กองทุนเปิดบัวหลวงตราสารหนี้ (BFIXED) Q1/2023

กองทุนเปิดบัวหลวงตราสารหนี้ (BFIXED) Q1/2023

ภาพรวมตลาดธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) เมื่อวันที่ 31 ม.ค. – 1 ก.พ. 2566 มีมติเอกฉันท์ขึ้นดอกเบี้ย 25 bps ตามคาด เพื่อทำให้เงินเฟ้อกลับเข้าสู่เป้าหมายที่ 2% ให้ได้ พร้อมดำเนินการลดงบดุลต่อเนื่องตามแผนเดิม ทำให้ปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยนโยบายอยู่ที่ 4.50% – 4.75% โดยยังคงประเมินการขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องเหมาะสมสำหรับการทำให้นโยบายการเงินตึงตัวพอที่จะทำให้เงินเฟ้อกลับเข้าสู่เป้า 2% และจะประเมินการขึ้นดอกเบี้ยในครั้งต่อไปจากผลของการขึ้นดอกเบี้ยครั้งที่ผ่านมาที่มีต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจ เงินเฟ้อ และตลาดการเงิน FED ประเมินว่าเงินเฟ้อยังอยู่ในระดับสูงกว่าเป้าหมายที่ 2% อย่างไรก็ดี การชะลอลงของเงินเฟ้อในช่วงสามเดือนที่ผ่านมาเป็นเรื่องที่ดี แต่ FED ยังต้องการหลักฐานที่ชัดเจนกว่านี้เพื่อให้มั่นใจว่าเงินเฟ้อกาลังปรับตัวลง ซึ่งการจะทำให้เงินเฟ้อกลับเข้าเป้าหมายได้ จำเป็นที่เศรษฐกิจจะขยายตัวในระดับต่ำกว่าปกติ และตลาดแรงงานที่ผ่อนคลายลง นอกจากนี้ ประธาน FED ยังไม่คิดว่าจะมีการลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ เนื่องจากปีนี้ยังคาดว่าเศรษฐกิจจะขยายตัวได้ แม้ค่อนข้างต่ำ แม้ว่าเงินเฟ้อที่ชะลอลงในสองสามเดือนที่ผ่านมาเป็นข่าวดี แต่เงินเฟ้อภาคบริการไม่รวมค่าเช่าบ้านยังต้องเฝ้าระวัง และตลาดอาจคาดเงินเฟ้อชะลอลงเร็วกว่าที่ FED คาด […]

กองทุนเปิดบัวหลวงธนทวี (B-TNTV) Q1/2023

กองทุนเปิดบัวหลวงธนทวี (B-TNTV) Q1/2023

ภาพรวมตลาดอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยช่วงอายุน้อยกว่า 7 ปีปรับเพิ่มขึ้น ประมาณ 6-37bps ในขณะที่รุ่นอายุยาวกว่านี้อัตราผลตอบแทนปรับลดลงตามทิศทางตลาดพันธบัตรสหรัฐฯ จากการคาดการณ์ของนักลงทุนหรือนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ว่า FED จะขึ้นดอกเบี้ยในอัตราที่น้อยลงและไม่ต่อเนื่องเหมือนปีที่ผ่านมาส่วนการซื้อขายของนักลงทุนต่างชาติเดือนนี้ ด้านธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) เมื่อวันที่ 31 ม.ค. – 1 ก.พ. 2566 มีมติเอกฉันท์ขึ้นดอกเบี้ย 25 bps ตามคาด เพื่อทำให้เงินเฟ้อกลับเข้าสู่เป้าหมายที่ 2% ให้ได้ พร้อมดำเนินการลดงบดุลต่อเนื่องตามแผนเดิม ทำให้ปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยนโยบายอยู่ที่ 4.50% – 4.75% โดยยังคงประเมินการขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องเหมาะสมสำหรับการทำให้นโยบายการเงินตึงตัวพอที่จะทำให้เงินเฟ้อกลับเข้าสู่เป้า 2% และจะประเมินการขึ้นดอกเบี้ยในครั้งต่อไปจากผลของการขึ้นดอกเบี้ยครั้งที่ผ่านมาที่มีต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจ เงินเฟ้อ และตลาดการเงิน FED ประเมินว่าเงินเฟ้อยังอยู่ในระดับสูงกว่าเป้าหมายที่ 2% อย่างไรก็ดี การชะลอลงของเงินเฟ้อในช่วงสามเดือนที่ผ่านมาเป็นเรื่องที่ดี แต่ FED ยังต้องการหลักฐานที่ชัดเจนกว่านี้ เพื่อให้มั่นใจว่าเงินเฟ้อกำลังปรับตัวลง ซึ่งการจะทำให้เงินเฟ้อกลับเข้าเป้าหมายได้ จาเป็นที่เศรษฐกิจจะขยายตัวในระดับต่ำกว่าปกติ และตลาดแรงงานที่ผ่อนคลายลง นอกจากนี้ […]

