สิงคโปร์และอินโดนีเซียเตรียมเปิดไฟเขียวข้ามแดนระหว่างกันเพื่อติดต่อธุรกิจเริ่ม 26 ต.ค. นี้
เดอะ สเตรทไทม์ส รายงานว่า รัฐบาลสิงคโปร์และอินโดนีเซียประกาศร่วมกันว่าจะเปิดช่องทางพิเศษ หรือกรีนเลน เพื่อเปิดทางให้คนของทั้ง 2 ประเทศ เดินทางระหว่างกันได้ สำหรับการเดินทางเพื่อจุดประสงค์ทางธุรกิจและราชการ โดยการยื่นขอจะเริ่มทำได้ตั้งแต่วันที่ 26 ต.ค. นี้เป็นต้นไป สำหรับการยื่นขอนี้ จะเปิดให้สำหรับพลเมืองและผู้ที่อยู่อาศัยในอินโดนีเซียและสิงคโปร์ โดยเป็นการทำข้อตกลงร่วมกันระหว่างทั้ง 2 ประเทศ ซึ่งผู้ที่เดินทางจะต้องมีการดำเนินการตามมาตรการเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 ด้วยการทดสอบตรวจหาเชื้อโควิด-19 ทั้งในช่วง 72 ชั่วโมงก่อนเดินทางเข้าประเทศและหลังเดินทางเข้าประเทศแล้ว ผู้เดินทางจากสิงคโปร์ ที่เป็นพลเมืองหรือผู้ที่พำนักถาวรจะต้องมีรัฐบาลอินโดนีเซียหรือบริษัทเอกชนในอินโดนีเซียเป็นผู้สนับสนุนให้เดินทางจึงจะเข้าเกณฑ์นี้ และต้องยื่นขอวีซ่าผ่านออนไลน์ ส่วนชาวอินโดนีเซียที่จะเดินทางมาสิงคโปร์ก็ต้องมีหน่วยงานรัฐหรือองค์กรในสิงคโปร์เป็นผู้สนับสนุนเช่นกันจึงจะมายื่นขอเดินทางได้ โดยไม่ต้องดำเนินการขอวีซ่า แต่ต้องยื่นขอ เซฟ ทราเวล พาส ซึ่งก็คล้ายๆ กับข้อกำหนดสำหรับผู้มาเยือนจากประเทศอื่น ที่ได้รับอนุญาตให้ผ่านช่องทางพิเศษเข้าสิงคโปร์ได้ ศาสตราจารย์ Teo Yik Ying คณบดีโรงเรียสาธารณสุข Saw Swee Hock มหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์ กล่าวว่า ท่ามกลางจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในอินโดนีเซียที่มีอยู่มาก แต่เศรษฐกิจของทั้ง 2 […]
กองทุนบัวหลวงเสนอขาย IPO “BP7/20 (AI)” วันที่ 14-16 ต.ค.นี้
กองทุนบัวหลวงเสนอขาย IPO ‘กองทุนรวมบัวหลวงธนสารพลัส 7/20 ห้ามขายผู้ลงทุนรายย่อย’ หรือ BP7/20 (AI) ซึ่งเป็นเทอมฟันด์ อายุ 6 เดือน วันที่ 14-16 ตุลาคม 2563 นี้ ลงทุนขั้นต่ำ 500,000 บาท เป็นทางเลือกให้ผู้ลงทุนที่มองหาการลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศ เพื่อโอกาสรับผลตอบแทนที่เหมาะสม รายงานข่าวจาก บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม บัวหลวง จำกัด เปิดเผยว่า กองทุนบัวหลวงเสนอขายหน่วยลงทุนครั้งแรก (IPO) กองทุนรวมบัวหลวงธนสารพลัส 7/20 ห้ามขายผู้ลงทุนรายย่อย หรือ BP7/20 (AI) ระหว่างวันที่ 14-16 ตุลาคม 2563 นี้ โดยเสนอขายในราคา 10 บาทต่อหน่วย และผู้ลงทุนจะต้องจองซื้อครั้งแรกขั้นต่ำ 500,000 บาท กองทุนนี้ เป็นกองทุนที่มีกำหนดอายุโครงการ (เทอมฟันด์) ประมาณ […]
นโยบายของเฟดทำให้มหาเศรษฐียิ่งรวยขึ้น
