1,413.53 จุด เพิ่มขึ้น 5.29 จุด (+0.38%) ระหว่างวัน ดัชนีต่ำสุดที่ 1,407.77 จุด และสูงสุดที่ 1,416.33 จุด มูลค่าการซื้อขาย 40,236.01 ล้านบาท หลักทรัพย์ที่มีการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับ ได้แก่ PTT ปิดที่ 34.25 บาท ลดลง 0.75 (-2.14%) มูลค่าการซื้อขาย 2,634.87 ล้านบาท KBANK ปิดที่ 132.50 บาท เพิ่มขึ้น 3.50 (+2.71%) มูลค่าการซื้อขาย 2,016.55 ล้านบาท PTTEP ปิดที่ 150.50 บาท เพิ่มขึ้น 1.50 […]
ฝรั่งเศสเผยเงินเฟ้อธ.ค. 66 แตะ 4.1% การใช้จ่ายของผู้บริโภคพ.ย.สูงเกินคาด
สำนักงานสถิติแห่งชาติของฝรั่งเศส (INSEE) เปิดเผยในวันนี้ (12 ม.ค.) ว่า อัตราเงินเฟ้อของฝรั่งเศสในเดือนธ.ค. 2566 ปรับตัวขึ้นเป็น 4.1% เมื่อเทียบเป็นรายปี ขณะที่การใช้จ่ายของผู้บริโภคในเดือนพ.ย.ออกมาสูงเกินคาด ข้อมูลดังกล่าวตรงกับตัวเลขอัตราเงินเฟ้อเบื้องต้นที่เผยแพร่เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งแสดงให้เห็นว่า อัตราเงินเฟ้อในเดือนธ.ค.เพิ่มสูงขึ้นจากระดับ 3.9% ในเดือนพ.ย. โดยสาเหตุส่วนใหญ่มาจากราคาพลังงานและราคาสินค้าในภาคบริการที่สูงขึ้น ในตัวเลขขั้นสุดท้ายของ INSEE ระบุว่า ราคาพลังงานเพิ่มขึ้น 5.7% เมื่อเทียบเป็นรายปีในเดือนธ.ค. ขยับขึ้นจากตัวเลขคาดการณ์เบื้องต้นที่ 5.6% ส่วนราคาสินค้าในภาคบริการเพิ่มขึ้น 3.1% INSEE ระบุว่า ราคาอาหารยังคงเพิ่มสูงขึ้นในอัตราชะลอตัวลงเล็กน้อยที่ 7.2% ในเดือนธ.ค. จาก 7.7% ในเดือนพ.ย. ถือเป็นเดือนที่ 9 ติดต่อกันที่อัตราเงินเฟ้อของราคาอาหารชะลอตัวลง อนึ่ง อัตราเงินเฟ้อเหล่านี้เป็นตัวเลขที่ได้รับการปรับค่าให้สามารถเทียบกับสหภาพยุโรป (EU) ขณะเดียวกัน การใช้จ่ายของผู้บริโภคในฝรั่งเศสเพิ่มขึ้น 0.7% ในเดือนพ.ย. เมื่อเทียบรายเดือน สวนทางกับที่นักเศรษฐศาสตร์จากผลสำรวจของสำนักข่าวรอยเตอร์คาดการณ์ว่าจะลดลง 0.1% ที่มา: […]
ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 11 ม.ค. 2567 ปิดตลาดที่ 1,408.24 จุด ลดลง 5.28 จุด (-0.37%)
ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 11 ม.ค. 2567 ปิดตลาดที่ 1,408.24 จุด ลดลง 5.28 จุด (-0.37%) ระหว่างวัน ดัชนีต่ำสุดที่ 1,407.26 จุด และสูงสุดที่ 1,417.64 จุด มูลค่าการซื้อขาย 35,536.61 ล้านบาท หลักทรัพย์ที่มีการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับ ได้แก่ KBANK ปิดที่ 129.00 บาท ลดลง 0.50 (-0.39%) มูลค่าการซื้อขาย 1,483.09 ล้านบาท BBL ปิดที่ 149.50 บาท ลดลง 0.50 (-0.33%) มูลค่าการซื้อขาย 1,168.48 ล้านบาท AOT ปิดที่ 62.50 บาท ลดลง 0.50 […]
‘กูเกิล-อเมซอน’ เลย์ออฟอีกหลายร้อยคนวันนี้ เลิกจ้างต่อเนื่องจากปีที่แล้ว
