อินเดียลุยซื้อน้ำมันรัสเซียราคาถูกตุนต่อเนื่อง ขณะที่จีนเตรียมซื้อเพิ่มเป็นรายต่อไป

อินเดียลุยซื้อน้ำมันรัสเซียราคาถูกตุนต่อเนื่อง ขณะที่จีนเตรียมซื้อเพิ่มเป็นรายต่อไป

ขณะนี้เห็นสัญญาณว่ารัสเซียส่งมอบน้ำมันให้อินเดียเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ นับตั้งแต่เดือนมีนาคม หลังจากรัสเซียโจมตียูเครน และมีแนวโน้มว่าอินเดียจะซื้อน้ำมันราคาถูกมากขึ้นอีกจากรัสเซีย ส่วนจีน ซึ่งเป็นผู้ซื้อน้ำมันรัสเซียรายใหญ่อันดับ 2 ก็คาดว่าจะซื้อน้ำมันจากรัสเซียมากขึ้นในราคาที่มีส่วนลดเพิ่มขึ้น ซึ่งแนวโน้มนี้อาจหมายถึงราคาน้ำมันดิบที่จะสูงขึ้นในอนาคต ประเทศผู้นำเข้าน้ำมันหลักๆ อย่างอินเดียและจีน เผชิญกับราคาน้ำมันดิบที่สูง เนื่องจากราคาเพิ่มขึ้นตั้งแต่ปีที่ผ่านมา ขณะที่ราคาน้ำมันมีความผันผวนในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา แกว่งตัวทั้งขาขึ้นและขาลง แต่ก็ยังสูงขึ้นถึง 80% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า “เราเชื่อว่าจีน และอินเดียจะเดินหน้าซื้อน้ำมันดิบรัสเซียที่มีส่วนลดอย่างหนัก” Matt Smith หัวหน้านักวิเคราะห์น้ำมัน ของ Kpler กล่าว สิ่งที่เกิดขึ้นนี้แสดงให้เห็นถึงความแตกต่างจากวาทศิลป์ที่ประเทศมหาอำนาจของโลกและบริษัทต่างๆ บอกว่าจะละทิ้งจากน้ำมันรัสเซีย เนื่องจากการทำสงครามที่ไร้เหตุผลกับยูเครน ขณะที่สหรัฐฯ โจมตีรัสเซียด้วยการคว่ำบาตรด้านพลังงาน ส่วนอังกฤษก็มีแผนที่จะทำเช่นนั้นภายในสิ้นปีนี้ ด้านสหภาพยุโรปก็กำลังพิจารณาทำเช่นเดียวกัน สำนักงานพลังงานระหว่างประเทศ ระบุว่า การคว่ำบาตรนี้ทำให้เกิดช่องว่างในตลาด รัสเซียพบว่ามีน้ำมันดิบส่วนเกินที่ไม่สามารถขายได้ และมีการนำน้ำมันดิบอูราล ซึ่งเป็นน้ำมันผสมหลักที่รัสเซียส่งออก มาเสนอขายในราคาที่มีส่วนลดแบบเป็นประวัติการณ์ แต่การนำเข้าก็ยังมีจำกัด เนื่องจากผู้นำเข้าน้ำมันในเอเชียส่วนใหญ่จะยึดติดกับคู่ค้ารายดั้งเดิมในตะวันออกกลาง ละตินอเมริกา และแอฟริกา ที่มา : CNBC

