กองทุนเปิดบัวหลวงอินคัม (B-INCOME) และกองทุนเปิดบัวหลวงอินคัมเพื่อการออม (B-INCOMESSF)

กองทุนเปิดบัวหลวงอินคัม (B-INCOME) และกองทุนเปิดบัวหลวงอินคัมเพื่อการออม (B-INCOMESSF)

Highlight กองทุน B-INCOME มีการรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติครั้งที่ 15 เมื่อวันที่ 31 มี.ค. 2564 อัตรา 0.054525 บาทต่อหน่วย กองทุนบัวหลวงคาดว่า กนง. จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 0.50% ตลอดทั้งปี 2564 ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะสั้นปรับตัวได้ในกรอบจำกัด ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาวมีโอกาสผันผวนในทิศทางที่ปรับเพิ่มขึ้น กลยุทธ์การลงทุนในตราสารทุนระยะข้างหน้า ยังต้องมีความ Selective ในหุ้นกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยและเศรษฐกิจโลก ซึ่งได้รับประโยชน์จากการเปิดประเทศในอนาคต และหุ้นที่มีแนวโน้มของผลประกอบการที่ดี Global REITs ปรับตัวดีขึ้นจากการเร่งฉีดวัคซีนในหลายประเทศและการเปิดเมืองในขณะที่ REITs ไทยยังคงฟื้นตัวได้ช้า ซึ่งคาดว่าน่าจะฟื้นตัวได้เมื่อมีความคืบหน้าเรื่องวัคซีนโควิดชัดเจนขึ้น และ REITs เป็นเครื่องมือกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุน ตราสารหนี้  อัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาวของสหรัฐฯ มีกังวลด้านการปรับเพิ่มขึ้นของเงินเฟ้อและการปรับลดปริมาณการซื้อพันธบัตรของ Fed โดยตั้งแต่ต้นปีค.ศ. 2021 ถึงเดือน พ.ค. อัตราผลตอบแทน UST10Y ปรับเพิ่มขึ้นมาแล้วกว่า 70 bps ตลาดคาดการณ์ว่าการเคลื่อนไหวของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ ในระยะสั้นจะทรงตัว […]

กองทุนเปิดบัวหลวงอินคัม (B-INCOME) และกองทุนเปิดบัวหลวงอินคัมเพื่อการออม (B-INCOMESSF)

กองทุนเปิดบัวหลวงอินคัม (B-INCOME) และกองทุนเปิดบัวหลวงอินคัมเพื่อการออม (B-INCOMESSF)

Highlight กองทุน B-INCOME มีการรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติครั้งที่ 14 เมื่อวันที่ 30 ธ.ค. 2563 อัตรา 0.053375 บาทต่อหน่วย ตั้งแต่จัดตั้งกองทุนรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติรวม 1.212757 บาทต่อหน่วย อัตราผลตอบแทนพันธบัตรมีแนวโน้มปรับขึ้น ทำให้ผลตอบแทนตราสารหนี้ไม่จูงใจนัก Theme การลงทุนปี 2564 ‘ผ่านพ้นอุปสรรค เปิดรับ New Normal’ เน้นลงทุนในบริษัทที่ปรับตัวได้ดีและทนทานต่อการดิสรัปชัน และกระจายการลงทุนไปยังหุ้นต่างประเทศ เพื่อโอกาสในการได้รับผลตอบแทนเพิ่มขึ้น กองทุนกระจายการลงทุนในกลุ่มกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน และหน่วยทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ เพราะมีกระแสเงินสดสม่ำเสมอ ตราสารหนี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรของแต่ละประเทศคาดว่าจะอยู่ในช่วงขาขึ้น ขึ้นอยู่กับความสามารถในการฟื้นตัวเศรษฐกิจของแต่ละประเทศ ความเคลื่อนไหวของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยในระยะถัดไปจะมาจากปัจจัยภายนอกประเทศมากกว่าปัจจัยภายในประเทศ ทำให้อัตราผลตอบแทนมีแนวโน้มปรับขึ้นตามสหรัฐฯ โดยเฉพาะพันธบัตรระยะยาว ทำให้ผลตอบแทนของตราสารหนี้ไม่จูงใจนัก ผู้จัดการกองทุนคาดว่า กนง. จะคงดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 0.5% ตลอดทั้งปี จะเน้นการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยมาตรการอื่นที่ให้ผลเฉพาะจุดมากกว่า เช่น การขยายเวลาพักชำระหนี้ เป็นต้น ตราสารหนี้ภาคเอกชนยังคงน่าสนใจลงทุน โดยผู้จัดการกองทุนเลือกลงทุนโดยพิจารณาจากคุณภาพของผู้ออกตราสารและอัตราผลตอบแทนกับความเสี่ยงที่เหมาะสม ตราสารทุน […]

