How to ตรุษจีนปีนี้ ทำอย่างไรให้เงินอั่งเปางอกเงย

How to ตรุษจีนปีนี้ ทำอย่างไรให้เงินอั่งเปางอกเงย

ใกล้เข้ามาถึงทุกทีแล้ว.. กับเทศกาลตรุษจีน เทศกาลที่ใครหลายคนกำลังรอคอย แต่เคยเป็นไหม ? พอถึงเทศกาลนี้ทีไร ได้เงินอั่งเปามาตั้งเยอะ ตั้งแยะ ! แป๊บ ๆ ไม่ถึงเดือน.. เงินก็ลอยออกจากกระเป๋าเป็นที่เรียบร้อย เก็บเงินเท่าไรก็ไม่อยู่ หรือเพราะบางครั้งเราเผลอใช้จ่ายไปเรื่อยเปื่อยแบบไม่รู้ตัว บอกเลยว่าปีนี้ใครที่ยังได้รับอั่งเปาอยู่ นับเป็นเรื่องที่น่ายินดีมาก ๆ แต่จะให้ดีกว่านี้คือ.. ต้องเก็บเงินให้อยู่หมัด และสามารถนำเงินอั่งเปาที่ได้จากวันตรุษจีนไปต่อยอดได้อย่างไม่รู้จบ   และสำหรับใครที่มีปัญหาอย่างที่กล่าวไปข้างต้น รับรองได้ว่าปัญหาเหล่านั้นจะหมดไป เพราะเรามีฮาวทูดี ๆ ที่จะต่อยอดเงินอั่งเปาให้เติบโต และมั่งคั่งในวันตรุษจีน   อยากรู้ว่ามีอะไรดี ใช้เทคนิคแบบไหน มาดูกันได้เลย

อั่งเปาปีนี้ ลงทุนอะไรดี

อั่งเปาปีนี้ ลงทุนอะไรดี

โดย…อรพรรณ บัวประชุม CFP®      ซินเจียยู่อี่ ซินนี้ฮวดใช้ อั่งเปาตั่วตั่วไก๊ ได้ยินประโยคนี้ทีไร แปลว่าเทศกาลตรุษจีนมาถึงแล้ว สำหรับใครที่ยังได้รับอั่งเปาอยู่ ถือว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดีมาก เพราะนั่นหมายถึง เรายังเป็นเด็กอยู่ ส่วนใครที่ต้องใส่ซองอั่งเปาไม่ได้หมายความว่าเราอายุมากแล้วนะคะ แต่หมายความว่าเราเป็นผู้ใหญ่ มีรายได้ อยากตอบแทนคุณพ่อคุณแม่ ซึ่งเป็นการแสดงความกตัญญู ส่วนจะใส่ซองเล็กๆ ให้ลูกๆ หลานๆ ก็อย่าลืมสอนให้เขาแบ่งเงินไปลงทุน เพื่อเพิ่มพูนเงินอั่งเปาที่ได้รับให้มากขึ้น ซึ่งวิธีการเพิ่มเงินในอั่งเปา ไม่ใช่เรื่องยาก มีเทคนิคแนะนำดังนี้ค่ะ 1.รวบรวมซองแดงทั้งหมดที่ได้รับ ช่วงเวลานี้เป็นช่วงที่ชอบมากๆ ต้องขอบคุณอากู๋ อากิ๋ม อาแปะ อากง อาม่า ป่าป๊า หม่าม้า ที่แจกซองให้เราเยอะแยะมากมาย ยิ่งใครที่มีเชื้อสายจีน และมีญาติที่รักเยอะๆ ด้วยแล้วล่ะก็ รวบรวมแล้วได้เงินเป็นกอบเป็นกำกันเลยทีเดียว 2.แบ่งเงินเก็บ และแบ่งเงินใช้ หลังจากรวบรวมซองแดงที่ได้รับมาแล้ว ก็ถึงคราวนับเงินสิคะ จะรออะไรกัน แบ่งส่วนนึงเก็บไว้เพื่อลงทุน ซึ่งควรจะเป็นส่วนที่แบ่งออกมามากสักหน่อย มากกว่าครึ่งนึงได้ยิ่งดีนะคะ เพราะเงินส่วนนี้จะทำให้เรามีเงินไว้ใช้ในอนาคต ส่วนเงินอีกส่วนที่แบ่งเอาไว้ใช้ต้องรู้ก่อนว่าจะใช้ทำอะไร […]

4 เรื่องต้องรู้ หากคิดลงทุนในปี 2022

4 เรื่องต้องรู้ หากคิดลงทุนในปี 2022

เนื่องจากการลงทุนมีความเสี่ยง การจะลงทุนอะไรสักอย่างนั้น ผู้ที่คิดจะลงทุนจึงต้องศึกษาปัจจัยต่าง ๆ ที่ส่งผลต่อการลงทุนให้ดี เพื่อให้การลงทุนนั้นได้รับผลตอบแทนดีที่สุด ซึ่งวันนี้เราจะพาไปดู 4 เรื่องที่ควรต้องรู้เพื่อใช้ในประกอบการตัดสินใจลงทุนในปี 2022 กันค่ะ ดูข้อมูลเพิ่มเติม!!