BBLAM Weekly Investment Insights 28 มีนาคม – 1 เมษายน 2022

BBLAM Weekly Investment Insights 28 มีนาคม – 1 เมษายน 2022

INVESTMENT STRATEGY รัฐบาลจีนเคลียร์หมดทุกความกังวลของนักลงทุน ขณะที่ปัจจัยบวกสำหรับหุ้นจีนก็มีรออยู่  คุณมทินา วัชรวราทร CFA® Head of Investment Strategy จาก BBLAM สรุปสถานการณ์ที่มีผลกับตลาดหุ้นจีนว่า ช่วงที่ผ่านมาคณะกรรมการดูแลเสถียรภาพทางการเงิน หรือ FSB ที่มีรองนายกรัฐมนตรี Liu He เป็นประธาน มีการประชุมนัดพิเศษ หลังตลาดหุ้นถูกเทขาย โดยเฉพาะ ETF หุ้นเทคโนโลยีจีน โดยภายหลังประชุมก็เรียกความเชื่อมั่นให้ตลาดหุ้นจีนได้มากเลยทีเดียว เพราะได้จัดการความกังวลที่นักลงทุนมีไปทุกเรื่อง สะท้อนให้เห็นว่ารัฐบาลจีน มีความเข้าใจและพร้อมสนับสนุนตลาดการเงิน ประเด็นที่ช่วงจีนแก้ปัญหาความคาใจของนักลงทุนไป ความกังวลที่บริษัทจีนที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ อาจถูกเพิกถอนจากตลาด เพราะหากเกิดขึ้นจริงแล้วต้องทำการแลกหุ้นเพื่อไปลงทุนหุ้นจีนนั้นต่อในตลาดหุ้นฮ่องกง จะมีนักลงทุนสถาบันส่วนน้อยมากๆ ที่สามารถตามไปลงทุนต่อได้ เพราะถ้าเป็นกองทุนที่มีนโยบายลงทุนได้แต่หุ้นในสหรัฐฯ ก็ต้องเทขายหุ้นเหล่านี้ออกมาทั้งหมด แต่เรื่องนี้นายกรัฐมนตรีจีนย้ำว่า ยังสนับสนุนบริษัทจีนที่จดทะเบียนในต่างประเทศ และมีการคุยกับฝั่งสหรัฐฯ เพื่อหาทางออกสำหรับบริษัทจีนที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ อยู่นอกจากนี้ยังแก้ปัญหาความกังวลเรื่องการจัดระเบียบบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ของจีน โดยย้ำว่า จะจัดระเบียบบิ๊กเทคฯ ให้เสร็จสิ้นโดยเร็วที่สุด อีกทั้งกฎระเบียบบริษัทแพลตฟอร์มอินเทอร์เน็ตควรมีมาตรฐาน โปร่งใส และคาดการณ์ได้ ความกังวลเรื่อง Zero Covid Policy หรือการที่จีนยังคงใช้มาตรการควบคุมโควิดโดยมีเป้าหมายไม่ให้มีผู้ติดเชื้อ […]

ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 25 มี.ค. 2565 ปิดตลาดที่ 1,676.80 จุด ลดลง 4.09 จุด

ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 25 มี.ค. 2565 ปิดตลาดที่ 1,676.80 จุด ลดลง 4.09 จุด

ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 25 มี.ค. 2565 ปิดตลาดที่ 1,676.80 จุด ลดลง 4.09 จุด (-0.24%) ระหว่างวัน ดัชนีสูงสุดที่ 1,685.41 จุด และต่ำสุดที่ 1,674.12 จุด มูลค่าการซื้อขาย 62,111.49 ล้านบาท หลักทรัพย์ที่มีการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับ ได้แก่ 1.PTTGC ปิดที่ 51.50 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง มูลค่าการซื้อขาย 1,619.21 ลบ. 2.CPALL ปิดที่ 64.25 บาท ลดลง 0.25 บาท (-0.39%) มูลค่าการซื้อขาย 1,617.53 ลบ. 3.PTTEP ปิดที่ 151.50 บาท ลดลง 2.50 […]