กองทุนเปิดบัวหลวงตราสารหนี้ภาครัฐ (B-TREASURY) Q1/2023

กองทุนเปิดบัวหลวงตราสารหนี้ภาครัฐ (B-TREASURY) Q1/2023

ภาพรวมตลาดอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลในเดือนมกราคม ช่วงอายุน้อยกว่า 7 ปีปรับเพิ่มขึ้น ประมาณ 6-37bps ในขณะที่รุ่นอายุยาวกว่านี้อัตราผลตอบแทนปรับลดลงตามทิศทางตลาดพันธบัตรสหรัฐฯ จากการคาดการณ์ของนักลงทุนหรือนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ว่า FED จะขึ้นดอกเบี้ยในอัตราที่น้อยลงและไม่ต่อเนื่องเหมือนปีที่ผ่านมา ด้านธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) เมื่อวันที่ 31 ม.ค. – 1 ก.พ. 2566 มีมติเอกฉันท์ขึ้นดอกเบี้ย 25 bps ตามคาด เพื่อทำให้เงินเฟ้อกลับเข้าสู่เป้าหมายที่ 2% ให้ได้ พร้อมดำเนินการลดงบดุลต่อเนื่องตามแผนเดิม ทำให้ปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยนโยบายอยู่ที่ 4.50% – 4.75% โดยยังคงประเมินการขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องเหมาะสมสำหรับการทำให้นโยบายการเงินตึงตัวพอที่จะทำให้เงินเฟ้อกลับเข้าสู่เป้า 2% และจะประเมินการขึ้นดอกเบี้ยในครั้งต่อไปจากผลของการขึ้นดอกเบี้ยครั้งที่ผ่านมาที่มีต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจ เงินเฟ้อ และตลาดการเงิน FED ประเมินว่าเงินเฟ้อยังอยู่ในระดับสูงกว่าเป้าหมายที่ 2% อย่างไรก็ดี การชะลอลงของเงินเฟ้อในช่วงสามเดือนที่ผ่านมาเป็นเรื่องที่ดี แต่ FED ยังต้องการหลักฐานที่ชัดเจนกว่านี้ เพื่อให้มั่นใจว่าเงินเฟ้อกำลังปรับตัวลง ซึ่งการจะทำให้เงินเฟ้อกลับเข้าเป้าหมายได้ จำเป็นที่เศรษฐกิจจะขยายตัวในระดับต่ำกว่าปกติ และตลาดแรงงานที่ผ่อนคลายลง […]

ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 17 ก.พ. 2566 ปิดตลาดที่ 1,651.67 จุด ลดลง 6.62 จุด (+0.40%) 

ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 17 ก.พ. 2566 ปิดตลาดที่ 1,651.67 จุด ลดลง 6.62 จุด (+0.40%) 

ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 17 ก.พ. 2566 ปิดตลาดที่ 1,651.67 จุด ลดลง 6.62 จุด (+0.40%) ระหว่างวัน ดัชนีต่ำสุดที่ 1,643.82 จุด และสูงสุดที่ 1,657.02 จุด มูลค่าการซื้อขาย 53,425.07 ล้านบาท หลักทรัพย์ที่มีการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับ ได้แก่ DELTA ปิดที่ 952.00 บาท ลดลง 24.00 (-2.46%)  มูลค่าการซื้อขาย 3,115.35 ล้านบาท PTT ปิดที่ 33.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.75 (+2.29%) มูลค่าการซื้อขาย 1,931.55 ล้านบาท JMART ปิดที่ 27.25 บาท ลดลง 2.25 (-7.63%)  มูลค่าการซื้อขาย 1,756.07 […]

BBLAM Weekly Investment Insights 20 – 24 กุมภาพันธ์ 2023

BBLAM Weekly Investment Insights 20 – 24 กุมภาพันธ์ 2023

2023 – The Rise of Asia INVESTMENT STRATEGY By  BBLAM – BBLAM INVESTMENT FORUM 2023 ดร.มิ่งขวัญ ทองพฤกษา Chief Economist จาก BBLAM ขึ้นเวที BBLAM Investment Forum 2023 พูดถึงข้อมูลทางเศรษฐกิจอะไรบ้างที่นักลงทุนสามารถจับมาเป็นสัญญาณลงทุน มีอะไรบ้างมาชมกัน B-PREMIUM อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่ https://www.bblam.co.th/bualuang-insights/bblam-investment-insights/21-25-2023

