เมืองในจีนเล็งติดตามข้อมูลสุขภาพถาวรพร้อมให้คะแนนจากการกินดื่มและออกกำลังกาย
ซีเอ็นบีซี รายงานว่า จีนออกมาเปิดเผยข้อเสนอให้มีการติดตามข้อมูลสุขภาพถาวรผ่านแอปที่จะให้คะแนนบนพื้นฐานข้อมูลว่าผู้ใช้งานดื่มแอลกอฮอล์ไปมากแค่ไหน และการใช้เวลาในการนอน ระบบติดตามจะทำงานผ่านบาร์โค้ดดิจิทัลบนโทรศัพท์ส่วนตัว สิ่งนี้เรียกว่า คิวอาร์ โค้ด ซึ่งได้รับความนิยมมาก ช่วงที่โควิด-19 แพร่ระบาดสูงมากในจีน และปัจจุบันก็ยังใช้งานอยู่ แต่ในระดับที่น้อยกว่าเมื่อก่อน เพื่อตรวจสอบว่าบุคคลจะเข้าไปภายในอาหารหรือใช้บริการขนส่งสาธารณะได้หรือไม่ โดยแอปบาร์โค้ดบางแอปทำงานเหมือนระบบสัญญาณไฟจราจร เมื่อมีไฟสีแดงหมายถึงบุคคลนั้นมีความเสี่ยงสุขภาพ ส่วนสีเขียวหมายถึงบุคคลนั้นเข้าไปภายในอาคารได้ โดยบาร์โค้ดบางตัวจะทำงานจากข้อมูลประวัติการเดินทางของบุคคล หากบุคคลนั้นเดินทางไปพื้นที่เสี่ยงของจีน โค้ดจะเปลี่ยนสี ส่วนอื่นๆ จะทำงานบนพื้นฐานสถานะสุขภาพที่บุคคลเป็นผู้ระบุเอง ว่ามีอาการอะไรบ้างหรือเดินทางไปที่ไหนมาบ้าง สิ่งเหล่านี้ถูกมองว่าเป็นแนวทางหนึ่งในการรับมือกับการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยในหังโจว เมืองทางตะวันตกเฉียงใต้ของเซี่ยงไฮ้ และเป็นบ้านเกิดของบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่อย่าง อาลีบาบา มีความตั้งใจว่าจะใช้ระบบบาร์โค้ดแบบนี้ถาวร ที่ผ่านมา ภาครัฐมีการเก็บข้อมูลมากขึ้นในช่วงที่โลกมีการแพร่ระบาดของโควิด-19 เพื่อต่อสู้กับไวรัส ซึ่งก็ทำให้เกิดความกังวลแนวความคิดในการเฝ้าระวังนี้มากขึ้นหลังจากที่ถูกนำมาใช้ควบคุมไวรัส ในเมืองหังโจว รัฐบาลเสนอจะให้คะแนนสุขภาพกับบุคคล บนพื้นฐานจากหลายๆ ปัจจัย ประกอบด้วย ข้อมูลการแพทย์ทางอิเล็กทรอนิกส์ ผลการตรวจร่างกาย และไลฟ์สไตล์ของบุคคลนั้น ขณะที่การแสดงหน้าจอในระบบบาร์โค้ดจะมองเห็นคะแนนสุขภาพของบุคคลปรับตัวลงได้หากพวกเขาไปดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่ ในทางกลับกันถ้าพวกเขามีการนอนที่ดีมากขึ้นบวกกับมีการออกกำลังกาย ก็จะทำให้คะแนนบุคคลเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ ยังไม่แน่ชัดว่า ภาครัฐจะเก็บข้อมูลอย่างไร หรือการดำเนินการผ่านแอปนี้จะบรรลุผลหรือไม่ โดยปัจจุบันรหัสสุขภาพของประชากรในหังโจวจะถูกใช้เชื่อมโยงกับโควิด-19 เป็นการทำงานผ่านอาลีเพย์ […]
BF Knowledge Center BM70SSF SSF
รู้จักกองทุนผสมบัวหลวง 70/30 เพื่อการออม
