อดีตผู้ว่าการธนาคารกลางอังกฤษแนะนำให้นักลงทุนรุ่นใหม่ลงทุนกับความยั่งยืน (Sustainability)

อดีตผู้ว่าการธนาคารกลางอังกฤษแนะนำให้นักลงทุนรุ่นใหม่ลงทุนกับความยั่งยืน (Sustainability)

โดย…ทนง ขันทอง ในช่วงต้นเดือนมิ.ย. ที่ผ่านมา นายมาร์ค คาร์เนย์ อดีตผู้ว่าการธนาคารกลางอังกฤษ ได้ไปร่วมงานสัมมนา Personal Investment Management & Financial Advice Association’s “Virtual Fest” และได้ให้คำแนะนำกับนักลงทุนรุ่นใหม่กลุ่มมิลเลนเนียลว่า ให้เน้นการลงทุนกับบริษัทหรือโครงการที่สนับสนุนความยั่งยืนท่ามกลางการระบาดของโคโรนาไวรัส เขาให้เหตุผลว่า นักลงทุนรุ่นใหม่จะเผชิญกับการปรับเปลี่ยนไปสู่ความยั่งยืน และจะได้รับประโยชน์จากแนวโน้มนี้ ในเมื่อความยั่งยืนเป็นสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้ นักลงทุนรุ่นใหม่ควรที่จะวางท่าทีหรือแนวทางการลงทุนที่สอดคล้องกับทิศทางนี้ ยิ่งเกิดโรคไวรัสระบาด ยิ่งจะทำให้คนทั่วไปหันมาให้ความสนใจกับความยั่งยืนมากยิ่งขึ้น นายคาร์เนย์ สิ้นสุดวาระการเป็นผู้ว่าการธนาคารกลางอังกฤษในเดือนมี.ค. ที่ผ่านมา หลังจากอยู่ในตำแหน่งนี้มาเป็นเวลา 7 ปี ในปัจจุบันนี้ เขารับหน้าที่เป็นทูตพิเศษขององค์การสหประชาชาติในด้านการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ (climate change) นายคาร์เนย์ ให้ความสำคัญกับเรื่องการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศเป็นอย่างมาก ในขณะที่ดำรงตำแหน่งผู้ว่าการธนาคารกลางอังกฤษ เขาออกไปพูดในเวทีสาธารณะ และเวทีประชุมการเงินระหว่างประเทศบ่อยครั้งถึงบทบาทของธนาคารกลาง และหน่วยงานอื่นๆ ในการช่วยตรวจสอบและควบคุมความเสี่ยงของการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ โลกของเรามีอุณหภูมิเฉลี่ยที่ 15 องศาเซลเซียส แต่การพัฒนาอุตสาหกรรมที่ผ่านมา รวมทั้งการปล่อยมลพิษที่เกิดจากการเผาไหม้ของคาร์บอนทำให้โลกมีอุณหภูมิสูงขึ้นเรื่อยๆ เป้าหมายใหญ่ของเรื่องการเปลี่ยนแปลงทางภูมิอากาศที่ทางองค์การสหประชาชาติให้การสนับสนุนผ่านวาระ 2030 […]

ดัชนีหุ้นไทย 23 มิ.ย. 2563 ปิดตลาด 1,356.43 จุด เพิ่มขึ้น 4.25 จุด

ดัชนีหุ้นไทย 23 มิ.ย. 2563 ปิดตลาด 1,356.43 จุด เพิ่มขึ้น 4.25 จุด

ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 23 มิ.ย. 2563 ปิดตลาดที่ 1,356.43 จุด เพิ่มขึ้น 4.25 จุด หรือ +0.31% โดยระหว่างวันสูงสุดที่ 1,361.84 จุด ต่ำสุดที่ 1,351.92 จุด มูลค่าการซื้อขาย  49,101.67 ล้านบาท หลักทรัพย์ที่มีการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับได้แก่ 1.KBANK ปิดที่ 89.00 บาท ลดลง 0.25 บาท (-0.28%) มูลค่าการซื้อขาย 3,644.15 ลบ. 2.CPF ปิดที่ 31.50 บาท ลดลง 0.50 บาท (-1.56%) มูลค่าการซื้อขาย 2,547.05 ลบ. 3.STA ปิดที่ 27.75 บาท ลดลง 1.25 บาท (-4.31%) มูลค่าการซื้อขาย 1,570.10 ลบ. 4.BBL ปิดที่ 106.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท (+0.95%) มูลค่าการซื้อขาย 1,346.87 ลบ. 5.MINT ปิดที่ 20.60 บาท ลดลง 0.10 บาท (-0.48%) มูลค่าการซื้อขาย 1,314.66 ลบ.

