หุ้นไทย 9 พ.ย. ปิดตลาด 1,668.52 จุด ลดลง 13.21 จุด
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทย (SET Index) ปิดวันนี้ ( 9 พ.ย. 2018) อยู่ที่ระดับ 1,668.52 จุด ลดลง 13.21 จุด หรือ -0.79% โดยระหว่างวันดัชนีทำระดับสูงสุดที่ 1,677.51 จุด และทำระดับต่ำสุดที่ 1,664.85 จุด มูลค่าการซื้อขาย 34,753.54 ล้านบาท หลักทรัพย์ที่มีการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับได้แก่ PTT ปิดที่ 49.75 บาท ลดลง 1.00 บาท (+1.97%) มูลค่าการซื้อขาย 2,363.89 ลบ. IVL ปิดที่ 55.25 บาท ลดลง 1.75 บาท (-3.07%) มูลค่าการซื้อขาย 1,926.02 ลบ. […]
อี-คอมเมิร์ซเพิ่มโอกาสธุรกิจขนาดเล็ก-กลางเข้าถึงตลาดโลก
สภาเศรษฐกิจโลกนำเสนองานศึกษา เรื่องการขนส่งสินค้าอี-คอมเมิร์ซ ในยุคเปลี่ยนผ่านโลจิสติกส์ โดยชี้ว่า อี-คอมเมิร์ซ ได้เพิ่มศักยภาพให้ธุรกิจขนาดเล็กจนถึงขนาดกลางในการเข้าถึงตลาดโลกอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ธุรกิจขนาดเล็กสามารถค้าขายกับลูกค้าและพันธมิตรจำนวนมากขึ้นกว่าอดีต โดยที่บริการด้านโลจิสติกส์และการส่งสินค้ามีความสำคัญมาก เพื่อให้แน่ใจว่าสินค้าที่ถูกสั่งผ่านออนไลน์จะถึงมือลูกค้า และสามารถส่งคืนกลับได้ถ้าได้รับสินค้าไม่ถูกต้องหรือเสียหาย ในงานศึกษานี้ อธิบายว่า อี-คอมเมิร์ซ เปลี่ยนผ่านธุรกิจค้าปลีกให้แตกต่างจาก 20 ปีที่ผ่านมา ผู้เล่นที่ทุกคนรู้จักกันดีต้องปรับโครงสร้างครั้งใหญ่หรือล้มหายไป เพราะได้รับผลกระทบจากผู้เล่นใหม่ๆ บนออนไลน์ แพลตฟอร์ม ซึ่งการเปลี่ยนแปลงนี้มีผลมาจากอินเทอร์เน็ตและเทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้น ทำให้เกิดร้านค้าที่เปิดได้แบบ 24 ชั่วโมง 7 วัน ผ่านแล็ปท็อปและอุปกรณ์มือถือ อีกทั้งเพิ่มความสามารถเปรียบเทียบผลิตภัณฑ์ ราคา และสามารถขนส่งสินค้าให้ผู้บริโภคถึงหน้าประตูบ้าน เมื่อให้มองอนาคต คาดว่า เวลาขนส่งสินค้าจะยิ่งสั้นลงอีก อาจเป็นภายในวันเดียว ในแค่ 1-2 ชั่วโมงก็ได้ เป็นผลจากผู้บริโภคมีความคาดหวังมากขึ้น และผู้บริโภคก็มีความต้องการความยืดหยุ่นมากขึ้นในด้านการเลือกรูปแบบการส่งสินค้าที่สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของตัวเองมากกว่าจะเป็นไปตามกระบวนการของบริษัทในการจัดส่ง โดย เทคโนโลยีมีส่วนสำคัญกับการปิดช่องว่างนี้ เป็นตัวนำในการตอบสนองความต้องการของลูกค้า เพิ่มความสะดวกทั้งผู้ขนส่งและผู้รับสินค้า โดยการขนส่งทางเลือกที่กำลังถูกพัฒนา เช่น ส่งผ่านล็อคเกอร์ ส่งถึงรถ และส่งผ่านเครือข่ายที่รับฝากและให้มารับสินค้ากำลังเติบโตมากสำหรับธุรกิจค้าปลีก เพื่อให้แน่ใจว่าจะส่งสินค้าอี-คอมเมิร์ซถึงมือผู้บริโภคได้ ขณะที่ผู้ให้บริการโลจิสติกส์หลายเจ้าก็พยายามจัดหาบริการขนส่งที่มีมูลค่าเพิ่มมาเติมเต็ม […]
ตามติดภารกิจ ‘นาแลกป่า’ กับกองทุนรวม คนไทยใจดี ‘BKIND’