เงินลงทุนเริ่มไหลกลับเข้าหุ้นเทคแล้ว หลังจากไหลออกช่วง 2 เดือนแรก

เงินลงทุนเริ่มไหลกลับเข้าหุ้นเทคแล้ว หลังจากไหลออกช่วง 2 เดือนแรก

นักลงทุนเริ่มกลับมาสนใจซื้อกองทุนหุ้นเทคโนโลยีอีกครั้ง โดยพบว่า มีเงินลงทุนไหลกลับเข้ามาลงทุนเพิ่มขึ้น ท่ามกลางแรงกดดันเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น และการเทขายพันธบัตรผลักดันให้นักลงทุนเข้าไปมองหากลุ่มธุรกิจที่มองว่าทั้งมีราคาถูกและมีความยืดหยุ่น จากข้อมูลของ Refinitiv พบว่า มีเงินลงทุนไหลเข้ามาในกองทุนหุ้นเทคโนโลยีประมาณ 2,550 ล้านดอลลาร์สหรัฐ นับตั้งแต่วันที่ 16 มีนาคม 2022 หลังจากที่เงินไหลออกไป 6,860 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในช่วง 2 เดือนแรกของปีนี้ “หุ้นเทคฯ ยังไม่เห็นการปรับตัวลดลงของปัจจัยพื้นฐาน ดังนั้นการปรับขึ้นครั้งนี้เป็นการฟื้นตัวหลังจากนักลงทุนที่ระมัดระวังมาก คาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) จะใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดเร็วเกินไป และเมื่อมองไปข้างหน้า ฤดูกาลประกาศผลการดำเนินงานไตรมาสแรกก็จะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้าแล้ว ซึ่งหนึ่งในกลุ่มที่ถูกคาดหวังว่าผลการดำเนินงานจะโดดเด่นคือกลุ่มเทคฯ เนื่องจากรายได้ในช่วงการแพร่ระบาด” Amanda Agati ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุนของ PNC Asset Management Group กล่าว ที่มา : Reuters

รัสเซียเล็งขายน้ำมันและก๊าซรับเป็นบิทคอยน์ท่ามกลางมาตรการฝั่งตะวันตกที่รุนแรงขึ้น

รัสเซียเล็งขายน้ำมันและก๊าซรับเป็นบิทคอยน์ท่ามกลางมาตรการฝั่งตะวันตกที่รุนแรงขึ้น

รัสเซียเผชิญกับการคว่ำบาตรที่รุนแรงขึ้นจากประเทศฝั่งตะวันตก จากกรณีการรุกรานยูเครน ทำให้รัสเซียกำลังพิจารณาที่จะรับชำระเงินด้วยบิทคอยน์สำหรับการส่งออกน้ำมันและก๊าซ Pavel Zavalny ประธานคณะกรรมการที่ดูแลด้านพลังงานของรัสเซีย กล่าวว่า สำหรับประเทศที่เป็นมิตรกับรัสเซีย เช่น จีน หรือตุรกี รัสเซียยินดีที่จะมีความยืดหยุ่นมากขึ้นในทางเลือกการชำระเงิน โดยพร้อมรับทั้งสกุลเงินท้องถิ่นของผู้ซื้อ เช่นเดียวกับบิทคอยน์ ที่ได้รับการพิจารณาให้เป็นทางเลือกอื่นสำหรับการชำระเงินค่าส่งออกพลังงานของรัสเซีย Zavalny กล่าวว่า ก่อนหน้านี้เราเสนอให้จีนเปลี่ยนมาชำระบัญชีด้วยสกุลเงินประจำชาติ ระหว่างรูเบิลและหยวน ส่วนตุรกี ก็จะซื้อขายด้วยสกุลเงินลีรากับรูเบิล นอกจากนี้ก็ยังสามารถซื้อขายกันด้วยบิทคอยน์ได้ ราคาบิทคอยน์ปิดเพิ่มขึ้น 4% ใน 24 ชั่วโมง เป็น 44,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อ 1 เหรียญบิทคอย์ ขณะที่ราคาคริปโทเคอร์เรนซี เพิ่มขึ้นในรอบเวลาเดียวกัน หลังข่าวนี้ออกมา ที่มา : CNBC

ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 24 มี.ค. 2565 ปิดตลาดที่ 1,680.89 จุด เพิ่มขึ้น 2.94 จุด

ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 24 มี.ค. 2565 ปิดตลาดที่ 1,680.89 จุด เพิ่มขึ้น 2.94 จุด

ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 24 มี.ค. 2565 ปิดตลาดที่ 1,680.89 จุด เพิ่มขึ้น 2.94 จุด (+0.18%) ระหว่างวัน ดัชนีสูงสุดที่ 1,685.12 จุด และต่ำสุดที่ 1,675.19 จุด มูลค่าการซื้อขาย 66,566.59 ล้านบาท หลักทรัพย์ที่มีการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับ ได้แก่ 1.PTT ปิดที่ 39.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท (+0.64%) มูลค่าการซื้อขาย 3,018.09 ลบ. 2.PTTEP ปิดที่ 154.00 บาท เพิ่มขึ้น 2.00 บาท (+1.32%) มูลค่าการซื้อขาย 2,767.98 ลบ. 3.KBANK ปิดที่ 159.00 […]