กระแสเลย์ออฟยังไม่จบ 2 บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ ‘กูเกิล-อเมซอน’ ประกาศเลิกจ้างอีกหลายร้อยคนวันนี้ กูเกิลเน้นปลดในส่วนฮาร์ดแวร์-บริการดิจิทัล หลังถูกเอไอดิสรัปต์ ขณะที่อเมซอนเน้นส่วนไพรม์วิดีโอ และ MGM “กูเกิล อิงค์” ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของอัลฟาเบท ระบุว่า กำลังดำเนินการปลดพนักงานหลายร้อยคนในแผนกบริการช่วยเหลือทางดิจิทัล, ฮาร์ดแวร์ และวิศวกรรม ในขณะที่บริษัทยังคงเดินหน้าลดต้นทุนธุรกิจ กูเกิล ระบุว่า พนักงานที่ถูกปลดออกจากงานในครั้งนี้ รวมถึงพนักงานที่ทำงานเกี่ยวกับแอปพลิเคชันกูเกิล แอสซิสแทนต์ (Google Assistant) และทีมฮาร์ดแวร์เทคโนโลยีโลกเสมือนผสานโลกจริง (AR) นอกจากนี้ พนักงานในแผนกวิศวกรรมส่วนกลางของกูเกิลก็ถูกปลดเช่นเดียวกัน สำนักข่าวบลูมเบิร์ก รายงานว่า การปลดพนักงานครั้งนี้มีขึ้นหลังธุรกิจค้นหาหลักของกูเกิล หรือกูเกิลเสิร์จเอ็นจิ้น ได้รับผลกระทบจากบริการปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) ของบริษัทไมโครซอฟท์ คอร์ปและโอเพนเอไอ ซึ่งเป็นผู้พัฒนา “แชตจีพีที” (ChatGPT) โดยในการประชุมร่วมกับกลุ่มนักลงทุน บรรดาผู้บริหารกูเกิลให้คำมั่นว่าจะพิจารณาการดำเนินงานเพื่อหาทางลดต้นทุนการดำเนินธุรกิจ เพื่อนำเงินทุนเหล่านั้นไปใช้ในผลิตภัณฑ์ที่มีความสำคัญเป็นอันดับต้นๆ “ตลอดช่วงครึ่งหลังของปี 2566 ทีมต่างๆ ของเราได้ดำเนินการเปลี่ยนแปลงเพื่อให้ทีมมีประสิทธิภาพ และทำงานได้ดียิ่งขึ้น และนำทรัพยากรไปใช้ในผลิตภัณฑ์ที่มีความสำคัญที่สุด” โฆษกของกูเกิลระบุในแถลงการณ์ […]
Fund Comment ธันวาคม 2566: มุมมองตลาดตราสารหนี้
มุมมองตลาดตราสารหนี้ ในเดือนธ.ค. อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยปรับลดลงทุกช่วงอายุประมาณ 0.10% – 0.30% จากเดือนก่อน ยังคงเป็นการเคลื่อนไหวในทิศทางเดียวกับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ อายุ 10 ปีที่ปรับลดลงกว่า 0.45% มาอยู่ที่ระดับ 3.88% เป็นผลมาจากตลาดตราสารหนี้ที่ให้น้ำหนักต่อการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) เร็วขึ้นเป็นภายในช่วงไตรมาสแรกของปี 2024 ประกอบกับตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ออกมาในเดือนธ.ค.ยังส่งสัญญาณที่ชะลอตัวลง โดยเฉพาะอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ประจำเดือนพ.ย.ที่ลดลงอย่างต่อเนื่องมาอยู่ที่ 3.1% จาก 3.2% ในเดือนก่อน และการรายงานตัวเลขประมาณการครั้งที่ 3 ของเศรษฐกิจสหรัฐฯ (GDP) ในไตรมาส 3 ที่ขยายตัว 4.9% ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 5.1% ขณะที่ปัจจัยภายในประเทศ ตลาดเริ่มให้น้ำหนักต่อโอกาสที่ธปท.อาจจะผ่อนคลายนโยบายการเงินในปี 2024 มากขึ้น หลังอัตราเงินเฟ้อของไทยในเดือนพ.ย.ยังคงปรับลดลงมาอยู่ที่ -0.44% เป็นระดับติดลบต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกันจากมาตรการลดค่าครองชีพต่างๆ ของภาครัฐ สำหรับผลการประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงินของสหรัฐฯ ในเดือนธ.ค.ที่ผ่านมา มีมติเป็นเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 5.25% […]