กองทุนบัวหลวงเปิดโผ 4 กองทุนต้องมีในไตรมาสแรกปี 2565 เสริมความแข็งแกร่งพอร์ตลงทุน

กองทุนบัวหลวงเปิดโผ 4 กองทุนต้องมีในไตรมาสแรกปี 2565 เสริมความแข็งแกร่งพอร์ตลงทุน

ทีม Investment Strategy กองทุนบัวหลวง จัดทำ B-Select แนะนำเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในกองทุนเด่นไตรมาสแรกปี 2565 นี้ โดยมี 4 กองทุน ได้แก่ BCARE B-NIPPON B-CHINE-EQ และ B-INNOTECH  ขณะที่ปัจจัยสำคัญต้องติดตามตลอดปี คือ เงินเฟ้อ การเปลี่ยนแปลงนโยบายการเงินของเฟด สถานการณ์โควิด และการเลือกตั้งทั่วโลก นายสันติ ธนะนิรันดร์ ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม บัวหลวง จำกัด หรือ กองทุนบัวหลวง เปิดเผยว่า ในปี 2565 นักลงทุนต้องติดตามปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อการลงทุน ได้แก่ สถานการณ์เงินเฟ้อ ที่คาดว่าจะค่อยๆ ชะลอตัวลงจากปัญหาเรื่องห่วงโซ่การผลิตที่ค่อยๆ คลี่คลาย ในช่วงครึ่งหลังของปี 2565 นโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ที่ปัจจุบันลดการเข้าซื้อสินทรัพย์เดือนละ 30,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งจะทำให้การเข้าซื้อสินทรัพย์สิ้นสุดในเดือนมีนาคม 2565  เพื่อเปิดทางให้กับการขึ้นดอกเบี้ย […]

B-SELECT แนะนำกองทุนประจำไตรมาส 1 ปี 2022

B-SELECT แนะนำกองทุนประจำไตรมาส 1 ปี 2022

คุณมทินา วัชรวราทร CFA®  Head of Investment Strategy กองทุนบัวหลวง กองทุนบัวหลวงจะคัดเลือกกองทุนมาแนะนำทุกไตรมาส โดยในไตรมาสแรกปี 2022 นี้ ก็มีกองทุนแนะนำทั้งหมด 4 กองทุน คือ BCARE, B-CHINE-EQ B-INNOTECH และ B-NIPPON  สำหรับปัจจัยที่สำคัญที่ต้องติดตามสำหรับการลงทุนในปี 2022 มีทั้งหมด 4 เรื่อง คือ  1.เงินเฟ้อ  2.นโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) 3.การแพร่ระบาดของโควิด 4.การเลือกตั้งทั่วโลก ทั้งนี้ เงินเฟ้ออาจจะยังคงสูงอย่างต่อเนื่องในปี 2022 ทั้งจากความต้องการสินค้าที่มากขึ้น หลังจากเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว และจากปัญหาเรื่องห่วงโซ่อุปทานที่ต่อเนื่องมา โดยตลาดคาดว่าเงินเฟ้อจะค่อยๆ ชะลอตัวลงในครึ่งหลังปี 2022 นักลงทุนยังควรติดตามการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในหลายๆ ประเทศทั่วโลก เช่น อิตาลี และฝรั่งเศสที่จะมีการเลือกตั้งประธานาธิบดี ส่วนจีนจะมีการเลือกตั้งตำแหน่งใหญ่ๆ ซึ่งรวมทั้งตำแหน่งประธานคณะมนตรีรัฐกิจสาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งปัจจุบันคือนาย หลี่ […]

กองทุนเปิดบัวหลวงหุ้นจีน (B-CHINE-EQ) และกองทุนเปิดบัวหลวงหุ้นจีนเพื่อการออม (B-CHINESSF)

กองทุนเปิดบัวหลวงหุ้นจีน (B-CHINE-EQ) และกองทุนเปิดบัวหลวงหุ้นจีนเพื่อการออม (B-CHINESSF)