สิงคโปร์รุกพัฒนาเงินดิจิทัล หวังลดต้นทุนชำระเงินข้ามพรมแดน เล็งร่วมมือกับจีน   

สิงคโปร์รุกพัฒนาเงินดิจิทัล หวังลดต้นทุนชำระเงินข้ามพรมแดน เล็งร่วมมือกับจีน   

รายงานพิเศษจาก Cointelegraph ระบุว่า Ravi Menon กรรมการผู้จัดการ หน่วยงานกำกับดูแลด้านการเงินแห่งสิงคโปร์ (MAS) ซึ่งเป็นธนาคารกลางของสิงคโปร์เปิดเผยถึงความพร้อมของสิงคโปร์ในการร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับจีนพัฒนาสกุลเงินดิจิทัล เขา เปิดเผยข้อมูลดังกล่าวในการประชุมด้านการเงินที่นครเซี่ยงไฮ้ โดยได้เน้นถึงความก้าวหน้าของจีนในการพัฒนาสกุลเงินดิจิทัล ที่ถูกเรียกว่า หยวนดิจิทัล ขณะที่ สิงคโปร์อยู่ระหว่างการศึกษาเกี่ยวกับเทคโนโลยีบล็อกเชนที่จีนใช้ และกำลังมองหาแนวทางในการร่วมมือกับจีนเพื่อแลกเปลี่ยนความรู้และความเชี่ยวชาญในเรื่องการพัฒนา Menon สรุปว่า เหตุผลในการพัฒนาเงินสกุลดิจิทัลโดยธนาคารกลาง (Central Bank Digital Currency: CBDC)  ในแต่ละประเทศมีวัตถุประสงค์ที่แตกต่างกันไป โดยเป้าหมายหลักของโครงการ CBDC ของสิงคโปร์คือ การลดต้นทุนการชำระเงินข้ามพรมแดน ลดระยะเวลาในการชำระเงิน และเพิ่มความปลอดภัยของธุรกรรม ในงานประชุมดังกล่าว Menon ยังกล่าวถึงโครงการสเตเบิ้ลคอยน์ ลิบรา ของเฟซบุ๊ก โดยระบุว่า ลิบรา เป็นความท้าทายที่ยิ่งใหญ่สำหรับระบบธนาคารกลางโลก แต่โครงการนี้มีความยืดหยุ่นสูง ขณะที่ทีมลิบราเองก็มุ่งมั่นที่จะทำงานอย่างใกล้ชิดกับหน่วยงานกำกับดูแลระดับโลก รายงานพิเศษยังระบุอีกว่า จีนมีแผนสร้างสกุลเงินดิจิทัล เพื่อแข่งกับดอลลาร์สหรัฐ และลิบรา โดยเมื่อเดือน มิ.ย. 2019 ธนาคารกลางของจีนเปิดตัวหยวนดิจิทัล […]

นักลงทุนระดับเงินล้านมีแนวทางการลงทุนอย่างไรในภาวะตลาดหมี (Bear Market)?

นักลงทุนระดับเงินล้านมีแนวทางการลงทุนอย่างไรในภาวะตลาดหมี (Bear Market)?