โดย…เสกสรร โตวิวัฒน์ CFP® ผู้เชี่ยวชาญด้านการวางแผนทางการเงิน BF Knowledge Center กองทุนบัวหลวงออกกองทุนใหม่ กองทุนผสมบัวหลวง 70/30 เพื่อการออม หรือ BM70SSF โดยกองทุนนี้ ผู้ลงทุนสามารถใช้สิทธิลดหย่อนภาษีจากการลงทุนในกองทุนรวมเพื่อการออม (SSF) พิเศษ ได้ และใช้สิทธิพิเศษจากการลงทุนใน SSF สิทธิปกติ ได้เช่นกัน เหมาะสำหรับผู้ลงทุนที่สามารถลงทุนได้นาน 10 ปีขึ้นไป รับความเสี่ยงได้ในระดับลงทุนในหุ้น 70% ของเงินลงทุน และกองทุนมีนโยบายจ่ายปันผล สำหรับการลงทุนใน SSF เพื่อใช้สิทธิลดหย่อนภาษีนั้น เงื่อนไขก็คือต้องลงทุน 10 ปีเต็ม ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ที่สามารถลงทุนนาน 10 ปี ได้ แต่บางคนอาจจะรู้สึกว่า ระยะเวลา 10 ปีนั้นนาน หากลงทุนไปแล้ว ในช่วงท้ายๆ ของการลงทุนอาจเป็นเวลาที่ใกล้เกษียณแล้ว หรืออยากลงทุนแต่ไม่อยากรับความเสี่ยงมากๆ ดังนั้น นอกจากออกกองทุน SSF ที่ลงทุนในหุ้นจริงๆ […]
ดัชนีหุ้นไทย 26 พ.ค. 63 ปิดตลาด 1,336.09 จุด เพิ่มขึ้น 15.11 จุด
ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 26 พ.ค. 2563 ปิดตลาดที่ 1,336.09 จุด เพิ่มขึ้น 15.11 จุด หรือ 1.14% โดยระหว่างวันสูงสุดที่ 1,345.31 จุด ต่ำสุดที่ 1,332.30 จุด มูลค่าการซื้อขาย 73,954.43 ล้านบาท หลักทรัพย์ที่มีการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับได้แก่ 1.MINT ปิดที่ 19.20 บาท เพิ่มขึ้น 1.80 บาท (+10.34%) มูลค่าการซื้อขาย 4,250.79 ลบ. 2.CPALL ปิดที่ 69.75 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท (+1.45%) มูลค่าการซื้อขาย 2,707.97 ลบ. 3.STA ปิดที่ 23.40 บาท ลดลง 0.10 บาท (-0.43%) […]
การออมสำคัญอย่างไร
โดย…กรวิภา วรรณแสวง กองทุนบัวหลวง เงินออมของที่เก็บออมไว้เพื่อใช้ส่วนตัว หรือการออมเพื่อวางแผนการเกษียณ ไว้ในบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ กองทุนรวม กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ หรือไม่ว่าในรูปแบบการออมใดก็ตาม ไม่ได้สำคัญแค่ชีวิตส่วนตัวของทุกท่านเท่านั้น แต่เป็นส่วนหนึ่งของการช่วยขยายตัวเศรษฐกิจของประเทศด้วย ตัวอย่างเช่น การออมในบัญชีเงินฝากธนาคาร ทางธนาคารที่รับฝากเงินจะนำเงินของเราไปปล่อยกู้แก่ผู้ประกอบธุรกิจเพื่อนำไปขยายธุรกิจ เพื่อผลิตสินค้าและบริการเพิ่มขึ้นในอนาคต ส่งผลให้เศรษฐกิจเติบโต การขยายธุรกิจ ยังช่วยสร้างรายได้แก่เจ้าของธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง เช่น จากธุรกิจก่อสร้างสู่ธุรกิจเครื่องมืออุปกรณ์ ผู้ผลิตเหล่านั้นจะสามารถขยายธุรกิจตัวเองต่อไปได้อีก และธุรกิจที่ขยายใหญ่ขึ้น ช่วยสร้างงานมากขึ้น