By…จารุพันธ์ จิระรัชนิรมย์ ผืนป่า คือ ลมหายใจของประเทศและโลกของเรา ความอุดมสมบูรณ์จะคงอยู่ยั่งยืนไม่ได้ หากขาดผืนป่าไป แต่หลายปีที่ผ่านมา ผืนป่าหลายผืนในไทยถูกทำลายลง ทั้งจากความตั้งใจและความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ด้วยการรุกล้ำพื้นที่ป่าเพื่อปลูกพืชเชิงเดี่ยวบางประเภท ส่งผลให้ป่าที่เคยอุดมสมบูรณ์ เขียวขจี กลายสภาพเป็นผืนดินแห้งแล้ง ภูเขาที่เคยปกคลุมไปด้วยต้นไม้ใหญ่สูงชันหนาทึบ เสื่อมโทรมเป็นภูเขาหัวโล้น สิ่งเหล่านี้เป็นสัญญาณเตือนว่า ถึงเวลาแล้วที่เราทุกคนต้องใส่ใจมากขึ้นกับสภาพที่เป็นอยู่ ทั้งต้องร่วมมือกันพลิกฟื้นคืนป่าให้กลับสู่ความอุดมสมบูรณ์โดยเร็วที่สุด ก่อนที่เราทุกคนจะไม่หลงเหลือความอุดมสมบูรณ์ส่งต่อไปถึงรุ่นลูกรุ่นหลานอีกเลย กองทุนรวม คนไทยใจดี หรือกองทุน BKIND จัดตั้งขึ้นมาตั้งแต่เดือน ต.ค. 2557 ด้วยแนวคิดกิจการที่มีกำไรและยั่งยืน ต้องอยู่บนพื้นฐานของการประกอบธุรกิจ เพื่อยกระดับสังคมไทยอย่างแท้จริง และเป็นกองทุนรวมแรกของไทยที่มอบรายได้จากการจัดการกองทุน 40% หรือ 0.8% ของมูลค่าเงินกองทุน ไปสนับสนุนโครงการสาธารณประโยชน์ เพื่อให้เงินลงทุนของผู้ลงทุนมีส่วนร่วมสร้างสังคมไทยให้ดีขึ้นอย่างยั่งยืน ก็เล็งเห็นความสำคัญของปัญหาที่เกิดขึ้นกับป่า ดังนั้น ในปี 2558-2560 กองทุน BKIND จึงมอบงบสนับสนุนโครงการ “นาแลกป่า” ที่มูลนิธิฮักเมืองน่านจัดทำขึ้น โดยเมื่อปลายเดือนต.ค.ที่ผ่านมา ทีมงานกองทุนบัวหลวง มีโอกาสไปลงพื้นที่จังหวัดน่าน เพื่อติดตามผลลัพธ์ จากการที่ […]
ดัชนีหุ้นไทย 8 พ.ย. ปิดตลาด 1,681.73 จุด เพิ่มขึ้น 6.40 จุด
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทย (SET Index) ปิดวันนี้ ( 8 พ.ย. 2018) อยู่ที่ระดับ 1,681.73 จุด เพิ่มขึ้น 6.40 จุด หรือ +0.38% โดยระหว่างวันดัชนีทำระดับสูงสุดที่ 1,688.90 จุด และทำระดับต่ำสุดที่ 1,681.25 จุด มูลค่าการซื้อขาย 49,166.72 ล้านบาท หลักทรัพย์ที่มีการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับได้แก่ PTT ปิดที่ 50.75 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท (+1.00%) มูลค่าการซื้อขาย 2,895.44 ลบ. IVL ปิดที่ 57.00 บาท เพิ่มขึ้น 2.50 บาท (+4.59%) มูลค่าการซื้อขาย 2,535.37 ลบ. […]
บริษัทวิจัยตลาดคาดจีนครองแชมป์จุดหมายที่คนเที่ยวมากสุดปี 2030
สำนักข่าวซินหัว รายงานว่า จีนจะชิงตำแหน่งประเทศจุดหมายปลายทางที่นักท่องเที่ยวนิยมมากที่สุดในปี 2030 แซงแชมป์อย่างสิงคโปร์ไปได้ โดยข้อมูลนี้มาจากรายงานล่าสุดที่ออกโดยบริษัทวิจัยตลาดในลอนดอน อย่างยูโรมอนิเตอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล รายงานฉบับนี้ถูกเปิดเผยขึ้นในงานด้านการตลาดท่องเที่ยวใหญ่ระดับโลกที่จัดขึ้นในลอนดอน โดยระบุว่า ปีนี้จะเห็นการเดินทางทั้งหมด 1,400 ล้านทริปเกิดขึ้นทั่วโลก เพิ่มขึ้น 5% จากปีที่ผ่านมา โดยแหล่งท่องเที่ยวที่เติบโตอย่างยั่งยืนส่วนใหญ่มีศูนย์กลางอยู่ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก มีอัตราการเติบโตถึง 10% ในปีนี้ นอกจากนี้ รายงานยังระบุว่า