Highlight ตัวเลขทางเศรษฐกิจออกมาว่าเศรษฐกิจจีนกำลังชะลอตัว แต่อีกด้านหนึ่งจะเห็นได้ว่าเงินลงทุนได้มุ่งไปสู่อุตสาหกรรมที่มีแนวโน้มเป็นผู้นำในอนาคตนอกเหนือจากบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ ตัวอย่างของอุตสาหกรรมเหล่านี้ ได้แก่ ไบโอเทค หุ่นยนต์ และเซมิคอนดักเตอร์ ซึ่งเกี่ยวข้องกับการพัฒนาวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี และได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐอีกด้วย แม้ว่าตลาดหุ้นจีนจะมีความผันผวนในช่วงปีที่ผ่านมา เงินลงทุนไหลยังคงเข้า A-Shares อย่างต่อเนื่อง โดยนักลงทุนต่างชาติมีสถานะซื้อสุทธิใน A-Share ติดต่อกัน 11 เดือน (ข้อมูล ณ ก.ย. 2564) ด้านการลงทุนตรงก็เช่นกัน บริษัทต่างชาติที่มีโรงงานในจีนส่วนใหญ่ยังคงมีแผนขยายกิจการในจีน รวมถึงกลุ่มเซมิคอนดัคเตอร์จากต่างชาติรายใหม่ก็สนใจที่จะลงทุนในจีนเช่นกัน  นโยบายความเจริญรุ่งเรืองร่วมกัน (Common Prosperity) ซึ่งเป็นนโยบายหลักของภาครัฐ ทำให้การพัฒนาประเทศจีนมีความชัดเจนมากขึ้น ประเด็นสำคัญ คือ การทำให้คุณภาพของคนจีนดีขึ้นในทุกด้าน การลงทุนจึงต้องเข้าใจวัตถุประสงค์ของนโยบายรัฐ และลงทุนในอุตสาหกรรมที่มีแนวโน้มจะได้ประโยชน์ต่อไปในอนาคต  ตั้งแต่ไตรมาส 3 ตลาดหุ้นจีนมีทิศทางเชิงบวก นักลงทุนมองว่าจุดเลวร้ายที่สุดที่เกี่ยวกับกฎระเบียบผ่านไปแล้ว (เช่น เทคโนโลยีขนาดใหญ่) ในขณะที่สถานการณ์ภาคอสังหาริมทรัพย์ได้มีมาตรการช่วยเหลือบ้าง จึงน่าจะทำให้เหตุการณ์ไม่น่าจะบานปลาย อีกทั้งตลาดหุ้นจีนปรับตัวลดลงมามากเมื่อเทียบกับตลาดหุ้นอื่นๆ ในโลก ภาคอสังหาริมทรัพย์ยังเป็นประเด็นที่ต้องจับตามอง ราคาบ้านปรับตัวลดลงในหลายจังหวัด มีมาตรการจากภาครัฐในการผ่อนคลายความตึงเครียดและเพิ่มสภาพคล่องให้อุตสาหกรรม แม้ว่าตัวเลขทางเศรษฐกิจออกมาว่าเศรษฐกิจจีนกำลังชะลอตัว […]