โดย…ทนง ขันทอง เป็นธรรมดาที่นักลงทุนทั่วไปจะตกอกตกใจในยามตลาดหุ้นซบเซา หรือในภาวะตลาดหมี (Bear Market) และมีแนวโน้มต้องการขายหุ้นออกไปให้หมด ตามคำจำกัดความ ภาวะตลาดหมีเกิดขึ้นเมื่อตลาดหุ้นมีการปรับตัวลง 20% หรือมากกว่า แต่ลุงวอร์เรน บัฟเฟตต์ มีการลงทุนอย่างต่อเนื่องในทุกภาวะตลาด ไม่ว่าจะมีวิกฤติ หรือผันผวนเพียงใด ทำให้ผลตอบแทนที่ลุงบัฟเฟตต์ได้รับเฉลี่ยแล้ว 20% ต่อปี ตลอดระยะเวลา 50 ปีที่ผ่านมา บ่อยครั้งที่นักลงทุนโดยทั่วไปจะตั้งคำถามถึงกลยุทธ์การลงทุนของตัวเอง แม้ว่าจะเชื่อมั่นในตัวเลขในภาวะตลาดหมี แต่มันอดไม่ได้ที่จะมีอารมณ์หวั่นไหวไปกับความผันผวนของตลาด เอลเลน ชาง และรีเบคกา เลค เขียนบทความเรื่อง “เศรษฐีเงินล้านลงทุนในภาวะตลาดหมีอย่างไร” ในสื่อ US News & World Report โดยให้คำแนะนำแนวทางการลงทุนของมหาเศรษฐีในภาวะตลาดหมี เพื่อช่วยให้นักลงทุนทั่วไปสามารถรักษาเสถียรภาพ และความต่อเนื่องในยุทธศาสตร์การลงทุนของตัวเองได้ แนวทางการลงทุนมีดังต่อไปนี้ 1. ยับยั้งใจที่จะวิ่งหนีออกจากตลาด นักลงทุนส่วนมากจะขายหุ้นทิ้งในช่วงตลาดหมี เพื่อที่จะจำกัดการขาดทุน แต่การทำเช่นนี้ขัดกับหลักการของนักลงทุนระดับเงินล้าน เพราะว่าเวลาขายหุ้นออกไป เมื่อตลาดมีการฟื้นตัว นักลงทุนจะไม่ได้เก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากหุ้นขึ้น ทางที่ดี […]

กองทุนบัวหลวงเสนอขาย IPO “BP4/20 (AI)” วันที่ 24-29 มิ.ย.นี้

กองทุนบัวหลวงเสนอขาย IPO “BP4/20 (AI)” วันที่ 24-29 มิ.ย.นี้

กองทุนบัวหลวงเสนอขาย IPO ‘กองทุนรวมบัวหลวงธนสารพลัส 4/20 ห้ามขายผู้ลงทุนรายย่อย’ หรือ BP4/20 (AI) ซึ่งเป็นเทอมฟันด์ อายุ 6 เดือน วันที่ 24-29 มิถุนายน 2563 นี้ ลงทุนขั้นต่ำ 500,000 บาท เป็นทางเลือกให้ผู้ลงทุนที่มองหาการลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศ เพื่อโอกาสรับผลตอบแทนที่เหมาะสม   รายงานข่าวจาก บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม บัวหลวง จำกัด เปิดเผยว่า กองทุนบัวหลวงเสนอขายหน่วยลงทุนครั้งแรก (IPO) กองทุนรวมบัวหลวงธนสารพลัส 4/20 ห้ามขายผู้ลงทุนรายย่อย หรือ BP4/20 (AI) ระหว่างวันที่ 24-29 มิถุนายน 2563 นี้ โดยเสนอขายในราคา 10 บาทต่อหน่วย และผู้ลงทุนจะต้องจองซื้อครั้งแรกขั้นต่ำ 500,000 บาท กองทุนนี้ เป็นกองทุนที่มีกำหนดอายุโครงการ (เทอมฟันด์) […]

กองทุนเปิดบัวหลวงโกลบอลอินโนเวชั่นและเทคโนโลยี (B-INNOTECH) และกองทุนเปิดบัวหลวงโกลบอลอินโนเวชั่นและเทคโนโลยีเพื่อการเลี้ยงชีพ (B-INNOTECHRMF)

กองทุนเปิดบัวหลวงโกลบอลอินโนเวชั่นและเทคโนโลยี (B-INNOTECH) และกองทุนเปิดบัวหลวงโกลบอลอินโนเวชั่นและเทคโนโลยีเพื่อการเลี้ยงชีพ (B-INNOTECHRMF)

