จีนเข้าพักผ่าน Airbnb แตะ 10 ล้านคนแล้ว

จีนเข้าพักผ่าน Airbnb แตะ 10 ล้านคนแล้ว

ไชน่าเดลี รายงานว่า มีนักเดินทางชาวจีนไม่ต่ำกว่า 10 ล้านคน ที่เข้าพักกับที่พักทั่วโลกซึ่งให้เช่าผ่าน Airbnb แพลตฟอร์มด้านการบริการที่พักแล้ว ในช่วง 10 ปีตั้งแต่ก่อตั้ง Airbnb มา Peng Tao ซึ่งกำลังจะรับตำแหน่งเป็นประธาน Airbnb ในจีนเดือน ก.ย. นี้ กล่าวว่า มากกว่าครึ่งหนึ่งของจำนวนคนจีนที่ใช้บริการที่พักผ่าน Airbnb เป็นยอดที่เกิดขึ้นในปีที่แล้ว ขณะที่จำนวนที่พักในจีนที่เข้าร่วมให้บริการผ่าน Airbnb เติบโตมากกว่า 125% ในปีที่ผ่านมา ขณะที่จำนวนคนจีนที่ใช้บริการที่พักผ่านแพลตฟอร์ม Airbnb ในปี 2017 เติบโต 100% จากปีก่อนหน้า เขายังกล่าวอีกว่า ทีมงาน Airbnb ในจีนจะลงทุนในเชิงรุกกับตลาดจีน เพื่อรองรับเจ้าของบ้านที่มาร่วมให้บริการบนแพลตฟอร์มและช่วยสนับสนุนนักเดินทางชาวจีน รวมถึงเพื่อให้แน่ใจว่าจะมีผู้มาเยี่ยมเยือนประเทศนี้มากขึ้น สำหรับ Airbnb ก่อตั้งในปี 2008 เป็นตลาดกลางด้านที่พัก นำเสนอที่พักแรมมากกว่าล้านแห่งในมากกว่า 191 ประเทศ […]

หุ้นไทยปิดตลาดที่ 1,690.08 จุด เพิ่มขึ้น 15.86 จุด

หุ้นไทยปิดตลาดที่ 1,690.08 จุด เพิ่มขึ้น 15.86 จุด

ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทย (SET Index) ปิดวันนี้ ( 25 ก.ค. 2018) อยู่ที่ 1,690.08 จุด เพิ่มขึ้น 15.86 จุด หรือ 0.95% โดยระหว่างวันดัชนีทำระดับสูงสุดที่ 1,695.20 จุด และทำระดับต่ำสุดที่ 1,678.09 จุด มูลค่าการซื้อขาย 57,540.27 ล้านบาท หลักทรัพย์ที่มีการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับได้แก่ 1.CPALL ปิดที่ 76.50 บาท เพิ่มขึ้น 1.25 บาท มูลค่าการซื้อขาย 3,015.80 ลบ. 2.PTT ปิดที่ 51.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.75 บาท มูลค่าการซื้อขาย 2,891.99 ลบ. 3.KTC ปิดที่ […]