กระจายการลงทุนไปยังหุ้นต่างประเทศยังไงดี

กระจายการลงทุนไปยังหุ้นต่างประเทศยังไงดี

โดย…พริ้มพัชร จิรบวรพงศา, AFPTTM ปัจจุบันพอร์ตการลงทุนของเราทุกคน น่าจะมีการลงทุนในหุ้นต่างประเทศ โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและนวัตกรรม ซึ่งกำลังเป็นเทรนด์แห่งโลกอนาคต และถ้าหากตอนนี้เราลองสำรวจพอร์ตการลงทุนของตัวเอง ก็อาจพบว่า มีสัดส่วนการลงทุนในหุ้นต่างประเทศเยอะมาก จนอาจทำให้ภาพรวมของพอร์ตลงทุนเรามีความเสี่ยงสูงกว่าที่ควรจะเป็น แม้ว่าเราจะทราบกันดีอยู่แล้วว่า  “การจัดพอร์ตลงทุนที่ดี”  ต้องกระจายการลงทุนไปในสินทรัพย์หลายๆ ประเภท โดยจัดสัดส่วนลงทุนให้สอดคล้องกับเป้าหมาย  ความเสี่ยงที่เรายอมรับได้  และระยะเวลาในการลงทุน  แต่ด้วยสถานการณ์ปัจจุบัน ใครๆ ก็อยากที่จะมีโอกาสได้รับผลตอบแทนที่ดี จึงทำให้นักลงทุนมองหาโอกาสจากการลงทุนในหุ้น กลุ่มเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่กำลังเติบโตตามเทรนด์โลก ซึ่งหุ้นกลุ่มนี้ส่วนใหญ่อยู่ในตลาดหุ้นฝั่ง  Developed Market  อย่างสหรัฐฯ แต่ถึงจะน่าสนใจหรือมีโอกาสได้รับผลตอบแทนสูงมากแค่ไหน เราก็ต้องอย่าลืมว่า  การบริหารจัดการความเสี่ยงก็เป็นเรื่องที่สำคัญมากๆ ดังนั้นเราจึงควรทบทวนพอร์ตลงทุนของตัวเองในตอนนี้ ว่ามีสัดส่วนลงทุนในหุ้นต่างประเทศมากเกินไปหรือเปล่า? ถ้ามีมากจนเกินไป ก็อยากให้พิจารณาปรับลดสัดส่วนลงให้เหมาะสมกับเป้าหมาย ความเสี่ยงที่เรายอมรับได้ รวมถึงระยะเวลาในการลงทุนด้วย โดยสัดส่วนการลงทุนในหุ้นที่กล่าวถึงนี้ นับรวมไปถึงหุ้นไทย หุ้นต่างประเทศทั้งในตลาด Developed Market  และ Emerging Market ซึ่งเราควรปรับภาพรวมของสัดส่วนหุ้นให้เหมาะสม และหลังจากนั้นค่อยมาพิจารณาในรายละเอียดว่า เราลงทุนในหุ้นกลุ่มใดมากไปหรือเปล่า? โดยการกระจายความเสี่ยงที่ดี นอกเหนือจากกระจายสินทรัพย์ในการลงทุนแล้ว เราก็ควรที่จะกระจายความเสี่ยงด้านภูมิภาคด้วย ซึ่งเราสามารถกระจายการลงทุนไปในตลาดหุ้นฝั่ง Emerging Market […]

กองทุนเปิดบัวหลวงหุ้นจีน (B-CHINE-EQ) และกองทุนเปิดบัวหลวงหุ้นจีนเพื่อการออม (B-CHINESSF)

กองทุนเปิดบัวหลวงหุ้นจีน (B-CHINE-EQ) และกองทุนเปิดบัวหลวงหุ้นจีนเพื่อการออม (B-CHINESSF)

Highlight การควบคุมครั้งนี้เป็นไปตามนโยบายหลักของจีนที่จะส่งเสริมให้จีนเติบโตอย่างมีคุณภาพ มีการลงทุนด้านเทคโนโลยี และยกระดับคุณภาพชีวิตของประชากร  จีนยังคงต้องการเงินทุนต่างประเทศเพื่อส่งเสริมการเติบโตทางอุตสาหกรรม ดังนั้นตลาดทุน ภายในประเทศจะมีความสำคัญเพิ่มขึ้นจากที่ผ่านมา กองทุนลงทุนโดยรักษาสมดุลย์ระหว่างกลุ่มอุตสาหกรรมเก่าและใหม่ของจีน และเน้นลงทุนในแนวคิดดังต่อไปนี้ พลังงานสะอาด การท่องเที่ยวและการบริโภคในประเทศ เทคโนโลยีการแพทย์  การพึ่งพาการเติบโตในประเทศ และ การลดการพึ่งพิงต่างชาติ มุมมองต่อตลาดหุ้นจีน แม้ว่าการควบคุมในหลายอุตสาหกรรมของรัฐบาลจีนทำให้นักลงทุนหลายคนกังวลผลกระทบต่อตลาดหุ้นจีน ผู้จัดการกองทุนของ AGI มองว่า  การควบคุมครั้งนี้เป็นไปตามนโยบายหลักของจีนที่จะส่งเสริมให้จีนเติบโตอย่างมีคุณภาพ มีการลงทุนด้านเทคโนโลยี และยกระดับคุณภาพชีวิตของประชากร จีนมีความมุ่งมั่นที่จะลดการพึ่งพาจากสหรัฐและยุโรป  ดังนั้นจึงต้องการให้มีการลงทุนในกลุ่มปัญญาประดิษฐ์ เซมิคอนดักเตอร์ พลังงานสะอาด บล็อกเชน และ เทคโนโลยีทางการแพทย์ ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐกับจีนมีผลกระทบน้อยมากต่อตลาดทุนในจีน แม้ว่าการระดมทุนในสหรัฐจะมีข้อจำกัดและทำได้ยากขึ้น แต่บริษัทจีนจะยังคงจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกงเพื่อระดมเงินลงทุนจากต่างชาติได้ จีนยังคงต้องการเงินทุนต่างประเทศเพื่อส่งเสริมการเติบโตทางอุตสาหกรรม ดังนั้นตลาดทุนภายในประเทศจะมีความสำคัญเพิ่มขึ้นจากที่ผ่านมา ท่ามกลางกระแสข่าวด้านลบ นักลงทุนต่างชาติ ยังคงเข้าซื้อหุ้นจีนกลุ่ม A-shares ตั้งแต่ต้นปีจนถึงเดือนสิงหาคม (วันที่เขียนบทความ) ซึ่งสะท้อนให้เห็นการ “Buy on Dip” หรือซื้อสะสมเมื่อเห็นจังหวะหุ้นปรับตัวลง หุ้นกลุ่ม A-Share มีเสถียรภาพมาก ดัชนี […]

