ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 8 ก.พ. 2564 ปิดตลาดที่ 1,516.43 จุด เพิ่มขึ้น 19.82 จุด

ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 8 ก.พ. 2564 ปิดตลาดที่ 1,516.43 จุด เพิ่มขึ้น 19.82 จุด

ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 8 ก.พ. 2564 ปิดตลาดที่ 1,516.43 จุด เพิ่มขึ้น 19.82 จุด หรือ +1.32% โดยระหว่างวันดัชนีสูงสุดที่ 1,517.31 จุด ต่ำสุดที่ 1,507.09 จุด มูลค่าการซื้อขาย 94,278.81 ล้านบาท หลักทรัพย์ที่มีการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับได้แก่ 1.BBL ปิดที่ 129.50 บาท เพิ่มขึ้น 6.50 บาท (+5.28%) มูลค่าการซื้อขาย 6,582.54 ลบ. 2.KBANK ปิดที่ 147.00 บาท เพิ่มขึ้น 9.00 บาท (+6.52%) มูลค่าการซื้อขาย 6,310.76 ลบ. 3.PTT ปิดที่ 40.25 บาท […]

ติ๊กต็อกวางแผนขยายตัวสู่ธุรกิจอี-คอมเมิร์ซในสหรัฐฯ

ติ๊กต็อกวางแผนขยายตัวสู่ธุรกิจอี-คอมเมิร์ซในสหรัฐฯ

สำนักข่าวบลูมเบิร์ก รายงานว่า ติ๊กต็อกวางแผนจะขยายธุรกิจเชิงรุกเข้าไปในตลาดอี-คอมเมิร์ซ ในสหรัฐฯ โดยอ้างอิงมาจากรายงานของเดอะ ไฟแนนเชียล ไทม์ส ซึ่งได้ข้อมูลมาจากบุคคลที่ได้เห็นแผนของแอปพลิเคชันโซเชียลมีเดียนี้ เกี่ยวกับคุณสมบัติใหม่ที่จะนำเสนอในปีนี้ สำหรับคุณสมบัติใหม่ที่ว่า จะเป็นเครื่องมือที่ทำให้ติ๊กต็อกซึ่งได้รับความนิยมสูงจากผู้ใช้งานสามารถแบ่งปันลิงค์ที่จะเชื่อมต่อไปยังผลิตภัณฑ์และรับค่าคอมมิชชันจากการขายโดยอัตโนมัติได้ โดยติ๊กต็อกจะเปิดตัวไลฟ์ สตรีม ชอปปิง ซึ่งเป็นช่องชอปปิงบนโทรทัศน์ในเวอร์ชันบนโทรศัพท์เคลื่อนที่ เป็นพื้นที่ที่ผู้ใช้งานสามารถซื้อสินค้าได้เพียงแค่แตะไม่กี่ครั้ง นอกจากนี้ติ๊กต็อกยังหาระหว่างการหาแบรนด์ต่างๆ มาแสดงในรายการสินค้าด้วย ติ๊กต็อกนั้น มีบริษัท ไบท์แดนซ์ สัญชาติจีนเป็นเจ้าของ โดยเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมามีการเปิดตัวเป็นพันธมิตรกับ WPP Plc ที่นำเสนอความสามารถในการทำตลาดโดยเข้าถึงไวรัลวิดีโอแพลตฟอร์มให้กับเครือข่ายและลูกค้าเอเจนซีโฆษณาในลอนดอน “ดูเหมือนว่าติ๊กต็อกจะข้ามประสบการณ์บนเดสก์ท็อปไป และมุ่งไปที่การค้าโดยตรง ซึ่งกรณีที่ติ๊กต็อกเป็นพันธมิตรกับ WPP จะเป็นการเข้าไปจับความเชื่อมโยงระหว่างคอนเทนต์และการค้า” Jack Smyth เจ้าหน้าที่เทคโนโลยีสร้างสรรค์ มายด์แชร์ กล่าว เครื่องมือใหม่นี้จะทำให้ติ๊กต็อกยกระดับการเป็นคู่แข่งกับเฟซบุ๊กในด้านการใช้จ่ายอี-คอมเมิร์ซ โดยติ๊กต็อกเคยกล่าวไว้ว่า มีแผนในปีนี้ที่จะสร้างความสามารถให้แบรนด์ต่างๆ สามารถใส่โฆษณาออนไลน์ของตัวเองได้แทนที่จะทำผ่านตัวแทนขาย