Fund Comment พฤศจิกายน 2566: มุมมองตลาดตราสารหนี้
มุมมองตลาดตราสารหนี้ ในเดือนพ.ย. อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยปรับลดลงทุกช่วงอายุประมาณ 0.05% – 0.40% จากเดือนก่อน เป็นการเคลื่อนไหวในทิศทางเดียวกับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ อายุ 10 ปีที่ปรับลดลงกว่า 0.60% ในเดือนพ.ย.มาอยู่ที่ระดับ 4.32% โดยตลาดตราสารหนี้ได้รับปัจจัยบวกจากการส่งสัญญาณของธนาคารกลางสหรัฐฯ ที่ส่งสัญญาณถึงการสิ้นสุดวัฏจักรการขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในรอบนี้ ประกอบกับตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ออกมาในเดือนพ.ย.ส่งสัญญาณที่ชะลอตัวลง ทั้งตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรที่ต่ำกว่าคาดการณ์ และอัตราเงินเฟ้อเดือนต.ค.ที่ลดลงมาอยู่ที่ 3.2% จาก 3.7% ในเดือนก่อน ส่งผลให้ตลาดเริ่มให้น้ำหนักที่ FED อาจปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายภายในครึ่งปีแรกของปี 2024 ขณะที่ปัจจัยภายในประเทศที่ตลาดมีความกังวลเรื่องปริมาณพันธบัตรรัฐบาลที่จะเพิ่มขึ้นจากมาตรการแจกเงินดิจิตอลของรัฐบาลได้ผ่อนคลายลง หลังมีการปรับหลักเกณฑ์เงื่อนไขมาตรการใหม่ ทำให้จะใช้วงเงินงบประมาณลดลงเหลือ 500,000 ล้านบาท และรัฐบาลมีแผนที่จะนำเรื่องดังกล่าวเข้าพิจารณาผ่านรัฐสภา ซึ่งจะทำให้มาตรการดังกล่าวมีผลบังคับใช้ล่าช้าออกไปจากแผนเดิม สำหรับผลการประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ของไทยในวันที่ 29 พ.ย.มีมติเอกฉันท์คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 2.50% โดยกนง.ประเมินภาพรวมเศรษฐกิจไทยยังอยู่ในทิศทางการฟื้นตัว แต่ภาคการส่งออกอาจจะชะลอตัวลงตามภาวะเศรษฐกิจโลก พร้อมปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในปี 2023 และ 2024 ลงเหลือ +2.4% และ +3.2% […]
Fund Comment พฤศจิกายน 2566: ภาพรวมตลาดหุ้น
ตลาดหุ้นโลกในเดือนพฤศจิกายนกลับเข้ามาสู่โหมด Risk on อีกครั้ง โดยตลาดโดยเฉลี่ยปรับตัวขึ้นกว่า 9.4% หลังจากการประกาศผลการประชุมเฟดในช่วงต้นเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ได้มีมติคงดอกเบี้ยติดต่อกันเป็นครั้งที่สอง ซึ่งเป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ ในขณะเดียวกัน คำแถลงการณ์ของเฟดในครั้งนี้มีโทนที่เข้มงวดน้อยลง ส่งผลให้ตลาดคาดการณ์ว่า อัตราดอกเบี้ยในปัจจุบันน่าจะเป็นจุดสูงที่สุดแล้ว และมีโอกาสปรับตัวลดลงหลังจากกลางปี 2567 เป็นต้นไป ส่งผลให้ตลาดมีมุมมองเชิงบวกต่อสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลกมากขึ้น ในขณะเดียวกัน ตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ที่ประกาศออกมาระหว่างเดือนชะลอตัวลง