โดย…ทนง ขันทอง นโยบายการเงินของ US Federal Reserve หรือธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ทำให้มหาเศรษฐียิ่งรวยขึ้น ส่วนผู้ที่มีรายได้น้อย หรือคนที่ไม่ได้ถือครองทรัพย์สินทางการเงินแทบที่จะไม่ได้อะไรเลยจากการฟื้นตัวของตลาดการเงินในช่วงนี้ เฟดไม่เคยเพิ่มปริมาณเงินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างนี้มาก่อนในประวัติศาสตร์การเงิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในไตรมาสที่ 2 ที่ผ่านมาที่มีการปั๊มเม็ดเงินอย่างมหาศาลประมาณ 3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ผลก็คือเกิดการฟื้นตัวของเศรษฐกิจแบบ “K” (K-shaped recover) หรือการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจากภาวะถดถอยที่ในอัตราที่ต่างกัน และขนาดไม่เท่ากันในส่วนต่างๆ แต่เป็นที่ชัดเจนว่าผู้ที่มีเงินลงทุนในทรัพย์สินทางการเงิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งมหาเศรษฐียิ่งจะมีความมั่งคั่งเพิ่มขึ้น ยูบีเอส และพีดับบลิวซี ได้ออกรายงานร่วมกันว่า ความมั่งคั่งของมหาเศรษฐีระดับพันล้านดอลลาร์สหรัฐขึ้นไปจำนวน 2,189 คน จากทั่วโลกได้เพิ่มขึ้นรวมกันเป็น 10.2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ เทียบกับ 8.9 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2017 การเพิ่มปริมาณเงินของธนาคารกลางมีผลทำให้ทรัพย์สินทางการเงิน โดยเฉพาะหุ้นมีราคาสูงขึ้น เนื่องจากสภาพคล่องที่ล้นจะไหลของตลาดหุ้นเป็นสำคัญ ทำให้เศรษฐีที่รวยหุ้นอยู่แล้ว ยิ่งจะรวยขึ้นไปอีก บลูมเบิร์ก ได้รายงานข้อมูลของเฟดที่ระบุว่า คนรวยอเมริกัน 1% ของประชากรทั้งหมดมีทรัพย์สินรวมกัน 34.2 […]
ฟินเทค ใน B-FUTURE
ฟินเทค คือ อะไร เทคโนโลยีทางการเงิน (ฟินเทค) กำลังสร้างความเปลี่ยนแปลงกับระบบเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมการเงินโลก นอกเหนือจากการประยุกต์ระบบสื่อสารออนไลน์มาใช้กับธุรกิจแล้ว ยังเป็นการ Disrupt ซึ่งหมายถึงเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภคจากแบบเดิมไปสู่สิ่งใหม่ กระแสคำว่าฟินเทคเกิดขึ้นเพราะการมาของสตาร์ทอัพบริษัทสายเทคโนโลยีเข้ามาเปลี่ยนโฉมอุตสาหกรรมการเงินได้อย่างรวดเร็ว และเป็นแรงผลักดันให้สถาบันการเงินอย่างธนาคารต้องเร่งคิดค้นเทคโนโลยีใหม่ๆ ยกตัวอย่างเช่น TransferWise เป็นสตาร์ทอัพบริการการโอนเงินข้ามประเทศ ช่วยให้โอนเงินข้ามประเทศได้เร็วกว่า และค่าธรรมเนียมถูกกว่าใช้บริการเคาท์เตอร์ของสถาบันการเงินต่างๆ กล่าวได้ว่า ฟินเทคก่อให้เกิดตลาดใหม่อันเกิดจากการเชื่อมกันระหว่างด้านการเงินและเทคโนโลยี เป็นส่วนผสมของกระบวนการดั้งเดิมในเรื่องทางการเงินไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของ เงินทุนหมุนเวียน ซัพพลาย เชน กระบวนการชำระเงิน การฝาก/ถอน ประกันชีวิต การบริหารความมั่งคั่ง และอื่นๆ แต่แทนที่จะเป็นโครงสร้างการทำธุรกรรมแบบเดิมก็มีการนำเทคโนโลยีมาปรับใช้เพื่อให้เกิดความสมบูรณ์แบบและสะดวกต่อผู้ใช้งานมากขึ้น ทำไมต้องฟินเทค ทุกอุตสาหกรรมได้รับผลกระทบจาก Digitalization และ E-commerce เช่น ค้าปลีกที่ผู้บริโภคมีการบริโภคออนไลน์มากขึ้น อุตสาหกรรมบันเทิง เช่น การดูหนัง ฟังเพลง ผ่านช่องทางดิจิทัล เป็นต้น ด้านการเงินก็เช่นกัน ระบบการเงินแบบออนไลน์มีบทบาทมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด แต่นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงที่จะมีผลกระทบอย่างมากต่ออุตสาหกรรมการเงินในอนาคต อุตสาหกรรมการเงินมีแนวโน้มตอบสนองต่อนวัตกรรมใหม่ๆ ต่างจากอุตสาหกรรมอื่น กล่าวคือ ผู้บริโภคมีแนวโน้มปรับตัวช้ากว่าอุตสาหกรรมอื่น เช่น […]
ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 9 ต.ค. 2563 ปิดตลาดที่ 1,267.14 จุด ลดลง 7.69 จุด
ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 9 ต.ค. 2563 ปิดตลาดที่ 1,267.14 จุด ลดลง 7.69 จุด หรือ -0.60% โดยระหว่างวันสูงสุดที่ 1,280.81 จุด ต่ำสุดที่ 1,264.24 จุด มูลค่าการซื้อขาย 51,301.07 ล้านบาท หลักทรัพย์ที่มีการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับได้แก่ 1.NRF ปิดที่ 6.05 บาท เพิ่มขึ้น 1.45 บาท มูลค่าการซื้อขาย 6,031.15 ลบ. 2.NER ปิดที่ 3.88 บาท เพิ่มขึ้น 0.52 บาท มูลค่าการซื้อขาย 2,072.67 ลบ. 3.TASCO ปิดที่ 15.00 บาท ลดลง -0.90 […]
Cash is King or Cash is Trash
โดย…ชัชวาล สิมะธัมนันท์ ในอดีต คำว่า “Cash is king” ถ้าแปลตรงตัว คือ เงินสด คือ พระราชา หรือที่เราได้ยินกันบ่อยๆ คือ เงินสด คือ พระเจ้า มักจะใช้พูดถึงเวลาบริษัทประสบปัญหาทางการเงิน โดยเฉพาะยามวิกฤต ที่หลายๆ บริษัท หรือบุคคลทั่วไปก็ตาม ขาดเงินสด หรือภาษาทางการ คือ ขาดสภาพคล่องทางการเงิน ไม่มีเงินสดที่เพียงพอไว้ใช้จ่ายหมุนเวียน ซึ่งมีสาเหตุมาจากกำไรลดลงหรือขาดทุน มีหนี้สินที่ครบกำหนด ดอกเบี้ยต้องจ่ายคืน จะขอกู้เงินใหม่ก็ยาก ผลกระทบจากการขาดสภาพคล่องนั้นอาจรุนแรงจนทำให้ต้องขายทรัพย์สิน เพื่อนำเงินสดมาใช้ในการดำเนินงานของกิจการ หรือเพื่อการชำระหนี้ เพื่อหลีกเลี่ยงการล้มละลาย หากกิจการไหนไม่สามารถหาเงินสดมาได้ ก็คงต้องล้มละลายหรือปิดกิจการไป ดังนั้น การมีเงินสดในมือ หรือการจัดการกระแสเงินสดที่ดี ทำให้สามารถผ่านช่วงวิกฤต และเป็นโอกาสดีที่กิจการสามารถซื้อของถูก ไม่ว่าจะเป็น สินทรัพย์ ที่ดิน โรงงาน สิ่งปลูกสร้าง เครื่องจักร และอุปกรณ์ต่างๆ จากคู่แข่ง […]
ผลสำรวจระบุ 9 ใน 14 ประเทศ มีมุมมองเชิงลบกับจีนเพิ่มขึ้นหลังโควิด-19 ระบาด
ซีเอ็นบีซี รายงานว่า สำนักวิจัยพิว เปิดเผยผลสำรวจล่าสุด พบว่า นานาชาติมีมุมมองเชิงลบกับประเทศจีนมากขึ้น โดยในการสำรวจครั้งนี้เป็นครั้งแรกในรอบมากกว่า 10 ปีที่สำรวจแล้วพบว่ามุมมองเชิงลบต่อจีนสูงที่สุด จากการสำรวจ 14 ประเทศ พบว่า มีถึง 9 ประเทศที่มีมุมมองเชิงลบต่อจีนสูง ได้แก่ ออสเตรเลีย อังกฤษ เยอรมนี เนเธอร์แลนด์ สวีเดน สหรัฐฯ เกาหลีใต้ สเปน และแคนาดา สำหรับอีก 5 ประเทศที่ร่วมตอบแบบสำรวจด้วย คือ เบลเยียม เดนมาร์ก ฝรั่งเศส อิตาลี และญี่ปุ่น โดยการสำรวจนี้จัดทำขึ้นระหว่างวันที่ 10 มิ.ย.-3 ส.ค. ที่ผ่านมา โดยมีผู้ร่วมตอบแบบสอบถาม 14,276 คน มุมมองเชิงลบนั้นเพิ่มมากที่สุดในออสเตรเลีย โดย 81% ของผู้ตอบแบบสอบถามมองจีนไม่ดี เพิ่มขึ้น 24% จากปีที่แล้ว […]
ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 8 ต.ค. 2563 ปิดตลาดที่ 1,263.71 จุด เพิ่มขึ้น 13.56 จุด
ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 8 ต.ค. 2563 ปิดตลาดที่ 1,274.83จุด เพิ่มขึ้น 11.12 จุด หรือ 0.88% โดยระหว่างวันสูงสุดที่ 1,282.65 จุด ต่ำสุดที่ 1,269.50 จุด มูลค่าการซื้อขาย 56,012.52 ล้านบาท หลักทรัพย์ที่มีการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับได้แก่ 1.DELTA ปิดที่ 195.50 บาท เพิ่มขึ้น 16.50 บาท มูลค่าการซื้อขาย 1,931.33 ลบ. 2.PTT ปิดที่ 33.00 บาท ปิดไม่เปลี่ยนแปลง มูลค่าการซื้อขาย 1,849.42 ลบ. 3.CRC ปิดที่ 27.75 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท มูลค่าการซื้อขาย 1,507.46 […]
จีนต้องใช้เงินมากกว่า 5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อเป้าหมายปลอดการปล่อยคาร์บอนปี 2060
สำนักข่าวรอยเตอร์ส รายงานว่า Wood Mackenzie หรือ Woodmac บริษัทที่ปรึกษา ออกมาคาดการณ์ว่า การที่จีนตั้งเป้าหมายว่าจะไม่มีการปล่อยก๊าซคาร์บอนเลยในปี 2060 คาดว่าจะต้องใช้เงินลงทุนไม่ต่ำกว่า 5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยในจำนวนนี้รวมถึงการเพิ่มกำลังผลิตไฟฟ้าหมุนเวียนด้วย ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน กล่าวไว้เมื่อเดือน ก.ย. ว่า จะบรรลุเป้าหมายปลอดก๊าซคาร์บอนภายในปี 2060 ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่ประเทศผู้ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์รายใหญ่ที่สุดในโลกมุ่งมั่นที่จะยุติการสนับสนุนนี้ซึ่่งมีส่วนทำให้เกิดภาวะโลกร้อน การที่จีนให้คำมั่นนี้ถือเป็นโครงการลดภาวะโลกร้อนขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีการให้คำมั่นมา กลุ่มวิจัยติดตามการดำเนินการเพื่อลดภาวะโลกร้อน กล่าว Woodmac ระบุว่า เพื่อให้จีนไปถึงเป้าหมายนี้ การใช้พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม และการเพิ่มกำลังการเก็บสำรองพลังงานจะต้องเพิ่มขึ้น 11 เท่า เป็น 5,040 กิกะวัตต์ ภายในปี 2050 เมื่อเทียบกับระดับที่มีอยู่ในปี 2020 ขณะที่การผลิตไฟฟ้าจากถ่านหินจะต้องลดลงครึ่งหนึ่ง ในขณะที่ก๊าซจะต้องสิ้นสุดในระดับเดียวกับปี 2019 “ความท้าทายสำคัญในการเปลี่ยนแปลงนี้ไม่ใช่เรื่องการลงทุนหรือขนาดของการเพิ่มกำลังการผลิตพลังงานหมุนเวียน แต่อยู่ที่การเปลี่ยนผ่านทางสังคมที่จะต้องร่วมมือไปด้วย” Prakash Sharma หัวหน้าตลาดและการเปลี่ยนแปลงของ Woodmac […]
Fund Comment
Fund Comment กันยายน 2563 : มุมมองตลาดตราสารหนี้
“แนวโน้มตลาดตราสารหนี้ไทยในระยะต่อไป กองทุนบัวหลวงคาดว่า กนง.จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 0.50% ต่อไปอีกระยะหนึ่ง ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะสั้นปรับตัวได้ในกรอบจำกัด ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะกลางถึงยาวจะยังคงผันผวนตามปัจจัยทั้งในและต่างประเทศ”