อัตราเงินเฟ้อไทยทั่วไปเดือน ม.ค. หดตัว -0.34% YoY คาด ก.พ. หดต่อ

อัตราเงินเฟ้อไทยทั่วไปเดือน ม.ค. หดตัว -0.34% YoY คาด ก.พ. หดต่อ

BF Economic Research อัตราเงินเฟ้อทั่วไป (Headline Inflation) ของไทย หดตัว -0.34% YoY ในเดือน ม.ค. จากที่หดตัว -0.27% ในเดือน ธ.ค. จากปัจจัยหลักคือ ดัชนีราคาพลังงานที่ลดลง -4.8% YoY ขณะที่ดัชนีราคาอาหารสดค่อนข้าง Flat ที่ 0.6% ด้านเงินเฟ้อพื้นฐาน (เงินเฟ้อไม่รวมอาหารสดและพลังงาน) เพิ่มขึ้น 0.21% (vs. 0.19% เดือนก่อน) ตั้งแต่เดือน ม.ค. 2021 เป็นต้นไป กระทรวงพาณิชย์มีการปรับเปลี่ยนปีฐานในการคำนวณเงินเฟ้อเป็นปี 2019 (จากปีฐานเดิม 2015) โดยเพิ่มน้ำหนักของดัชนีราคาอาหารสด (จาก 16.3% เป็น 20.8%) และดัชนีราคาพลังงาน (จาก 10.7% เป็น 11.7%) และจะปรับจำนวนสินค้าและบริการที่อยู่ในการคำนวณตะกร้าราคาเป็น […]

กองทุนบัวหลวง เตรียมจ่ายเงินปันผล 2 กองทุน B-FUTURE และ BCAP วันที่ 15 ก.พ. นี้

กองทุนบัวหลวง เตรียมจ่ายเงินปันผล 2 กองทุน B-FUTURE และ BCAP วันที่ 15 ก.พ. นี้

รายงานข่าวจากบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม บัวหลวง จำกัด หรือ กองทุนบัวหลวง เปิดเผยว่า กองทุนบัวหลวงประกาศจ่ายเงินปันผลกองทุนภายใต้การบริหารจัดการ รวม 2 กองทุน ได้แก่ กองทุนเปิดบัวหลวงหุ้นเพื่อคนรุ่นใหม่ (B-FUTURE) และกองทุนเปิดบัวหลวงร่วมทุน (BCAP) โดยปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหน่วยลงทุน วันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2564 และเตรียมจ่ายเงินปันผลในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2564 นี้ สำหรับกองทุน B-FUTURE เตรียมจ่ายเงินปันผลในอัตรา 0.30 บาทต่อหน่วยลงทุน สำหรับผลการดำเนินงานระยะเวลา 1 พฤศจิกายน 2563 – 31 มกราคม 2564 ซึ่งการจ่ายครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่ 5 นับตั้งแต่จัดตั้งกองทุนเมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม 2561 และเมื่อรวมทั้ง 5 ครั้ง B-FUTURE จ่ายเงินปันผลแล้วทั้งสิ้น 1.21 […]

ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 5 ก.พ. 2564 ปิดตลาดที่ 1,496.61 จุด เพิ่มขึ้น 13.63 จุด

ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 5 ก.พ. 2564 ปิดตลาดที่ 1,496.61 จุด เพิ่มขึ้น 13.63 จุด

ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 5 ก.พ. 2564 ปิดตลาดที่ 1,496.61 จุด เพิ่มขึ้น 13.63 จุด หรือ +0.92% โดยระหว่างวันดัชนีสูงสุดที่ 1,498.35 จุด ต่ำสุดที่ 1,488.73 จุด มูลค่าการซื้อขาย 79,352.02 ล้านบาท หลักทรัพย์ที่มีการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับได้แก่ 1.BBL ปิดที่ 123.00 บาท เพิ่มขึ้น 2.50 บาท (+2.07%) มูลค่าการซื้อขาย 4,714.70 ลบ. 2.PTT ปิดที่ 39.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.75 บาท (+1.96%) มูลค่าการซื้อขาย 4,041.37 ลบ. 3.KBANK ปิดที่ 138.00 บาท […]

สิงคโปร์ชี้วิกฤติสภาพภูมิอากาศเป็นภัยคุกคามมนุษยชาติ ดันนโยบายพัฒนาประเทศยั่งยืน

สิงคโปร์ชี้วิกฤติสภาพภูมิอากาศเป็นภัยคุกคามมนุษยชาติ ดันนโยบายพัฒนาประเทศยั่งยืน

รัฐสภาสิงคโปร์ออกมายอมรับว่า การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็นภาวะฉุกเฉินระดับโลก โดยมีเป้าหมายเรียกร้องให้รัฐบาล ภาคเอกชนและภาคประชาสังคมเร่งดำเนินการในประเด็นนี้ ซึ่งข้อเสนอบางส่วนที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) อภิปรายไว้ ได้แก่ การติดตามการลดปริมาณการใช้พลังงาน รวมถึงความมุ่งมั่นที่จะสร้างห่วงโซ่อุปทานอาหารที่ยืดหยุ่นและยั่งยืนมากขึ้น และที่สำคัญคือการบริหารจัดการกับขยะ หลังจากการอภิปรายเมื่อวันจันทร์ที่ 1 ก.พ. 2021 รัฐสภาสิงคโปร์ได้อนุมัติการเคลื่อนไหวที่จะเร่งการตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของประเทศ โดยประกาศให้ปัญหานี้เป็นภาวะฉุกเฉินระดับโลก การเคลื่อนไหวดังกล่าวยังได้รับการสะท้อนการยอมรับว่า วิกฤติสภาพภูมิอากาศเป็นภัยคุกคามต่อมนุษยชาติ ที่ต้องใช้ความพยายามร่วมกันในการบรรเทาและปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศอย่างจริงจัง เพื่อรองรับความยั่งยืนในการพัฒนาของสิงคโปร์ ปัจจุบันยังคงอยู่ระหว่างการหารือนโยบายการดำเนินการด้านสภาพอากาศที่เข้มข้นมากขึ้น และมีแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นในสิงคโปร์ หลังจากการประกาศชัดเจนก็จะทำให้ประเทศเป็นผู้นำในภูมิภาคอีกครั้งในการคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม เมื่อปีที่ผ่านมาสิงคโปร์ได้เปิดตัวแผนมูลค่า 1 แสนล้านดอลลาร์สิงคโปร์ (7.2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) เพื่อปรับให้เข้ากับอนาคตที่ต้องเผชิญกับสภาพภูมิอากาศ และลงทุนเพิ่มเติมในภาคการผลิตอาหารอย่างยั่งยืน ซึ่งเมื่อเกิดการระบาดของโควิด-19 ทำให้สิงคโปร์กลายมาเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมด้านอาหาร ย้อนไปในปี 2019 สิงคโปร์ประกาศให้เป็น ‘year of zero waste’ หรือปีแห่งการปลอดขยะ โดยเปิดตัวแผนแม่บทในการกำจัดขยะที่ฝังกลบลดลง 30% ภายในปี 2030 ซึ่งแผนแม่บทนี้เป็นเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามพัฒนาประเทศสู่ความยั่งยืน

ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 4 ก.พ. 2564 ปิดตลาดที่ 1,482.98 จุด เพิ่มขึ้น 1.23 จุด

ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 4 ก.พ. 2564 ปิดตลาดที่ 1,482.98 จุด เพิ่มขึ้น 1.23 จุด

ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 4 ก.พ. 2564 ปิดตลาดที่ 1,482.98 จุด เพิ่มขึ้น 1.23 จุด หรือ 0.08% โดยระหว่างวันดัชนีสูงสุดที่ 1,492.39 จุด ต่ำสุดที่ 1,477.88 จุด มูลค่าการซื้อขาย 77,840.06 ล้านบาท หลักทรัพย์ที่มีการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับได้แก่ 1.BBL ปิดที่ 120.50 บาท เพิ่มขึ้น 5.50 บาท มูลค่าการซื้อขาย 5,464.03 ลบ. 2.PTT ปิดที่ 38.25 บาท ปิดไม่เปลี่ยนแปลง มูลค่าการซื้อขาย 3,535.57 ลบ. 3.KBANK ปิดที่ 135.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.50 บาท มูลค่าการซื้อขาย […]

ส่งออกจีนปี 2021 ยังสดใส ตามการฟื้นตัวของอุปสงค์โลก-นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ

ส่งออกจีนปี 2021 ยังสดใส ตามการฟื้นตัวของอุปสงค์โลก-นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ

รายงานพิเศษจากซินหัว ระบุว่า ข้อมูลศุลกากรของจีนแสดงให้เห็นว่าการส่งออกของจีนในปี 2020 ปรับตัวเพิ่มขึ้น 4%  แม้ว่าจะมีความวุ่นวายต่างๆ โดยมูลค่าการส่งออกรวมสูงถึง 17.93 ล้านล้านหยวน (ประมาณ 2.77 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ) ขณะที่การส่งออกในเดือน ธ.ค. 2020 (ในรูปสกุลเงินหยวน) เพิ่มขึ้น 10.9% Liang Ming นักวิจัยจากสถาบันการค้าระหว่างประเทศและความร่วมมือทางเศรษฐกิจ กล่าวว่า การค้าต่างประเทศของจีนคาดว่าจะยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องในปีนี้ และยังสามารถขยายตลาดได้อย่างต่อเนื่อง เขา ตั้งข้อสังเกตว่า การค้าต่างประเทศของจีนแตะจุดสูงสุดในประวัติศาสตร์หลายครั้งในปี 2020 แม้จะมีลมแรงจากปัจจัยกระทบต่างๆ บ้างก็ตาม ซึ่งถือเป็นพื้นฐานที่ดีสำหรับการค้าในปี 2021 จีนยังคงเป็นประเทศการค้าสินค้าที่ใหญ่ที่สุดในโลกเมื่อปีที่แล้ว โดยในช่วง 10 เดือนแรกของปี 2020 การส่งออกของจีนเติบโตสูงเป็นประวัติการณ์ถึง 14.2% จากยอดรวมทั่วโลกซึ่งตัวเลขมาจากศุลกากรของจีน ตามรายงานการวิจัยของ CITIC Securities ระบุว่า การเติบโตของการส่งออกที่เกินกว่าคาดคิดนั้น ได้รับแรงหนุนจากภาคผลิตอุตสาหกรรมฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว หลังจากที่จีนเป็นประเทศแรกที่เกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 และสามารถควบคุมได้ดี บวกกับข้อได้เปรียบของประเทศในห่วงโซ่อุตสาหกรรม […]

กนง. มีมติเอกฉันท์คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายตามที่ตลาดคาด เรามองว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายน่าจะยังคงอยู่ที่ 0.5% ทั้งปี 2021 นี้

กนง. มีมติเอกฉันท์คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายตามที่ตลาดคาด เรามองว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายน่าจะยังคงอยู่ที่ 0.5% ทั้งปี 2021 นี้