กองทุนเปิดบัวหลวงอินคัม (B-INCOME) และกองทุนเปิดบัวหลวงอินคัมเพื่อการออม (B-INCOMESSF)

กองทุนเปิดบัวหลวงอินคัม (B-INCOME) และกองทุนเปิดบัวหลวงอินคัมเพื่อการออม (B-INCOMESSF)

Highlight กองทุน B-INCOME มีการรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติครั้งที่ 13 เมื่อวันที่ 30 ก.ย. 2563 อัตรา 0.052663 บาทต่อหน่วย  ตั้งแต่จัดตั้งกองทุนรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติรวม 1.159382 บาทต่อหน่วย (จัดตั้งกองทุน 18 พ.ค. 2560) อัตราผลตอบแทนของตราสารหนี้มีแนวโน้มทรงตัวในระดับต่ำ จากการที่ Fed ให้สัญญาณว่าจะใช้นโยบายดอกเบี้ยต่ำอีกระยะหนึ่ง ตลาดหุ้นทั่วโลกอยู่ในช่วงผันผวน มีปัจจัยสำคัญ 1) การเลือกตั้งสหรัฐฯ 2) นโยบาย FED 3) ความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯ กับจีน 4) การพัฒนาวัคซีน โดยคาดกว่าตลาดหุ้นโลกจะอยู่ในช่วงปรับฐานจนกว่าจะทราบผลการเลือกตั้งสหรัฐฯ ตลาดหุ้นไทยยังมีแรงกดดันจากการที่เศรษฐกิจพึ่งพาการท่องเที่ยวสูง  และการเมืองภายในประเทศ กองทุนจะเน้นลงทุนแบบ Selective ในหุ้นที่มีการจ่ายเงินปันผลสม่ำเสมอ พื้นฐานแข็งแกร่ง และมูลค่าน่าสนใจ กลุ่มกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน (IFF)และ หน่วยทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REITs) ยังน่าสนใจเพราะมีกระแสเงินสดสม่ำเสมอ มีผลตอบแทนสูงกว่าพันธบัตร […]

กองทุนเปิดบัวหลวงอินคัม (B-INCOME)

กองทุนเปิดบัวหลวงอินคัม (B-INCOME)

สรุปประเด็นเด่น กองทุน B-INCOME มีการรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติครั้งที่ 12 เมื่อวันที่ 30 มิ.ย. 2563 อัตรา 0.105936 บาทต่อหน่วย  ตั้งแต่จัดตั้งกองทุนรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติรวม 1.106719 บาทต่อหน่วย (จัดตั้งกองทุนเมื่อ 18 พ.ค. 2560) อัตราผลตอบแทนพันธบัตร จะมีความผันผวนมากขึ้น ตราสารหนี้ภาคเอกชนมีความเสี่ยงด้านเครดิตและสภาพคล่องเพิ่มขึ้น กองทุนเน้นลงทุนโดยคัดเลือกผู้ออกหุ้นกู้ที่ได้รับผลกระทบด้านกระแสเงินสดในระดับต่ำ และมีสภาพคล่องเพียงพอสำหรับภาระหนี้ที่จะครบกำหนดในระยะสั้น เพื่อลดความเสี่ยงด้านการระดมทุนเพื่อต่ออายุหุ้นกู้ แนวโน้มการลงทุนในตราสารทุนอยู่ที่การฟื้นตัวทางปัจจัยพื้นฐานว่าจะฟื้นขึ้นเร็วมากน้อยกว่าที่ตลาดคาดหวังไว้กองทุนลงทุนแบบ Selective เน้นหุ้นที่มีพื้นฐานแข็งแกร่ง ให้ความสำคัญกับธุรกิจที่เห็นสัญญาณของรายได้กลับมาในเวลาเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ และมีเงินปันผลที่สม่ำเสมอ การลงทุนในกลุ่มกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน (IFF)และ หน่วยทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REITs) ยังน่าสนใจเพราะมีกระแสเงินสดสม่ำเสมอ มุมมองบวกต่อกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน กองทุนในหมวดนิคมอุตสาหกรรม รวมถึงหมวดอาคารสำนักงาน เนื่องจากได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจชะลอตัวช้ากว่าอุตสาหกรรมอื่น และหลีกเลี่ยงการลงทุนในหมวดโรงแรม 