‘เทสลา’ เรียกคืนรถยนต์ไฟฟ้าในสหรัฐฯ 362,000 คัน หลังซอฟต์แวร์มีปัญหา เสี่ยงทำให้รถชน

‘เทสลา’ เรียกคืนรถยนต์ไฟฟ้าในสหรัฐฯ 362,000 คัน หลังซอฟต์แวร์มีปัญหา เสี่ยงทำให้รถชน

เมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2566 สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานว่า Tesla Inc จะเรียกคืนรถยนต์ไฟฟ้าในสหรัฐมากกว่า 362,000 คัน เพื่ออัปเดตซอฟต์แวร์เบต้า Full Self-Driving (FSD) หลังจากที่หน่วยงานกํากับดูแลของสหรัฐฯ กล่าวเมื่อวันพฤหัสบดีว่า ระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ไม่ปฏิบัติตามกฎหมายความปลอดภัยการจราจรอย่างเพียงพอและอาจทําให้เกิดอุบัติเหตุได้ สํานักงานบริหารความปลอดภัยการจราจรบนทางหลวงแห่งชาติ (NHTSA) กล่าวว่า ซอฟต์แวร์เทสลาอนุญาตให้ยานพาหนะ “เกินขีดจํากัดความเร็วหรือเดินทางผ่านทางแยกในลักษณะที่ผิดกฎหมายหรือคาดเดาไม่ได้ ซึ่งจะเพิ่มความเสี่ยงของการชน” ด้านเทสลา กล่าวว่า ไม่เห็นด้วยกับการวิเคราะห์ของ NHTSA แต่ในที่สุดก็ยอมรับคําขอในเดือนมกราคมของหน่วยงานด้านความปลอดภัย ก่อนหน้านี้ ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารายอื่นได้ปะทะกับ NHTSA ในประเด็นเกี่ยวกับปัญหาด้านความปลอดภัยอื่นๆ เช่นเดียวกัน โดยเทสลาจะเปิดตัวการอัปเดตซอฟต์แวร์ over-the-air (OTA) โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย พร้อมระบุว่าไม่ทราบถึงการบาดเจ็บหรือการเสียชีวิตที่อาจเกี่ยวข้องกับปัญหาการเรียกคืน ทั้งนี้ การเรียกคืนครอบคลุมรถยนต์ไฟฟ้าช่วงปี 2016-2023 Model S และ Model X, 2017-2023 Model 3 […]

GDP ไทย ไตรมาส 4/2022 จุดที่เด่นอยู่ที่การท่องเที่ยว การบริโภคภาคเอกชน และการลงทุน

GDP ไทย ไตรมาส 4/2022 จุดที่เด่นอยู่ที่การท่องเที่ยว การบริโภคภาคเอกชน และการลงทุน

Key Event GDP ไทยไตรมาส 4/2022 จุดที่เด่นอยู่ที่การท่องเที่ยว การบริโภคภาคเอกชน และการลงทุน GDP ไทย ไตรมาส 4/2022 ขยายตัว 1.4% YoY ชะลอลงจากไตรมาสก่อนที่ 4.6% ต่ำกว่าคาดการณ์ตลาดที่ 3.6% เมื่อเทียบรายไตรมาสหดตัว -1.5% QoQ sa รวมทั้งปี 2022 GDP ไทยเติบโต 2.6% จากปีก่อนหน้าที่ 1.5% สำหรับปี 2023 สภาพัฒน์ฯ มอง GDP ไทย เติบโตในกรอบ 2.7-3.7% จากเดิม ที่มองว่าจะเติบโตในกรอบ 3-4%  (ประมาณการของ ธปท. อยู่ที่ 3.7% โดยธปท.จะปรับประมาณการอีกครั้งในเดือนมี.ค. นี้) ในรายองค์ประกอบพบว่า ด้านการใช้จ่ายที่ขยายตัวได้ดี ได้แก่ […]

ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 16 ก.พ. 2566 ปิดตลาดที่ 1,658.29 จุด เพิ่มขึ้น 10.90 จุด (+0.66%)

ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 16 ก.พ. 2566 ปิดตลาดที่ 1,658.29 จุด เพิ่มขึ้น 10.90 จุด (+0.66%)

ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 16 ก.พ. 2566 ปิดตลาดที่ 1,658.29 จุด เพิ่มขึ้น 10.90 จุด (+0.66%) ระหว่างวัน ดัชนีต่ำสุดที่ 1,648.99 จุด และสูงสุดที่ 1,660.58 จุด มูลค่าการซื้อขาย 63,734.90 ล้านบาท หลักทรัพย์ที่มีการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับ ได้แก่ DELTA ปิดที่ 976.00 บาท เพิ่มขึ้น 72.00 (+7.96%)  มูลค่าการซื้อขาย 6,889.73 ล้านบาท KBANK ปิดที่ 139.50 บาท ลดลง 2.00 (-1.41%) มูลค่าการซื้อขาย 2,431.28 ล้านบาท OSP ปิดที่ 30.50 บาท เพิ่มขึ้น 1.75 (+6.09%)  มูลค่าการซื้อขาย 2,366.09 […]

“เจพี มอร์แกน” ชี้ “จีน” ยังเป็นตลาดมีศักยภาพมากที่สุด

“เจพี มอร์แกน” ชี้ “จีน” ยังเป็นตลาดมีศักยภาพมากที่สุด

“ทรอย โรร์เบาห์” หัวหน้าฝ่ายการตลาดโลก ของเจพี มอร์แกน เชส แอนด์ โค ซึ่งเป็นวาณิชธนกิจรายใหญ่ของสหรัฐ มองว่า จีนเป็นตลาดต่างประเทศที่มีศักยภาพมากที่สุด ในขณะที่บริษัทกำลังตั้งเป้าขยายธุรกิจในตลาดต่างประเทศ ในการประชุมครั้งนี้ นายโรร์เบาห์ยังได้เน้นย้ำถึงความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในตะวันออกกลาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ดูไบ ซึ่งดึงดูดเงินทุนและการโยกย้ายธุรกิจจากเอเชีย สำหรับในมุมมองที่กว้างมากขึ้นนั้น นายรัวร์เบาห์ คาดการณ์ว่า ตลาดจะเผชิญกับความไม่แน่นอนที่เป็นผลมาจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ “จีนเป็นโอกาสที่ใหญ่ที่สุดสำหรับในตอนนี้ เรายังคงลงทุนต่อไปอย่างที่เคยทำมาก่อนหน้านี้ และจะเป็นไปอย่างรอบคอบระมัดระวัง ซึ่งเราพร้อมที่จะปรับตัวหากจำเป็น” นายโรร์เบาห์ กล่าวกับนักลงทุนระหว่างการประชุม “ความผันผวนจะยังคงสูงขึ้น โดยเฉพาะในเศรษฐกิจมหภาค อย่างไรก็ดี ตลาดตราสารหนี้และตลาดตราสารทุนจะขยายตัวดีกว่าที่คาด แม้ว่าจะมีความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจก็ตาม” นายโรร์เบาท์ กล่าว ด้านนายเจมี ไดมอน ซีอีโอของเจพีมอร์แกน กล่าวกับสำนักข่าวรอยเตอร์เมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า การเปิดประเทศของจีน และผลกระทบด้านบวกที่มีต่อการเติบโตของเศรษฐกิจทั่วโลกนั้น กำลังถูกจับตามองอย่างใกล้ชิดโดยบรรดานักเศรษฐศาสตร์และผู้นำทางธุรกิจ และเขาเองก็มีแผนที่จะเดินทางไปยังประเทศจีนในไม่ช้านี้ ที่มา: รอยเตอร์

ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 15 ก.พ. 2566 ปิดตลาดที่ 1,647.39 จุด ลดลง 5.37 จุด (-0.32%)

ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 15 ก.พ. 2566 ปิดตลาดที่ 1,647.39 จุด ลดลง 5.37 จุด (-0.32%)

ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 15 ก.พ. 2566 ปิดตลาดที่ 1,647.39 จุด ลดลง 5.37 จุด (-0.32%) ระหว่างวัน ดัชนีต่ำสุดที่ 1,642.97 จุด และสูงสุดที่ 1,657.53 จุด มูลค่าการซื้อขาย 114,226.12 ล้านบาท หลักทรัพย์ที่มีการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับ ได้แก่ PQS ปิดที่ 5.75 บาท ลดลง 0.25 (-4.17%) มูลค่าการซื้อขาย 9,649.39 ล้านบาท JMT ปิดที่ 42.75 บาท ลดลง 7.25 (-14.50%) มูลค่าการซื้อขาย 3,443.69 ล้านบาท KBANK ปิดที่ 141.50 บาท ลดลง 1.00 (-0.70%) มูลค่าการซื้อขาย 2,202.42 […]