IMF คาดการณ์เศรษฐกิจฟิลิปปินส์ปี 2018-2019 โต 6.7%

IMF คาดการณ์เศรษฐกิจฟิลิปปินส์ปี 2018-2019 โต 6.7%

กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ประเมินว่า เศรษฐกิจฟิลิปปินส์มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง โดยคาดการณ์ว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของฟิลิปปินส์จะขยายตัว 6.7% ในปีนี้และปีหน้า ส่วนในระยะกลางเศรษฐกิจยังคงไปได้ดีอยู่ อย่างไรก็ตาม ในระยะใกล้เศรษฐกิจฟิลิปปินส์ต้องเผชิญกับปัจจัยเสี่ยงมากขึ้น จากอัตราเงินเฟ้อที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นและการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมภายนอกที่ทำให้เกิดความไม่แน่นอนอย่างมาก ซึ่งหากต้องการรักษาสมดุลระหว่างการเติบโตและความยั่งยืนของเศรษฐกิจ ฝ่ายนโยบายต้องปรับลดแรงกดดันเงินเฟ้อลง พร้อมปรับโครงสร้างให้เกื้อหนุนการเติบโตของเศรษฐกิจ Luis E. Breuer หนึ่งในทีมงานของ IMF ที่เดินทางไปเยือนฟิลิปปินส์ช่วงวันที่ 11-25 ก.ค. ที่ผ่านมา สรุปว่า เศรษฐกิจฟิลิปปินส์ทำผลงานได้ดี โดยจีดีพีเติบโตได้ 6.7% ในปีที่ผ่านมา และทีมงานคาดว่าการเติบโตจะอยู่ในอัตราเดียวกันนี้ได้ในปีนี้และปีหน้า เป็นผลมาจากการบริโภคและการลงทุนที่เข้มแข็ง รวมถึงการลงทุนของภาครัฐด้วย ขณะที่แนวโน้มราคาน้ำมันในตลาดโลกที่เพิ่มขึ้นเป็นแรงกดดันภายนอกต่อค่าเงินเปโซ เนื่องจากจะมีผลกระทบทำให้ต้องเสียภาษีสรรพาสามิตเพิ่มขึ้น ขณะที่ความต้องการในประเทศก็ได้รับแรงกดดันจากอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเดือน มิ.ย. ที่ผ่านมาอัตราเงินเฟ้ออยู่ที่ 5.2% หรือเฉลี่ย 6 เดือนอยู่ที่ 4.3% ส่วนดุลบัญชีเดินสะพัดคาดว่าจะเกินดุลเพิ่มขึ้น 1.5% ของจีดีพี สิ้นปีนี้ เป็นผลจากการนำเข้าสินค้าทุนและวัตถุดิบเพิ่มขึ้น […]

สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงเวียงจันทน์ เชิญชวนช่วยเหตุน้ำท่วมลาว

สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงเวียงจันทน์ เชิญชวนช่วยเหตุน้ำท่วมลาว

สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงเวียงจันทน์ ได้ออกประกาศเชิญชวนร่วมบริจาคเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมในแขวงอัตตะปือและแขวงจำปาสัก สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว หลังจากที่ช่วงเช้าวันที่ 24 ก.ค. ที่ผ่านมา เกิดเหตุน้ำท่วมหนักในแขวงอัตตะปือและแขวงจำปาสัก ส่งผลให้สะพานที่เชื่อมต่อแขวงอัตตะปือกับแขวงจำปาสักได้รับความเสียหายอย่างหนักจนใช้การไม่ได้ และพังลง ส่งผลให้ประชาชนในพื้นที่ได้รับความเดือดร้อนอย่างหนักทั้งด้านการคมนาคมและความเป็นอยู่ จึงขอเชิญร่วมบริจาคช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากเหตุน้ำท่วมผ่าน 2 ช่องทาง คือ ช่องทางบัญชีที่สถานเอกอัครราชทูตฯ เปิดไว้ และช่องทางของแขวงอัตตะปือ อย่างไรก็ตาม Facebook Page : Royal Thai Embassy, Vientiane แจ้งเพิ่มเติมมาว่า ผู้มีจิตศรัทธาจากประเทศไทยจำนวนมากแจ้งว่าไม่สามารถโอนเงินบริจาคเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยใน สปป. ลาว เข้าบัญชีตามที่ระบุในประกาศสถานเอกอัครราชทูต ณ เวียงจันทน์ ที่ระบุได้ ซึ่งเป็นบัญชีที่เปิดในนครหลวงเวียงจันทน์ และขอให้สถานเอกอัครราชทูตฯ พิจารณาช่องทางให้สามารถบริจาคได้นั้น สถานเอกอัครราชทูตฯ อยู่ระหว่างการประสานงานเพื่อเปิดช่องทางรับบริจาคในประเทศไทยและจะแจ้งให้ทราบต่อไป ที่มา : Facebook : Royal Thai Embassy, Vientiane  