ลงทุนในสินทรัพย์ที่หลากหลายกับ B-INCOMESSF

ลงทุนในสินทรัพย์ที่หลากหลายกับ B-INCOMESSF

โดย…เสกสรร โตวิวัฒน์ CFP® ผู้เชี่ยวชาญด้านการวางแผนทางการเงิน BF Knowledge Center กองทุนรวมเพื่อการออม หรือ SSF เป็นเครื่องมือสำคัญสำหรับการเก็บออมเงินไว้ใช้ในวันข้างหน้าที่มีการคาดหมายว่าระบบสวัสดิการต่างๆ ที่มีอยู่จะไม่เพียงพอสำหรับการดูแลประชากรในอนาคต การสนับสนุนให้เกิดการออมด้วยตนเองจึงเป็นทางออกที่สำคัญ โดยรัฐสนับสนุน ให้สิทธิลดหย่อนภาษีสำหรับ SSF สำหรับ กองทุนเปิดบัวหลวงอินคัมเพื่อการออม หรือ B-INCOMESSF เป็นกองทุน SSF ใหม่ ที่มีความลงตัวในการกระจายลงทุนเหมาะสมกับผู้ต้องการลงทุนระยะยาวที่ไม่ต้องการความเสี่ยงที่สูงเกินไปแต่มีโอกาสรับผลตอบแทนดีๆ ในอนาคต ทั้งนี้ B-INCOMESSF กับกองทุนเปิดบัวหลวงอินคัม (B-INCOME) จะว่าไปก็เหมือนกองทุนเดียวกัน เพราะ B-INCOMESSF จะระดมทุนแล้วนำเงินไปลงทุนใน B-INCOME เลย ซึ่งการนำเงินไปลงทุนในกองทุนอีกทีแบบนี้ ผู้ลงทุนไม่ต้องห่วงว่าจะเสียค่าธรรมเนียมซ้ำซ้อน เพราะการลงทุนในกองทุนรวมของบริษัทจัดการเดียวกันเอง มีเกณฑ์ของ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ชัดเจน ไม่ให้คิดค่าธรรมเนียมซ้ำซ้อน เมื่อ B-INCOMESSF ระดมเงินไปลงทุนใน B-INCOME เราจึงขอทบทวนนโยบายการลงทุนของ B-INCOME ให้ผู้ลงทุนรับทราบกันอีกครั้ง โดย […]

กองทุนบัวหลวงพร้อมเสนอขาย SSF 2 กองใหม่ วันที่ 15-21 ก.ค.นี้ ชู B-FUTURESSF เป็นทางเลือกให้ผู้ลงทุนที่ต้องการเติบโตไปกับสินค้าและบริการที่มีนวัตกรรม

กองทุนบัวหลวงพร้อมเสนอขาย SSF 2 กองใหม่ วันที่ 15-21 ก.ค.นี้ ชู B-FUTURESSF เป็นทางเลือกให้ผู้ลงทุนที่ต้องการเติบโตไปกับสินค้าและบริการที่มีนวัตกรรม