รายได้ของลูกจ้างจะไหลไปสู่กิจการในชุมชนผ่านการจับจ่ายใช้สอย รายได้ของลูกจ้างยังไหลเข้าสู่ธนาคารจากการออมของลูกจ้างแต่ละราย ธนาคารก็จะใช้เงินจำนวนนี้เพื่อไปปล่อยกู้ต่อ ช่วยสนับสนุนเศรษฐกิจต่อไป ปฏิเสธไม่ได้ว่า เงินออมจะเป็นตัวช่วยสำคัญที่ทำให้เราผ่านพ้นวิกฤติการเงินในชีวิตที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตได้ ดังนั้นเพื่อเตรียมตัวหากเกิดกรณีฉุกเฉินต้องการใช้เงินอย่างเร่งด่วน จึงควรมีเงินสำรองไว้อย่างน้อย 6 เท่าของรายได้ประจำต่อเดือน ซึ่งน่าจะเป็นสิ่งที่ทุกคนทราบกันดีอยู่แล้ว ขณะเดียวกัน ในกรณีที่คุณเป็นเสาหลักของครอบครัว หรือมีความเสี่ยงด้านความมั่งคงทางรายได้ อาจต้องเตรียมเงินสำรองสูงมากกว่านี้ เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาทางการเงินที่อาจเกิดขึ้น อย่างไรก็ดี เคยลองจินตนาการถึงการใช้ชีวิตในช่วงวัยเกษียณหรือไม่ อาจจะดูไกลตัวสำหรับผู้ที่เพิ่งจบการศึกษา หรือเพิ่งก้าวเข้าสู่วัยทำงาน แต่หากเราเริ่มมองไปข้างหน้า จะเห็นว่า ปัจจุบันที่เราทำงานหารายได้และเก็บออมเงินอยู่ในตอนนี้ ก็เป็นเพื่อการออมเงินไว้ใช้ยามเกษียณนั่นเอง อีกทั้งในยุคปัจจุบันที่เทคโนโลยีการแพทย์พัฒนา ช่วยให้คนในยุคปัจจุบันอายุยืนยาวขึ้น ยิ่งต้องมีเงินออมในจำนวนที่วางแผนแล้วว่า […]
อังกฤษผ่อนปรนมาตรการคุมเข้มโควิด-19 เตรียมเปิดตลาดกลางแจ้งต้นเดือน มิ.ย.นี้
รายงานข่าวจากรอยเตอร์ส ระบุว่า นายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ กล่าว เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมาว่าจะอนุญาตให้ร้านค้าหลายพันร้านค้า ห้างสรรพสินค้าและศูนย์การค้า เปิดให้บริการได้ภายในเดือนหน้า โดยจะมีการกำหนดตารางเวลาสำหรับธุรกิจประเภทต่างๆ เขา กล่าวกับนักข่าวระหว่างงานแถลงข่าวว่า ตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย. เป็นต้นไป ตลาดกลางแจ้งและโชว์รูมรถยนต์จะเปิดให้บริการอีกครั้ง ทันทีที่พวกเขาสามารถปฏิบัติตามแนวทางความปลอดภัยโควิด-19 ได้ ขณะที่ ร้านค้าปลีกที่ไม่จำเป็นกับการดำรงชีพอื่นๆ เช่น ร้านค้าที่ขายเสื้อผ้า รองเท้า ของเล่น เฟอร์นิเจอร์ หนังสือและเครื่องใช้ไฟฟ้า รวมถึงช่างตัดเสื้อ บ้านประมูล สตูดิโอถ่ายภาพและตลาดในร่ม คาดว่าจะสามารถเปิดใหม่ได้ตั้งแต่วันที่ 15 มิ.ย. เป็นต้นไป เพื่อให้เวลาเตรียมความพร้อม 3 สัปดาห์ ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีอังกฤษมีความกระตือรือร้นที่จะกลับมาเปิดเศรษฐกิจของประเทศใหม่อีกครั้ง หลังจากได้ทำการล็อคดาวน์เพื่อพยายามที่จะยับยั้งการแพร่ระบาดของไวรัส อย่างไรก็ตามยังคงต้องจับตาอย่างใกล้ชิด และมีความกลัวว่าการติดเชื้อรอบ 2 จะหนักสุด หากดำเนินมาตรการผ่อนปรนต่างๆ รวดเร็วจนเกินไป