“ปริมาณการใช้อินเทอร์เน็ตต่อสมาร์ทโฟน 1 เครื่องทั่วโลก จะเติบโตเฉลี่ย 33% ต่อปี ระหว่างปี ค.ศ.2020-2025 จากจำนวนผู้ใช้ 5G ที่เพิ่มขึ้น” ขณะที่ กองทุนหลัก Fidelity Global Technology Fund มีฐานะการลงทุนในธีม 5G มาโดยตลอด รายงานจากอีริคสัน โมบิลิตี้ รีพอร์ต คาดว่า จำนวนผู้ใช้งาน 5G ทั่วโลกสิ้นปีนี้แตะ 190 ล้านคน และจะเพิ่มขึ้นเป็น 2,800 ล้านคน ในอีก 5 ปี ตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และโอเชียเนีย จะใช้เทคโนโลยีเซลลูลาร์ผ่าน 5G เติบโตมากที่สุด การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ทำให้พฤติกรรมการดำเนินชีวิตของคนทั่วโลกเปลี่ยนแปลงไป โดยปริมาณการรับส่งข้อมูลบนเครือข่าย เปลี่ยนแปลงจากเดิมที่ใช้งานในย่านธุรกิจไปสู่การใช้งานในย่านที่อยู่อาศัยหรือชุมชนอย่างรวดเร็ว ภูมิภาคอาเซียน จะมีอัตราการเพิ่มขึ้นของการใช้งานเร็วที่สุด ภายในปี ค.ศ. 2025 ปริมาณการใช้งานอินเทอร์เน็ตผ่านสมาร์ทโฟนในภูมิภาคอาเซียนจะเพิ่มเป็น 25 เอกซ์ตราไบต์ต่อเดือน […]

หุ้นไทยวันที่ 22 มิ.ย. 2563 ปิดตลาดที่ 1,352.18 จุด ลดลง 18.64 จุด

หุ้นไทยวันที่ 22 มิ.ย. 2563 ปิดตลาดที่ 1,352.18 จุด ลดลง 18.64 จุด

ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 22 มิ.ย. 2563 ปิดตลาดที่ 1,352.18 จุด ลดลง 18.64 จุด หรือ -1.36% โดยระหว่างวันสูงสุดที่ 1,367.98 จุด ต่ำสุดที่ 1,347.60 จุด มูลค่าการซื้อขาย  65,772.37 ล้านบาท หลักทรัพย์ที่มีการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับได้แก่ 1.KBANK ปิดที่ 89.25 บาท ลดลง -6.50 บาท มูลค่าการซื้อขาย 5,890.11 ลบ. 2.BBL ปิดที่ 105.00 บาท ลดลง -10.50 บาท มูลค่าการซื้อขาย 4,026.15 ลบ. 3.SCB ปิดที่ 71.50 บาท ลดลง -5.75 […]

Fahmi Quadir นักชอร์ตเซลผู้เขย่าตลาดหุ้น

Fahmi Quadir นักชอร์ตเซลผู้เขย่าตลาดหุ้น

โดย…ทนง ขันทอง ด้วยอายุเพียง 29 ปี Fahmi Quadir สาวอเมริกันเชื้อสายอาหรับ กลายเป็นดาวรุ่งของวงการเฮดจ์ฟันด์ที่มีคนพูดถึงมากที่สุดในเวลานี้ Safhket Capital บริษัทเฮดจ์ฟันด์ประเภทบูทีคที่เธอก่อตั้งในปี 2017 เพื่อทำธุรกิจชอร์ตเซลอย่างเดียวได้กำไรมากมายจากการชอร์ตเซลหุ้นบริษัท Wirecard ซึ่งเป็นบริษัทฟินเทคของเยอรมนีที่ราคาหุ้นร่วงอย่างหนัก หลังจากมีการตรวจพบการตกแต่งบัญชีที่ผิดปกติทำให้เงินหายไปกว่า 2,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ชอร์ตเซล คือ การขายหุ้นบริษัทที่คนขายไม่มีหุ้นในมือ โดยคาดหวังว่าหุ้นจะราคาตก แล้วยืมหุ้นมาคืนทีหลัง Safhket Capital Management ใช้เงิน 25% จากเงินกองทุนเพื่อเก็งกำไรหุ้นบริษัท Wirecard ด้วยการทำชอร์ตเซลโดยเฉพาะตั้งแต่ปีที่แล้ว The Wall Street Journal รายงานในวันที่ 20 มิ.ย. ที่ผ่านมาว่า พวกที่ทำชอร์ตเซลบริษัท Wirecard ได้กำไร 2,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ทางบัญชี จากราคาหุ้นที่ร่วงอย่างรุนแรง โดยหุ้นของ Wirecard เคยไต่จากระดับราคาน้อยกว่า […]