หุ้นสหรัฐฯ กับ นโยบายล้านล้านเหรียญของ โจ ไบเดน

หุ้นสหรัฐฯ กับ นโยบายล้านล้านเหรียญของ โจ ไบเดน

หุ้นสหรัฐฯ กับ นโยบายล้านล้านเหรียญ ของโจ ไบเดน ถามอีก กับ คุณเอม คุณมทินา วัชรวราทร CFA®, Head of Investment Strategy กองทุนบัวหลวง โดย อิก บรรพต ธนาเพิ่มสุข, AFPT ที่ปรึกษาการเงิน รับชมย้อนหลังได้ที่นี่!!  

หุ้นจีนยังน่าสนใจลงทุนไหม?

หุ้นจีนยังน่าสนใจลงทุนไหม?

หุ้นจีนยังน่าลงทุนอยู่ไหม ? ถ้ามองในระยะยาว ผู้ลงทุนหลายท่านที่มีหุ้นจีนอยู่ในพอร์ตตอนนี้ คงมีความกังวลใจอยู่ไม่น้อย และคงมีคำถามว่า “เมื่อไรหุ้นจีนจะกลับมาสดใสสักที” สำหรับปัจจัยสำคัญ ๆ ที่กดดันให้หุ้นจีนปรับตัวลดลงในช่วงที่ผ่านมา ประเด็นแรก: นักลงทุนบางส่วนเริ่มขายทำกำไรหุ้นจีน หลังปรับตัวขึ้นมามากช่วงหลายปีที่ผ่านมา ประเด็นที่สอง: การเข้ามาควบคุมหรือออกกฎเกณฑ์กำกับดูแลการดำเนินกิจการของบริษัทในหลายอุตสาหกรรม ให้อยู่ในระบบระเบียบมากขึ้น โดยเฉพาะบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่หลายราย อย่างไรก็ตาม รัฐบาลจีนไม่ได้ต้องการปิดกั้นการเติบโตของบริษัทเทคโนโลยีเสียทีเดียว แต่คาดหวังให้บริษัทเทคโนโลยีของจีนเติบโตได้ดีกว่าเดิม ภายใต้กฎเกณฑ์ที่รัฐบาลจีนควบคุมดูแลได้ ซึ่งรัฐบาลจีนเชื่อว่า จะสามารถสร้างความยั่งยืนให้กับเศรษฐกิจจีนได้ในระยะยาว ดังนั้น สำหรับนักลงทุนที่ลงทุนในหุ้นจีนหรือกองทุนรวมหุ้นจีน อาจจะต้องมองจีนแบบจีนจริง ๆ และเน้นลงทุนระยะยาว ซึ่งระยะยาวที่ว่า คืออย่างน้อย ๆ ก็น่าจะประมาณ 5-10 ปี ที่น่าสนใจคือ หลาย ๆ อุตสาหกรรมในจีน ยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก สอดคล้องไปกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 14 ของจีน สำหรับรายละเอียดจะเป็นอย่างไร และมีช่องทางการลงทุนไหนบ้างจากกองทุนบัวหลวง ที่ผู้สนใจในหุ้นจีนจะเลือกลงทุนได้ ติดตามต่อกันที่บทความฉบับเต็มได้เลย https://www.bblam.co.th/…/investment…/bf-knowledge-tip-6 หมายเหตุ: การลงทุนมิใช่การฝากเงินและมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจไม่ได้รับเงินลงทุนคืนเต็มจำนวนเมื่อไถ่ถอน (ไม่คุ้มครองเงินต้น) […]