ก.ล.ต. เริ่มเปิดรับคำขออนุญาตเป็นผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล

ก.ล.ต. เริ่มเปิดรับคำขออนุญาตเป็นผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล

นายรพี สุจริตกุล เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กล่าวว่า ก.ล.ต. เปิดรับคำขออนุญาตการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลแล้วตั้งแต่วันนี้ เนื่องจากประกาศกระทรวงการคลัง เกี่ยวกับการอนุญาตประกอบธุรกิจ มีผลใช้บังคับแล้ววันที่ 24 ก.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งผู้ที่สนใจสามารถยื่นคำขอรับใบอนุญาตศูนย์ซื้อขาย นายหน้า หรือผู้ค้าสินทรัพย์ดิจิทัลต่อ ก.ล.ต. ได้ ทั้งนี้ ผู้ยื่นขออนุญาตประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลต้องมีคุณสมบัติสำคัญ คือ 1.เป็นบริษัทไทยที่เป็นบริษัทจำกัด หรือบริษัทจดทะเบียน 2.มีทุนจดทะเบียนชำระแล้วตามที่กำหนด 3.มีความพร้อมด้านระบบงาน ฐานะทางการเงิน การควบคุม และการปฏิบัติงานที่ดี 4.ไม่ประสบปัญหาทางการเงิน 5.กรรมการ ผู้บริหาร และผู้ถือหุ้นรายใหญ่ต้องขอความเห็นชอบจาก ก.ล.ต. และไม่มีลักษณะต้องห้าม 6.ในกรณีประกอบธุรกิจอื่นอยู่ก่อนแล้ว ต้องเป็นกิจการที่ไม่ก่อให้เกิดความขัดแย้งทางผลประโยชน์กับการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล เว้นแต่จะมีระบบป้องกันความขัดแย้งทางผลประโยชน์ที่มีประสิทธิภาพ มีงบการเงินประจำปีงวดปีล่าสุดที่ผ่านการตรวจสอบจากผู้สอบบัญชีที่สำนักงานให้ความเห็นชอบ และสามารถดำรงเงินกองทุนและกันเงินสำรองได้ตามหลักเกณฑ์ของกฎหมายที่ควบคุมการประกอบธุรกิจของบริษัทนั้น หลักเกณฑ์นี้ใช้บังคับกรณีผู้ขอรับใบอนุญาตที่เป็นรายใหม่ และผู้ที่ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลอยู่เดิมตั้งแต่ก่อนที่พระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลมีผลใช้บังคับในวันที่ 14 พ.ค. 2018 “ก.ล.ต. มีหน้าที่กำหนดมาตรฐานการประกอบธุรกิจ เพื่อให้มั่นใจว่าผู้ให้บริการมีระบบที่พร้อม ทั้งเรื่องการบริหารจัดการ ระบบงานต่างๆ […]

หุ้นไทยปิดตลาดอยู่ที่ระดับ 1,674.22 จุด ลดลง -1.53 จุด

หุ้นไทยปิดตลาดอยู่ที่ระดับ 1,674.22 จุด ลดลง -1.53 จุด

ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทย (SET Index) ปิดวันนี้ ( 24 ก.ค. 2018) อยู่ที่ระดับ 1,674.22 จุด ลดลง -1.53 จุด หรือ -0.09% โดยระหว่างวันดัชนีทำระดับสูงสุดที่ 1,686.81 จุด และทำระดับต่ำสุดที่ 1,667.95 จุด มูลค่าการซื้อขาย 56,098.90 ล้านบาท หลักทรัพย์ที่มีการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับได้แก่ 1.PTT ปิดที่ 50.25 บาท ลดลง -0.75 บาท มูลค่าการซื้อขาย 3,219.91 ลบ. 2.AOT ปิดที่ 65.75 บาท เพิ่มขึ้น 1.75 บาท มูลค่าการซื้อขาย 2,476.43 ลบ. 3.PTTGC ปิดที่ […]