ทริปเดินทางระหว่างประเทศจะแตะระดับ 2,400 ล้าน ทริปภายใน 12 เดือนข้างหน้า โดยจีนจะเป็นตลาดที่มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าไปเที่ยวขนาดใหญ่ที่สุดในโลกภายในปี 2030 ซึ่งนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นจะมาจากภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกเป็นหลัก เศรษฐกิจที่เติบโต และรายได้ที่สูงขึ้นของคนในประเทศเอเชียเป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้เดินทางไปเที่ยวจีนมากขึ้น ส่วนข้อจำกัดด้านวีซ่าที่ผ่อนคลายลง และการจัดกิจกรรมใหญ่ เช่น โอลิมปิกฤดูหนาว 2022 จะเป็นแรงสำคัญที่ผลักดันให้จำนวนนักท่องเที่ยวเดินทางไปเที่ยวจีนมากขึ้น ทั้งนี้ การท่องเที่ยวเป็นหนึ่งในแรงขับเคลื่อนหลักของเศรษฐกิจจีน โดยการลงทุนที่เกิดขึ้นมากเพื่อปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานและมาตรฐาน การมีนโยบายเป็นมิตรกับนักท่องเที่ยวและการคิดริเริ่มใหม่ๆ เหล่านี้เป็นตัวสนับสนุนการท่องเที่ยวจีนทั้งสิ้น Wouter Geerts นักวิเคราะห์อาวุโสด้านท่องเที่ยว ของยูโรมอนิเตอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล กล่าว […]
ASEAN Economic Update Philippines
GDP ฟิลิปปินส์ไตรมาส 3/2018 โต 6.1% YoY ต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ที่ 6.2% YoY และต่ำสุดในรอบ 3 ปี
BF Economic Research GDP ของฟิลิปปินส์ในไตรมาส 3/2018 ขยายตัว 6.1% YoY ชะลอลงจากไตรมาสที่ผ่านมาซึ่งขยายตัว 6.2% YoY ต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ที่ 6.2% YoY การเติบโตที่ชะลอลงของการบริโภคและการลงทุน ส่งผลให้อุปสงค์ภายในประเทศอ่อนแอลง ขณะที่ การส่งออกสุทธิ (Net Export) ที่ลดลงยังคงเป็นปัจจัยกดดันเศรษฐกิจของฟิลิปปินส์ GDP ของฟิลิปปินส์ในไตรมาส 3/2018 ขยายตัว 6.1% YoY ชะลอลงจากไตรมาสที่ผ่านมาซึ่งขยายตัว 6.2% YoY ต่ำสุดในรอบ 3 ปี เนื่องมาจากการบริโภคซึ่งที่ขยายตัวชะลอลงที่ 5.2% YoY (Prev.+5.9% YoY) ประกอบกับการลงทุนที่ขยายตัวชะลอลงเช่นกันที่ 16.7% YoY (Prev.+21.5% YoY) ในทางตรงกันข้าม การใช้จ่ายภาครัฐขยายตัวเร่งขึ้นที่ 14.3 % YoY (Prev.+11.9% […]
BF Knowledge Center Personal Finance RMF
สารพันเรื่องน่ารู้กองทุนรวม RMF
สารพันเรื่องน่ารู้กองทุนรวม RMF โดย…อรพรรณ บัวประชุม CFP® ผู้เชี่ยวชาญด้านการวางแผนทางการเงิน BF Knowledge Center ถ้าลงทุน RMF ขายก่อนปีที่ครบกำหนดได้หรือเปล่า ขายได้ แต่จะผิดเงื่อนไขการลงทุนของกองทุนรวม RMF โดยการผิดเงื่อนไขให้พิจารณา 2 ข้อ คือ 1.ลงทุนมาแล้ว 5 ปีแต่ยังมีอายุไม่ถึง 55 ปีบริบูรณ์ หากลงทุนมาแล้ว 5 ปี แต่อายุยังไม่ถึง 55 ปีบริบูรณ์ แล้วขายกองทุนรวม RMF ผิดเงื่อนไขในเรื่องของอายุของผู้ลงทุนที่ไม่ถึง 55 ปี ในกรณีนี้ หากขายหมด กำไรที่ได้รับ ไม่ต้องนำมารวมคำนวณเป็นเงินได้ แต่จะต้องคืนสิทธิทางภาษีย้อนหลังสูงสุด 5 ปี เช่น ลงทุนมาแล้ว 10 ปี ปีละ 10,000 บาท อัตราภาษี ที่เสีย […]