ตัวเลข ISM ภาคการผลิตในเดือนตุลาคมอยู่ที่ 46.7 ปรับตัวลดลงจากเดือนก่อนหน้าที่ 49 ส่วนตัวเลขเงินเฟ้อทั่วไปของสหรัฐฯ ในเดือนตุลาคมปรับตัวเพิ่มขึ้น 3.2% และตัวเลขเงินเฟ้อพื้นฐานปรับตัวเพิ่มขึ้น 4% จากปีก่อนหน้า โดยตัวเลขที่ออกมาอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าการคาดการณ์ของตลาด เป็นสัญญาณที่ดีว่าเงินเฟ้อสหรัฐฯ อาจจะลดลงสู่ระดับเป้าหมายของเฟดได้เร็วกว่าที่คาดไว้เดิม ทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตร 10 ปีของสหรัฐฯ ลดลงจากที่เคยขึ้นไปแตะ 5% มาอยู่ที่ระดับต่ำกว่า 4.2% ซึ่งเป็นแรงหนุนให้กับบรรยากาศการลงทุนทั่วโลกต่อจากนี้ ในฝั่งตลาดหุ้นไทยในเดือนพฤศจิกายนปรับตัวสวนทางกับตลาดโลก ติดลบ 0.1% โดยตลาดมีความกังวลต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนที่มีผลต่อตลาดไทยมากกว่า ความไม่แน่นอนของมาตรการดิจิทัลวอลเล็ต รวมทั้งตัวเลขนักท่องเที่ยวจีนที่เข้ามาไทยต่ำกว่าคาด แม้จะมีมาตรการฟรีวีซ่าให้ชาวจีนก็ตาม […]
Fund Comment
Fund Comment ธันวาคม 2566: ภาพรวมตลาดหุ้น
ตลาดหุ้นโลกในเดือนธันวาคมปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตลาดปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่า 4.8% จากเดือนที่มา โดยได้รับแรงหนุนจากผลการประชุมของเฟดที่คงดอกเบี้ยติดต่อกันเป็นครั้งที่ 3 นอกจากนี้ยังมีการปรับลด Dot Plot ลงจากการประชุมครั้งก่อนหน้า โดยได้คาดการณ์ว่าในปี 2567 อัตราดอกเบี้ยคาดการณ์จะอยู่ที่ 4.6% ลดลงจากเดิมที่ 5.1% และในปี 2568 จะปรับลดลงเหลือ 3.6% จากเดิมที่ 3.9% ส่งผลให้สินทรัพย์เสี่ยงปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับภาพเศรษฐกิจของสหรัฐฯมีทิศทางในเชิงบวก หลังจากที่เงินเฟ้อมีการชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่อง และคาดว่าเศรษฐกิจในปี 2566 จะมีการชะลอตัวลงแบบ Soft Landing ซึ่งดีกว่าที่ตลาดเคยกังวลในช่วงก่อนหน้า ในทางกลับกันตลาดหุ้นในฝั่งเอเซียนำโดยตลาดจีนปรับตัวลดลงในเดือนธันวาคม จากความกังวลต่อภาพของเศรษฐกิจที่ยังไม่เห็นสัญญาณการฟื้นตัว โดยล่าสุดทาง Moody’s ได้ออกมาลดลงมุมมองของอันดับความน่าเชื่อถือของจีนลงสู่ระดับ Negative เนื่องจากปริมาณหนี้มหาศาลในจีน ประกอบกับความเสี่ยงทางเศรษฐกิจและภาคอสังหาริมทรัพย์ ที่จะส่งผลกระทบต่อการเติบโตของประเทศในระยะกลางถึงระยะยาว ทำให้มีโอกาสเห็นทางรัฐบาลกลางจะออกมาสนับสนุนทางการเงินอย่างการออกตราสารหนี้ให้กับรัฐบาลท้องถื่นมากขึ้น เพื่อสนับสนุนความเข้มแข็งทางการคลังของประเทศในอนาคต นอกจากนี้ยังมีประเด็นที่ทางภาครัฐบางจีนกลับมาคุมเข้มอุตสาหกรรมเกมออนไลน์อีกครั้ง ด้วยปัจจัยข้างต้นจึงทำให้ตลาดหุ้นจีนได้รับ Sentiment เชิงลบอย่างต่อเนื่อง ภาพรวมแล้วตลาดหุ้นโลกในปี 2566 ถือเป็นปีที่ให้ผลตอบแทนได้ดี โดยดัชนี […]