5 เทคโนโลยีพลิกโฉมวงการก่อสร้าง

5 เทคโนโลยีพลิกโฉมวงการก่อสร้าง

By…จารุพันธ์ จิระรัชนิรมย์ การขาดแคลนแรงงานเป็นปัญหาท้าทายที่ทุกภาคธุรกิจพบเจอในยุคนี้ โดยเฉพาะอุตสาหกรรมก่อสร้าง จะเห็นได้ว่า ที่ผ่านมาต้องมีการจ้างแรงงานต่างด้าวเข้ามาทำงาน เพราะคนไทยที่ทำงานในภาคนี้มีไม่เพียงพอ การมองหาเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการทำงานจึงเป็นหนึ่งในทางเลือกที่น่าสนใจ เมื่อไม่นานมานี้ www.weforum.org ได้นำเสนอ 5 เทคโนโลยีที่น่าสนใจ ที่คาดว่าจะมาเปลี่ยนวงการก่อสร้างของโลก ได้แก่ 1.โดรน (Drones) โดรนขับเคลื่อนอัตโนมัติจะถูกนำมาใช้กับงานก่อสร้างได้ ในโครงการก่อสร้างที่ใช้ดิจิทัล ซึ่งโดรนจะช่วยให้เกิดความแม่นยำในการทำงานได้สูงขึ้น ลดความผิดพลาดอันเป็นต้นเหตุของการก่อสร้างล่าช้าหรือทำให้ต้นทุนเพิ่มขึ้น Shakti Shaligram นักออกแบบของ seymourpowell กล่าวว่า โดรนสามารถเพิ่มความรวดเร็ว ความแม่นยำ และมาตรฐานความปลอดภัย ให้กับงานก่อสร้างดานต่างๆ ได้ ขณะเดียวกันโดรนยังเก็บสะสมข้อมูลของไซต์งานได้จากการบินขึ้นไปด้านบนแล้วถ่ายภาพความละเอียดสูง โดยช่างภาพที่มีความชำนาญสามารถจะดึงข้อมูลในภาพที่มีคุณภาพสูงแล้วมาจำลองเป็นภาพ 3 มิติได้ จากความสามารถเหล่านี้จะช่วยลดความผิดพลาด และยังลดระยะเวลาในการก่อสร้างจากเป็นเดือนหลือแค่ไม่กี่วันได้ หรืออาจจะใช้เวลาแค่ไม่กี่ชั่วโมงด้วยซ้ำในบางกรณี ยิ่งถ้าในอนาคตโดรนมาราคาถูกลงและฉลาดมากขึ้นเท่าไหร่ ก็จะมีประโยชน์กับวงการก่อสร้างมากขึ้นเท่านั้น 2.การพิมพ์ 3 มิติ (3D printing) เมื่อเดือน เม.ย. องค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติ หรือ องค์การนาซา […]