เยลเลนชี้เศรษฐกิจสหรัฐจะแข็งแกร่งต้องจ้างงานเต็มอัตรา
นางเจเน็ต เยลเลน อดีตผู้ว่าธนาคารกลางสหรัฐ กล่าวในการประชุม Bloomberg New Economy Forum ซึ่งจัดขึ้นที่สิงคโปร์ว่า เศรษฐกิจจะแข็งแกร่งได้นั้น ต้องมีการจ้างงานเต็มอัตรา รวมถึงให้ความสำคัญกับแรงงานที่มีค่าแรงต่ำซึ่งเป็นกลุ่มผู้ด้อยโอกาส ช่วยลดความเหลื่อมล้ำในสังคมอเมริกา ซึ่งความไม่เท่าเทียมกันในสังคมและค่าแรงที่อยู่ในระดับต่ำสร้างความไม่พอใจในระบบทุนนิยมในสหรัฐ ขณะที่ อัตราการจ้างงานในกลุ่มคนผิวสีลดลงอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ในปี 2010 ที่มีการจ้างงานคนผิวสีแตะระดับสูงสุด เขากล่าวว่า สหรัฐควรรักษาระเบียบข้อบังคับอย่างเข้มงวด เพื่อป้องกันการเกิดวิกฤตการทางการเงินอีกครั้ง เขามองว่าการที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกเล็กน้อยนั้น ถือเป็นเรื่องที่เหมาะสม และยังกล่าวด้วยว่า ภาวะทางการเงินในสหรัฐยังคงอยู่ในลักษณะผ่อนคลาย แม้ตลาดเข้าสู่ระยะพักฐานเมื่อเร็วๆ นี้ก็ตาม ทั้งนี้ เฟดได้ใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจนับตั้งแต่ปี 2009 และขณะนี้ถึงเวลาแล้วที่เฟดจะต้องชะลอการกระตุ้นเศรษฐกิจ พร้อมกับเดินหน้าควบคุมเงินเฟ้อ
หุ้นไทยบวก 6 จุด ปิดตลาดที่ 1,675.33 จุด
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทย (SET Index) ปิดวันนี้ ( 7 พ.ย. 2018) อยู่ที่ระดับ 1,675.33 จุด เพิ่มขึ้น 6.00 จุด หรือ 0.36% โดยระหว่างวันดัชนีทำระดับสูงสุดที่ 1,676.09 จุด และทำระดับต่ำสุดที่ 1,656.51 จุด มูลค่าการซื้อขาย 50,638.61 ล้านบาท หลักทรัพย์ที่มีการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับได้แก่ 1.ADVANC ปิดที่ 184.00 บาท เพิ่มขึ้น 2.50 บาท มูลค่าการซื้อขาย 3,519.96 ลบ. 2.PTT ปิดที่ 50.25 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท มูลค่าการซื้อขาย 3,065.50 ลบ. 3.PTTEP ปิดที่ […]
ฮ่องกงถูกสิงคโปร์แซงหน้าราคาที่อยู่อาศัยแพงสุด
ดัชนีราคาที่อยู่อาศัยในสิงคโปร์เพิ่มขึ้นร้อนแรงที่สุด แซงหน้าฮ่องกงที่ปัจจุบันตกลงมาอยู่อันดับที่ 14 แม้ว่าสิงคโปร์จะมีมาตการชะลอความร้อนแรงของราคาที่อยู่อาศัยก็ตาม Knight Frank บริษัทที่ปรึกษาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ทำการจัดอันดับ The Prime Global Cities Index ในไตรมาส 3 สิ้นสุดเดือน ก.ย. ที่ผ่านมา พบว่า สิงคโปร์มีราคาอสังหาริมทรัพย์หรูเติบโตร้อนแรงที่สุด โดยราคาบ้านปรับเพิ่มขึ้นถึง 13% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามความต้องการที่อยู่อาศัยระดับไฮเอนด์ที่เพิ่มสูงขึ้น ในขณะที่ ฮ่องกงร่วงลงมาอยู่อันดับที่ 14 โดยราคาบ้านปรับเพิ่มขึ้นเพียง 5.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน อย่างไรก็ตามการเพิ่มขึ้นของราคาที่อยู่อาศัยในฮ่องกงยังคงสูงกว่าค่าเฉลี่ยราคาอสังหาริมทรัพย์ 43 เมืองทั่วโลกที่ปรับขึ้น 2.7%