ธุรกิจในยูโรโซนเติบโตแข็งแกร่งกว่าที่คาดในเดือนมีนาคม

ธุรกิจในยูโรโซนเติบโตแข็งแกร่งกว่าที่คาดในเดือนมีนาคม

กิจกรรมของภาคธุรกิจในเขตยูโรโซนในเดือนมีนาคม ยังคงเติบโตแข็งแกร่งกว่าที่คาดการณ์ แม้ว่าราคาปรับเพิ่มขึ้นเป็นประวัติการณ์ จนสร้างแรงกดดันให้ธนาคารกลางยุโรปต้องพิจารณาปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ทั้งนี้การเติบโตของกิจกรรมธุรกิจบางอย่างมาจากการฟื้นตัวหลังยกเลิกมาตรการควบคุมต่างๆ เกี่ยวกับโควิด-19 ส่วนแนวโน้มระยะข้างหน้ายังคลุมเครือ เนื่องจากปัญหาห่วงโซ่อุปทานอันเกิดจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา เลวร้ายลงไปอีกเมื่อเจอสถานการณ์รัสเซียโจมตียูเครน จากข้อมูล Flash Composite Purchasing Managers ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อที่จัดทำโดย S&P Global ซึ่งมักจะถูกใช้เป็นมาตรวัดภาวะเศรษฐกิจโดยรวม ปรับลดลงมาอยู่ที่ 54.5 ในเดือนมีนาคม จากที่อยู่ในระดับ 55.5 ในเดือนกุมภาพันธ์ แต่ยังอยู่เหนือค่าเฉลี่ยกลางจากผลสำรวจของ Reuters ซึ่งอยู่ที่ 53.9 และค่าดัชนีที่เกิน 50.0 แปลว่า ยังมีการเติบโตอยู่ “ข้อมูลผลสำรวจเน้นย้ำว่า สงครามรัสเซีย-ยูเครน มีผลกระทบโดยฉับพลันต่อเรื่องวัตถุดิบ และกระทบเศรษฐกิจของยูโรโซน นอกจากนี้ยังทำให้มีความเสี่ยงที่เศรษฐกิจยูโรโซนจะชะลอตัวลงในไตรมาสที่ 2” Chris Williamson หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ธุรกิจของ S&P Global กล่าว ที่มา : Reuters

BBASIC ส่งข่าวดีจ่ายปันผล 0.02 บาท 30 มี.ค. นี้

BBASIC ส่งข่าวดีจ่ายปันผล 0.02 บาท 30 มี.ค. นี้

รายงานข่าวจาก บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม  บัวหลวง  จำกัด   หรือ  BBLAM  เปิดเผยว่า กองทุนเปิดบัวหลวงปัจจัย  4  หรือ  BBASIC  เตรียมจ่ายเงินปันผลครั้งที่  13  สำหรับผลการดำเนินงานระหว่างวันที่ 17 กันยายน 2564  ถึงวันที่ 16 มีนาคม 2565 ในอัตรา 0.02 บาทต่อหน่วยลงทุน โดยกำหนดปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหน่วยลงทุนเพื่อสิทธิในการรับเงินปันผล ในวันที่ 23 มีนาคม 2565 และกำหนดจ่ายเงินปันผล ในวันที่ 30 มีนาคม 2565 สำหรับ BBASIC เป็นกองทุนหุ้นไทย ที่จะเน้นลงทุนในบริษัทที่ทำธุรกิจเกี่ยวข้องกับปัจจัย 4 ได้แก่ อาหาร ที่อยู่อาศัย เครื่องนุ่มห่ม และยารักษาโรค ที่มีปัจจัยพื้นฐานที่ดี มีราคาต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริง หรือมีแนวโน้มการเติบโตทางธุรกิจสูง ที่สำคัญ คือ มีโมเดลธุรกิจที่สามารถก้าวทันต่อการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีและเศรษฐกิจโลก […]

ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 23 มี.ค. 2565 ปิดตลาดที่ 1,677.95 จุด เพิ่มขึ้น 0.08 จุด

ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 23 มี.ค. 2565 ปิดตลาดที่ 1,677.95 จุด เพิ่มขึ้น 0.08 จุด

ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 23 มี.ค. 2565 ปิดตลาดที่ 1,677.95 จุด เพิ่มขึ้น 0.08 จุด ระหว่างวัน ดัชนีสูงสุดที่ 1,686.14 จุด และต่ำสุดที่ 1,676.88 จุด มูลค่าการซื้อขาย 70,229.50 ล้านบาท หลักทรัพย์ที่มีการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับ ได้แก่ 1.KBANK ปิดที่ 158.00 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง มูลค่าการซื้อขาย 2,759.12 ลบ. 2.CPALL ปิดที่ 65.00 บาท ลดลง 1.00 บาท (-1.52%) มูลค่าการซื้อขาย 2,252.06 ลบ. 3.PTTEP ปิดที่ 152.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.50 บาท […]

สถานการณ์ผันผวนสะเทือนพอร์ต Rebalance ช่วยได้

สถานการณ์ผันผวนสะเทือนพอร์ต Rebalance ช่วยได้

สรุปความสัมภาษณ์ เสกสรร โตวิวัฒน์ CFP® ปีนี้เป็นปีที่ยากสำหรับการลงทุนจริงๆ เนื่องจากเต็มไปด้วยความผันผวนเนื่องจากสถานการณ์ของไวรัสโควิด-19 ที่ยังมีต่อเนื่อง รวมทั้งความไม่แน่นอนของปัจจัยเรื่องอัตราดอกเบี้ย อัตราเงินเฟ้อ ที่จะทำให้หลายๆ ประเทศมีการจัดการและการบริหารเศรษฐกิจที่แตกต่างกัน แต่ใครจะคาดคิดว่าจะมีความผันผวนจากปัจจัยอื่นๆ ที่ไม่คาดคิดมาก่อน อย่างสงครามรัสเซีย-ยูเครน ซึ่งดูจะมีผลกระทบมาก แม้เราคาดหวังว่าสิ่งที่เกิดขึ้นจะไม่ลุกลามไปมากกว่านี้ แต่ว่าใครจะรู้ได้ โดยเชื่อว่าแม้การเจรจาที่เกิดขึ้น หากประสบความสำเร็จ สงครามก็จะยุติลง แต่สิ่งที่จะทิ้งไว้คือ ทำให้เกิดความตื่นตัว ความไม่แน่นอน ความไม่ไว้ใจกันทางการเมืองระหว่างประเทศ ซึ่งจะเป็นประเด็นสำคัญที่จะทำให้รูปแบบเศรษฐกิจ การเจรจาการค้าขายระหว่างกันมีความยากมากขึ้น ความผันผวนเป็นสิ่งที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น และในแง่การลงทุน เราพยายามบริหารจัดการกระจายการลงทุน กระจายความเสี่ยง แต่เวลาเกิดเหตุการณ์ค่อนข้างรุนแรง และทำให้มีความไม่แน่นอน คาดเดาได้ยาก อย่างกรณีสงคราม ก็มักมีคำถามเกิดขึ้นเสมอว่าทำอย่างไรดี จะขายหุ้นออกไปก่อนดีหรือไม่ หรือจะลดพอร์ตมาถือเงินสด หรือจะย้ายไปลงทุนทองคำดี สิ่งที่เกิดขึ้นคือ เรามักจะนึกได้หลังเกิดผลพวงความเสียหายกับราคาทรัพย์สินที่ลงทุนแล้ว ไม่ว่าจะเป็นหุ้น หรือหลักทรัพย์อื่นที่มีความเสี่ยงสูง หรือเมื่อมีความสนใจที่จะย้ายไปลงทุนในน้ำมันหรือทองคำ ก็จะเป็นจังหวะที่ราคาสินทรัพย์เหล่านี้พุ่งไปแล้ว สิ่งเหล่านี้คือความยากของการลงทุน คือความเสี่ยงที่เราไม่คาดคิดว่าจะเกิดขึ้น เราไม่รู้ระดับความเสียหาย รวมทั้งความไม่แน่นอนเวลาเกิดสถานการณ์ในช่วงต้นๆ ทำให้การคาดเดาทำได้ยาก และการตัดสินใจของนักลงทุนจะมีทิศทางที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับภาพรวมความเสี่ยงที่ยอมรับได้ […]