กองทุนบัวหลวงเสนอขาย IPO กองทุนรวมเพื่อการออม (SSF) 2 กองใหม่ วันที่ 15-21 กรกฎาคม 2563 นี้ ได้แก่ B-FUTURESSF และ B-INCOMESSF B-FUTURESSF สำหรับผู้ลงทุนที่ต้องการคว้าโอกาสเติบโตไปพร้อมสินค้าและบริการที่มีนวัตกรรม  ส่วน B-INCOMESSF เหมาะเป็นทางเลือกให้ผู้ที่อยากกระจายการลงทุนอย่างรอบคอบ ผู้ลงทุนมอบความไว้วางใจให้กองทุนบัวหลวงดูแลเงินลงทุนใน RMF-LTF-SSF กว่า 1.75 แสนล้านบาท นายวศิน วัฒนวรกิจกุล กรรมการผู้จัดการ Head of Business Distribution บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม บัวหลวง จำกัด (กองทุนบัวหลวง) เปิดเผยว่า กองทุนบัวหลวงเสนอขายหน่วยลงทุนครั้งแรก (IPO) กองทุนรวมเพื่อการออม (SSF) 2 กองใหม่ 2 สไตล์ ระหว่างวันที่ 15-21 กรกฎาคม 2563 นี้ […]

Asset Allocation จำเป็นแค่ไหน

Asset Allocation จำเป็นแค่ไหน

โดย…เสกสรร โตวิวัฒน์ CFP® ผู้เชี่ยวชาญด้านการวางแผนทางการเงิน BF Knowledge Center การจัดสรรการลงทุนในสินทรัพย์หลายๆ ประเภท หรือ Asset Allocation เป็นการกระจายความเสี่ยงและจัดสรรสัดส่วนการลงทุนตามระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้และเป้าหมายผลตอบแทนของแต่ละคน ปัจจุบันผู้มีเงินออมจำนวนมากได้ทำ Asset Allocation กันอยู่แล้ว แต่อาจไม่รู้ตัว ตัวอย่างเช่น เก็บเงินไว้ที่ธนาคาร ซื้อหุ้นกู้ ซื้อกองทุนรวม ซื้อทองคำ หรือแม้แต่เล่นหุ้นเอง การแบ่งเงินไปฝาก/ ลงทุนที่หลากหลาย ก็นับว่าเป็น Asset Allocation อยู่แล้ว แต่ผู้ลงทุนควรพิจารณาว่า Asset Allocation ที่มีอยู่นั้นเหมาะสม สอดคล้องกับความต้องการของตนเองหรือไม่ ทั้งนี้ เวลาดูทรัพย์สินลงทุน เราไม่ควรดูแค่กองทุนรวม หรือกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (PVD) หรือกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) อย่างเดียว ควรต้องพิจารณาเงินลงทุนทั้งหมดไปพร้อมๆ กัน แต่ต้องอิงตามเป้าหมายด้วย ทุกคนควรทำ Asset Allocation ใช่หรือไม่? คำตอบคือ […]

กองทุนเปิดบัวหลวงอินคัม (B-INCOME)

กองทุนเปิดบัวหลวงอินคัม (B-INCOME)