ธุรกิจค้าปลีกสิงคโปร์เผชิญปัญหาทางการเงิน หวั่นยอดขายลดลง 50%

ธุรกิจค้าปลีกสิงคโปร์เผชิญปัญหาทางการเงิน หวั่นยอดขายลดลง 50%

Rose Tong ผู้อำนวยการบริหารของสมาคมผู้ค้าปลีกสิงคโปร์ ได้ให้สัมภาษณ์ในรายการ Street Signs Asia ของซีเอ็นบีซีว่า ธุรกิจค้าปลีกกำลังเผชิญกับความเครียดทางการเงินที่สำคัญในช่วงเวลานี้ ไม่ว่าปัญหาด้านการเงินจะเล็กหรือใหญ่ พวกเขาต่างมองว่า เป็นเรื่องยากที่จะปฏิบัติตามข้อผูกพันทางการเงิน เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา สิงคโปร์ได้ปลดล็อคมาตรการที่เข้มงวดที่ใช้ป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 แม้จะเริ่มเปิดเศรษฐกิจบ้างแล้ว แต่ผู้ค้าปลีกไม่ได้ตั้งความหวังว่าจะช่วยยกระดับธุรกิจของพวกเขาให้ดีขึ้นได้ เขา กล่าวว่า ผู้ประกอบการธุรกิจค้าปลีกไม่ได้คาดหวังว่าธุรกิจของพวกเขาจะกลับมาเป็นปกติ แม้ว่า 2 สัปดาห์แรกที่เริ่มมีการคลายมาตรการจะเป็นการกลับมาจับจ่ายซื้อสินค้าด้วยความรู้สึกที่อัดอั้นไม่ได้ซื้อมานาน หรือที่เราเรียกว่าชอปปิงแก้แค้น โดยผู้ค้าปลีกบางรายคาดว่า ยอดขายจะลดลงประมาณ 50% จากเศรษฐกิจที่อ่อนแอ รายงานข่าวจากซีเอ็นบีซี ระบุว่า สิงคโปร์เป็นประเทศที่ได้รับผลกระทบที่เลวร้ายที่สุดในเอเชียจากการแพร่ระบาดโควิด-19 ข้อมูลอย่างเป็นทางการ พบว่า มากกว่า 90% ของผู้ติดเชื้อ เป็นกลุ่มแรงงานอพยพที่อาศัยอยู่ในหอพัก และส่วนใหญ่เป็นแรงงานชายรายได้ต่ำ  

ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 19 มิ.ย. 2563 ปิดตลาดที่ 1,370.82 จุด ลดลง 2.16 จุด

ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 19 มิ.ย. 2563 ปิดตลาดที่ 1,370.82 จุด ลดลง 2.16 จุด

ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 19 มิ.ย. 2563 ปิดตลาดที่ 1,370.82 จุด ลดลง 2.16 จุด หรือ -0.16% โดยระหว่างวันสูงสุดที่ 1,380.02 จุด ต่ำสุดที่  1,368.03 จุด มูลค่าการซื้อขาย 63,320.03 ล้านบาท หลักทรัพย์ที่มีการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับได้แก่ 1.BAM  ปิดที่  25.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท (+0.99%) มูลค่าการซื้อขาย 3,736.49 ลบ. 2.PTTEP  ปิดที่ 95.50 บาท เพิ่มขึ้น 1.50 บาท (+1.60%) มูลค่าการซื้อขาย 2,403.78 ลบ. 3.CPF  ปิดที่ 32.25 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท (+0.78%)  มูลค่าการซื้อขาย 2,272.51 ลบ. 4.KBANK  ปิดที่ 97.75 บาท ลดลง 2.00 บาท (-2.05%) มูลค่าการซื้อขาย 1,911.67 ลบ. 5.PTT  ปิดที่ 38.25 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท (+1.32%) มูลค่าการซื้อขาย 1,840.96 ลบ.