BM70SSF News Update Press Release
กองทุนบัวหลวงเสนอขาย IPO ‘กองทุนผสมบัวหลวง 70/30 เพื่อการออม’ 27 พ.ค.- 2 มิ.ย. นี้ ตอบสนองผู้ที่ต้องการลงทุนในหุ้นไทยกับ SSF พิเศษแบบไม่เสี่ยงมาก ทั้งมีโอกาสรับเงินปันผล
กองทุนบัวหลวง เสนอขายครั้งแรก ‘กองทุนผสมบัวหลวง 70/30 เพื่อการออม’ หรือ BM70SSF ระหว่างวันที่ 27 พฤษภาคม – 2 มิถุนายน 2563 นี้ เพื่อเพิ่มทางเลือกให้กับผู้ลงทุนที่กำลังมองหาการลงทุนในหุ้นไทยกับ SSF พิเศษ แบบไม่เสี่ยงมาก โดยจะลงทุนในหุ้น 65-70% และกระจายลงทุนในสินทรัพย์ประเภทอื่นๆ เพิ่มขึ้น พร้อมโอกาสที่จะรับเงินปันผลระหว่างทาง นายวศิน วัฒนวรกิจกุล กรรมการผู้จัดการ Head of Business Distribution บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม บัวหลวง จำกัด (กองทุนบัวหลวง) เปิดเผยว่า กองทุนบัวหลวงเพิ่มทางเลือกให้กับผู้ลงทุนที่กำลังมองหากองทุนรวมเพื่อการออมพิเศษ (SSF พิเศษ) เพื่อลงทุนในหุ้นไทยแบบไม่เสี่ยงมากนัก ทั้งยังมีโอกาสรับเงินปันผลระหว่างทางด้วย โดยจะเสนอขายหน่วยลงทุนครั้งแรก (IPO) ‘กองทุนผสมบัวหลวง 70/30 เพื่อการออม’ หรือ BM70SSF ระหว่างวันที่ 27 […]
ปัญหาหนักของคนมีเงินในวันนี้
โดย…วรวรรณ ธาราภูมิ ประธานกรรมการบริหาร บลจ.บัวหลวง จำกัด นอกจากคำแนะนำแบบไม่เฉพาะเจาะจงให้คนอายุน้อยกับมนุษย์เงินเดือนทั่วๆ ไปแบ่งรายได้ไปลงทุนทุกเดือนให้เหมาะกับเป้าหมายของแต่ละคนแล้ว ในรอบ 1 เดือนที่ผ่านมา ข้าพเจ้าได้พบกับผู้มีเงินสะสมแล้ว ตั้งแต่หลักสิบล้านไปจนถึงหลักร้อยล้าน ที่บ่นว่า ไม่รู้จะทำอะไรดีกับเงินที่มีอยู่ โดยที่เงินจำนวนนี้ บางคนต้องถอนมาใช้ประจำเพราะเกษียณแล้ว บางคนอายุ 40-50 ปียังมีรายได้ จึงไม่ต้องถอนมาใช้ ส่วนบางคนก็มีเงินร่วมพันล้านบาทจึงไม่ต้องกังวลเรื่องเกษียณหรือยัง แต่ไปกังวลเรื่องผลตอบแทนกับความปลอดภัยของเงินที่มีอยู่แทน ทุกปัญหาของพวกเขา ล้วนมาจากความกังวลเรื่องอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ และมีทีท่าว่าจะต่ำลงได้อีก เพราะเศรษฐกิจยังไม่มีทีท่าว่าจะดี โดยไม่ใช่อาการแบบหัวทิ่มทันที จากเหตุการณ์ช็อคที่พอผ่านไปไม่นานก็โงหัวขึ้นได้ แต่มันมีอาการแบบซึมลึกลงไปเรื่อยๆ จากหลายสาเหตุที่ประดังประเดกันเข้ามาทับถม ครั้นจะย้ายเงินจากตราสารหนี้ไปลงทุนในหุ้นก็ยังไม่เห็นว่าจะไปได้ดี และกลัวขาดทุนจนกินเงินต้น สรุปก็คือ ต่างไม่ยอมรับความเสี่ยง แต่อยากได้ ทั้งความปลอดภัยของเงินต้น กับผลตอบแทนสูงๆ นั่นแหละ ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้ สิ่งเหล่านี้เคยแนะนำไปแล้วหลายครั้งว่า ให้กระจายเงินลงทุนไปในสินทรัพย์ทางการเงินหลายๆ อย่าง ไม่ว่าจะหุ้น ตราสารหนี้ อสังหาฯ โครงสร้างพื้นฐาน และทองคำ ฯลฯ และให้กระจายการลงทุนไปยังประเทศอื่นด้วย แต่ปัญหาก็คล้ายๆ […]