สรุปภาพรวมตลาดตราสารทุน ภาพรวมการลงทุนในไตรมาสแรกของปีนั้น เต็มไปด้วยความผันผวน โดยหลังจากที่ตลาดหุ้นโลกได้ทำจุดสูงสุดในช่วงกลางเดือน ก.พ. แล้วปรับตัวลงอย่างรวดเร็ว โดยตลาดหุ้นหลายแห่งปรับตัวลงไปทำจุดต่ำสุดที่ประมาณ -30% นับจากต้นปี จนถึงเดือน มี.ค. และเป็นการเข้าสู่ตลาดหมีหรือเป็นการลดลงจากจุดสูงสุดมากกว่า 20% ที่เร็วที่สุดในประวัติศาสตร์ จากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ได้กลายเป็นการแพร่ระบาดใหญ่ทั่วโลก ทุกประเทศต้องใช้มาตรการต่างๆ ในการรับมือ ทั้งการปิดเมือง การจำกัดการเดินทางและการหยุดกิจกรรมทางเศรษฐกิจต่างๆ ทำให้เศรษฐกิจทั่วโลกเกิดภาวะชะงักงัน และมีโอกาสที่จะเข้าสู่ภาวะถดถอยอย่างแน่นอนแล้ว ในปีนี้ ซึ่งความต้องการบริโภคที่หายไปอย่างกะทันหันเช่นนี้ ทำให้เกิดผลกระทบในเชิงกว้าง รวมถึงสงครามราคาน้ำมันระหว่าง บรรดาประเทศผู้ผลิตน้ำมันหลักที่ไม่สามารถเจรจาลดกำลังผลิตได้ ทำให้ราคาน้ำมันปรับตัวลงแรง ภาวะดังกล่าวนี้ เป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในโลกอุตสาหกรรมยุคใหม่ ที่เศรษฐกิจของทั่วโลกนั้นมีการเชื่อมโยงกันสูง ทำให้เกิด ผลกระทบค่อนข้างมาก การตอบสนองของรัฐบาลและธนาคารกลางทั่วโลกในเวลานี้ จึงมากอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนเช่นกัน โดยผู้ที่มีอิทธิพลหลักอย่าง เฟด ได้ลดดอกเบี้ยลงอย่างรวดเร็วจนใกล้ศูนย์ เป็นการลดที่เร็วกว่าการถดถอยครั้งไหนๆ รวมทั้งใช้การอัดฉีด สภาพคล่องเพื่อให้ธุรกิจยังคงดำเนินต่อไปได้ รวมถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจขนานใหญ่จากภาครัฐบาล ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกันทั่วโลก ซึ่งช่วยลดความกลัวของนักลงทุนเกี่ยวกับความเสี่ยงของการล้มละลายของบริษัทจำนวนมากลงไปได้ ด้านตลาดหุ้นไทยในปี 2020 นี้ ปรับตัวลงมาแล้วราว 30% YTD […]

ลงทุนเพื่อรายรับสม่ำเสมอดีจริงหรือ ?

ลงทุนเพื่อรายรับสม่ำเสมอดีจริงหรือ ?

โดย     พริ้มพัชร จิรบวรพงศา AFPTTM ผู้เชี่ยวชาญด้านการวางแผนทางการเงิน BF Knowledge Center ปัจจุบันทางเลือกในการลงทุนมีหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นสินทรัพย์การลงทุน นโยบายลงทุนที่มี ทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงสไตล์การลงทุนของแต่ละแห่งซึ่งมีเอกลักษณ์ที่แตกต่างกัน ข้อดีของความหลากหลายคือ สามารถเลือกให้เหมาะสมกับเป้าหมายและความเสี่ยงที่ยอมรับได้ของแต่ละบุคคลได้อย่างลงตัวมากขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม มีคำถามหนึ่งที่นักลงทุนมักจะสงสัยกันนั่นคือ เราจะเลือกลงทุนอย่างไรดี? ระหว่าง ลงทุนไปเรื่อยๆ พอใจผลตอบแทนเมื่อไรก็ทำการขายคืนด้วยตัวเอง หรือ ลงทุนแบบที่มีการจ่ายเงินคืนระหว่างทางเพื่อสร้างรายรับสม่ำเสมอ สำหรับนักลงทุนส่วนใหญ่คงคุ้นเคยกับแบบแรกคือ ลงทุนไปเรื่อยๆ พอใจผลตอบแทนเมื่อไรก็ทำการขายคืนด้วยตัวเอง รูปแบบนี้อาจเหมาะกับนักลงทุนที่ขยันซื้อ ขยันขาย พอมีเวลาติดตามตลาดลงทุนอยู่บ้างและยอมรับความผันผวนของราคาได้ค่อนข้างมาก ข้อดี คือ ผลกำไรที่ได้รับมาระหว่างทางจะไม่ได้ถูกนำออกไปใช้  แต่จะถูกนำไปลงทุนต่อเนื่อง ทำให้มีโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว ข้อด้อย คือ ความผันผวนของราคาระหว่างทาง ทำให้มีโอกาสขาดทุนเนื่องจากไม่ได้นำเงินกำไรบางส่วนออกมา ด้วยเหตุนี้ ในช่วงที่การลงทุนมีความผันผวน  นักลงทุนจึงเริ่มสนใจลงทุนแบบที่มีการจ่ายเงินคืนระหว่างทางเพื่อสร้างรายรับสม่ำเสมอกันมากขึ้น สังเกตได้จากการที่นักลงทุนจำนวนหนึ่งเริ่มสนใจลงทุนในอสังหาริมทรัพย์เพื่อรับค่าเช่า รวมถึงเริ่มสนใจลงทุนในหุ้นปันผล กองทุนรวมที่มีนโยบายจ่ายเงินปันผล กองทุนรวมมีการทยอยจ่ายคืนเงินต้นพร้อมผลตอบแทน (Auto Redemption) หรือกองทุนรวมที่สามารถกำหนดวันขายคืนล่วงหน้ารายเดือนได้  เป็นต้น ข้อดี คือ การจ่ายเงินคืนระหว่างทางเป็นเครื่องมือในการสร้างกระแสเงินสดปัจจุบัน และลดความเสี่ยงที่จะขาดทุนกำไรจากความไม่แน่นอนมีอาจเกิดขึ้นในอนาคต  […]