จีนออกแผนรับมือความตึงเครียดการค้าเน้นนโยบายการคลังเชิงรุก

จีนออกแผนรับมือความตึงเครียดการค้าเน้นนโยบายการคลังเชิงรุก

สำนักข่าวบลูมเบิร์ก รายงานว่า จีนได้ประกาศมาตรการกระตุ้นความต้องการภายในประเทศเพื่อชดเชยผลกระทบจากความตึงเครียดทางการค้ากับประเทศคู่ค้าสำคัญอย่างสหรัฐฯ สะท้อนถึงความพยายามของจีนในการเตรียมรับมือสงครามการค้าที่อาจเกิดขึ้น สภาแห่งรัฐ หรือ คณะรัฐมนตรีจีน ได้ประกาศมาตรการดังกล่าวออกมาเมื่อช่วงค่ำของวันจัทนร์ที่ผ่านมา ซึ่งประกอบด้วยมาตรการลดภาษีเพื่อกระตุ้นให้เกิดการวิจัยและพัฒนา รวมไปถึงการออกพันธบัตรพิเศษระดมทุนเพื่อใช้ลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน ทั้งนี้เนื่องจากมองว่าจะช่วยสร้างความยืดหยุ่นทางเศรษฐกิจในการรับมือกับผลกระทบจากความไม่แน่นอนภายนอกประเทศ ทั้งนี้ รัฐบาลจะดำเนินนโยบายการคลังเชิงรุกมากขึ้น (more proactive) และให้สอดคล้องกับนโยบายการเงิน ตามที่กระทรวงการคลังของจีนส่งสัญญาณว่าจะดำเนินนโยบายการคลังไปในทางกระตุ้นเศรษฐกิจมากขึ้น ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับธนาคารกลางจีน ขณะที่ธนาคารกลางจีนได้เริ่มลดอัตราส่วนกันสำรองทางการเงินของธนาคารขนาดใหญ่ลงถึง 3 ครั้งในปีนี้ และประกาศมาตรการพิเศษเพิ่มเติม เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการส่วนบุคคล และผู้ประกอบการขนาดย่อม

จีน ยัน ไม่มีแผนลดค่าเงินหยวนเพื่อความได้เปรียบทางการค้า

จีน ยัน ไม่มีแผนลดค่าเงินหยวนเพื่อความได้เปรียบทางการค้า

สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า จีนยืนยันว่า ไม่มีแผนที่จะลดค่าเงินหยวนเพื่อสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันให้กับภาคส่งออก หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯกล่าวหาว่า จีนกำลังบิดเบือนค่าเงินด้วยการปล่อยให้อัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินหยวนอ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา “อัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินหยวนของจีนถูกกำหนดโดยตลาด และขึ้นลง หรือ เคลื่อนไหวสองทาง” Geng Shuang โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีนกล่าว โดยประธานาธิบดีทรัมป์กล่าวว่า จีนกำลังบิดเบือนค่าเงิน ทำให้ค่าเงินหยวนอ่อนค่าลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบกว่า 1 ปีเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์ และทำให้จีนได้เปรียบทางการค้าต่อสหรัฐฯอย่างมาก “การข่มขู่คุกคามใช้ไม่ได้ผลกับเรา และเราเชื่อมั่นในความสามารถของเราที่จะปกป้องผลประโยชน์ของชาติ” “พร้อมกับเรียกร้องให้ผู้นำสหรัฐฯใช้สติและมีเหตุผล” เขากล่าว

หุ้นไทยปิดตลาดบวก 4.69 จุด มาอยู่ที่ 1,675.75 จุด

หุ้นไทยปิดตลาดบวก 4.69 จุด มาอยู่ที่ 1,675.75 จุด

ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทย (SET Index) ปิดวันนี้ ( 23 ก.ค. 2018) อยู่ที่ระดับ 1,675.75 จุด เพิ่มขึ้น 4.69 จุด หรือ 0.28% โดยระหว่างวันดัชนีทำระดับสูงสุดที่ 1,681.74 จุด และทำระดับต่ำสุดที่ 1,665.92 จุด มูลค่าการซื้อขาย 49,264.60 ล้านบาท หลักทรัพย์ที่มีการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับได้แก่ 1.PTT ปิดที่ 51.00 บาท ลดลง -0.50 บาท มูลค่าการซื้อขาย 2,342.03 ลบ. 2.BEAUTY ปิดที่ 8.10 บาท เพิ่มขึ้น 0.40 บาท มูลค่าการซื้อขาย 2,057.13 ลบ. 3.BBL ปิดที่ […]