BF Economic Research กนง. มีมติเอกฉันท์คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายตามที่ตลาดคาด เรามองว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายน่าจะยังคงอยู่ที่ 0.5% ทั้งปี 2021 นี้   คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 0.50% ในการประชุมวันที่ 3 ก.พ. สาระสำคัญจากการประชุม มีดังนี้ กนง. ยังไม่แถลงประมาณการเศรษฐกิจใหม่แต่มองว่า เศรษฐกิจไทยในปีนี้จะมีแนวโน้มขยายตัวช้ากว่าที่เคยประเมินไว้ในเดือน ธ.ค. ที่ 3.2%  อย่างไรก็ตาม โดยที่ กนง. มองว่าการแพร่ระบาดของ COVID-19 ในระลอกสองจะมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจแต่ไม่มากเท่ากับระลอกแรก เนื่องด้วยรัฐบาลออกมาตรการควบคุมไม่เข้มงวดเท่าครั้งก่อน และมีแรงสนับสนุนจากมาตรการทางการคลัง และการฟื้นตัวของการส่งออก กระนั้น กนง. ยังมองว่าในระยะข้างหน้ายังคงมีความไม่แน่นอนสูง และการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจจะไม่ทั่วถึง (Uneven Recovery) สำหรับแนวโน้มของอัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มเร่งตัวเข้าสู่กรอบเป้าหมายเงินเฟ้อที่ 1-3% ในช่วงกลางปี 2021 และยังคงอยู่ในระดับใกล้เคียงกับกรอบล่างของเป้าหมายเงินเฟ้อตลอดทั้งปี กนง. มองสภาพคล่องยังกระจายตัวไม่ทั่วถึงตามความเสี่ยงด้านเครดิตที่เพิ่มขึ้น จากฐานะการเงินเปราะบางมากขึ้น โดยเฉพาะภาคเอกชนที่มีความอ่อนไหวสูงต่อการแพร่ระบาดของไวรัส อย่างไรก็ตามเราเห็นว่าคณะกรรมการมีความกังวลต่อค่าเงินบาทน้อยลง เนื่องจากเงินบาทเคลื่อนไหวสอดคล้องกับสกุลเงินภูมิภาคมากขึ้นในช่วงที่ผ่านมา […]

ทำบัญชีรายรับ-รายจ่าย นำไปสู่ความสำเร็จทางการเงินจริงหรือ

ทำบัญชีรายรับ-รายจ่าย นำไปสู่ความสำเร็จทางการเงินจริงหรือ

โดย…พริ้มพัชร จิรบวรพงศา, AFPT™ กองทุนบัวหลวง ตั้งแต่เกิดสถานการณ์โควิด-19 หลายคนน่าจะรับรู้ได้ถึงความสำคัญของการวางแผนการเงินแล้ว เนื่องจาก ส่งผลกระทบต่อเราในหลายๆ ด้าน  ไม่ว่าจะเป็น การใช้ชีวิต  การทำงาน รวมถึงการเงินด้วย หลายคนบอกว่า  คนที่อยู่รอดปลอดภัยดี คือ  คนที่รู้จักปรับตัว  ปรับรูปแบบการใช้ชีวิต  ปรับวิธีการทำงาน  แต่สิ่งที่ปรับยากมากที่สุดคือ “เรื่องเงิน” เพราะในสถานการณ์แบบนี้ เชื่อว่า หลายคนอาจมีรายรับน้อยลงกว่าเดิม ตั้งแต่นายจ้างอาจปรับลดเงินเดือน งดโอที ไม่มีโบนัส ส่วนคนที่ประกอบธุรกิจส่วนตัว ลูกค้าก็อาจเข้ามาใช้บริการน้อยลง เนื่องจากต้องคำนึงเรื่องสุขอนามัย Social Distancing หรือคนที่ทำงานฟรีแลนซ์  ก็อาจมีจำนวนงานว่าจ้างน้อยลง เพราะบริษัทที่ว่าจ้างต้องระมัดระวังค่าใช้จ่าย หลายคนมีความกังวลใจ เพราะในขณะที่รายรับลดลง แต่รายจ่ายต่างๆ ของเรากลับไม่ได้ลดลงตามไปด้วย มิหนำซ้ำยังมีค่าใช้จ่ายอื่นๆ เพิ่มเข้ามาอีก ไม่ว่าจะเป็น ค่าน้ำ ค่าไฟ เพราะเราต้องทำงานที่บ้านมากขึ้น หรือ ค่าบริการสั่งอาหารออนไลน์ ทำให้คิดว่า เอ๊ะ!  หรือเราต้องทำอะไรสักอย่างหรือเปล่า? […]