เผชิญความท้าทายด้วยกองทุน B-INCOME

เผชิญความท้าทายด้วยกองทุน B-INCOME

โดย…ศรศักดิ์ สร้อยแสงจันทร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการวางแผนทางการเงิน BF Knowledge Center ภาวะการลงทุนในปีนี้ยังคงต้องเผชิญกับความท้าทายจากหลายปัจจัย ได้แก่ เศรษฐกิจโลกที่มีแนวโน้มการเติบโตที่ชะลอตัวลง อาจส่งผลให้การส่งออกไม่ดี สงครามการค้าระหว่างสหรัฐกับจีนที่สงบศึกชั่วคราว แต่ยังไม่ถือว่าจบสิ้น ไวรัสโคโรน่าระบาดที่เมืองจีน แต่ส่งผลสะเทือนถึงเมืองไทย โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยว ภัยแล้งที่กำลังคืบคลานมา กระทบภาคเกษตรและประชาชนระดับกลางถึงล่าง ภายใต้ความไม่แน่นอนเช่นนี้  การลงทุนในสินทรัพย์หลากหลายประเภท จะสามารถช่วยรองรับผลกระทบจากปัจจัยเสี่ยง  โดยมีได้ผลตอบแทนพอสมควร และให้เงินลงทุนได้มีโอกาสเติบโตต่อไปอย่างต่อเนื่องหากปัจจัยเสี่ยงเหล่านี้คลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้น กองทุนบัวหลวงขอแนะนำให้นักลงทุนจัดพอร์ตลงทุนให้มีสินทรัพย์หลากหลายประเภท  หรือเลือกใช้กองทุนรวมที่มีนโยบายลงทุนแบบผสม   ซึ่งเรื่องนี้กองทุนบัวหลวงได้คิดเผื่อไว้แล้ว  โดยเรามี กองทุนเปิดบัวหลวงอินคัม หรือ B-INCOME  ที่มีนโยบายกระจายการลงทุนในสินทรัพย์ที่หลากหลาย   ทั้งตราสารหนี้ที่เป็นสินทรัพย์เสี่ยงต่ำ กองทุนอสังหาริมทรัพย์-โครงสร้างพื้นฐานเป็นสินทรัพย์เสี่ยงปานกลาง และสินทรัพย์เสี่ยงสูงคือหุ้น  โดยกองทุนนี้มีสัดส่วนลงทุนใน ตราสารหนี้ ประมาณ 50 – 60% ของพอร์ตลงทุน   ถึงแม้ในตอนนี้ดอกเบี้ยจะต่ำ แต่ข้อดีของตราสารหนี้มูลค่าผันผวนน้อย ลดแรงกระแทกจากภาวะเศรษฐกิจและตลาดทุนได้ดี จึงเป็นสินทรัพย์หลักของกองทุน กองทุนอสังหาริมทรัพย์-โครงสร้างพื้นฐาน ประมาณ 20 – 25% ของพอร์ตลงทุน   ถึงแม้ราคากองทุนจะมีความผันผวนอยู่บ้างแต่ก็ยังผันผวนต่ำกว่าหุ้น โดยมีข้อดีคือมีการจ่ายเงินปันผลอย่างสม่ำเสมอในอัตรา 4 […]