บอกลาพลาสติก
โดย …จันทร์เพ็ญ กิตติเวทย์วิทยา กองทุนบัวหลวง เมื่อไม่นานมานี้ รัฐบาลจีนประกาศยกเลิกการใช้เม็ดพลาสติกขนาดเล็ก หรือ Microbeads เป็นส่วนประกอบในการผลิตเครื่องสำอาง โดยให้มีผลบังคับใช้ภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2563 ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ดีทั้งต่อผู้บริโภคและต่อสภาพแวดล้อมของโลกเรา เพราะก่อนหน้านี้ เราคงเคยเห็นข่าวกันมามากแล้ว ว่า แหล่งน้ำในทะเลและแม่น้ำลำคลองเต็มไปด้วยเศษพลาสติกขนาดเล็กจำนวนมาก ทำให้สัตว์น้ำต่างๆ มีเม็ดพลาสติกขนาดเล็กจำนวนมากในตัว และสุดท้ายมนุษย์เราก็เป็นผู้บริโภคสัตว์น้ำเหล่านี้กลับเข้าไปในร่างกาย เรียกได้ว่ามนุษย์เป็นผู้สร้างและทำลายในเวลาเดียวกัน ไมโครบีดส์ (Microbeads) คือ ชิ้นส่วนเล็ก ๆ ของพลาสติกขนาดเล็กกว่า 0.5 มิลลิเมตร ด้วยขนาดที่เล็กทำให้ไม่สามารถหาวิธีการป้องกันไม่ให้สิ่งตกค้างเหล่านี้ไหลลงสู่ธรรมชาติได้และยังไม่สามารถย่อยสลายได้เองตามธรรมชาติอีกด้วย ส่งผลให้ก่อนหน้านี้ก็มีหลายๆ ประเทศที่ออกมาตรการห้ามใช้ Microbeads เช่นกัน ได้แก่ อังกฤษ สหรัฐอเมริกา แคนาดา ไอร์แลนด์ และเนเธอร์แลนด์ เป็นต้น นอกจากการที่ภาครัฐจะออกมาให้การสนับสนุนการเลิกใช้ Microbeads แล้ว บริษัทขนาดใหญ่อย่าง Unilever เองก็มีเป้าหมายที่จะลดการใช้ผลิตภัณฑ์อย่างพลาสติกในการบรรจุสินค้าที่ขายให้กับผู้บริโภคอีกเช่นกัน โดย Unilever […]
‘Gojek’ ยูนิคอร์นของอินโดนีเซีย
โดย… เจฟ สุธีโสภณ, อภิชญา จันทร์แจ่ม กองทุนบัวหลวง ปัจจุบัน ปฎิเสธไม่ได้ว่า ใครๆ ก็อยากเป็นเจ้าของธุรกิจ start up ไม่ว่าพนักงานบริษัทหรือนักศึกษาจบใหม่หลายคน แต่ในบรรดาบริษัท Start up จำนวนมาก การที่จะมีบริษัทหนึ่งก้าวหน้าขึ้นไปเป็นธุรกิจขนาดใหญ่ได้นั้น มีเพียงหยิบมือเท่านั้น ซึ่งเปรียบได้กับ ยูนิคอร์น สัตว์หายากในตำนาน ที่เป็นคำเรียกบริษัทที่มีมูลค่าสูงเกินกว่า 1 พันล้านดอลลาร์ในวงการธุรกิจสตาร์ทอัพ ปัจจุบัน ยูนิคอร์นมีมากกว่า 430 บริษัททั่วโลก โดยส่วนใหญ่อยู่ในสหรัฐอเมริกาและจีน ในขณะที่ภูมิภาคอาเซียน มียูนิคอร์นอยู่เพียง 8 แห่ง แต่ที่น่าแปลกใจ คือ 5 ใน 8 บริษัทนั้นอยู่ในอินโดนีเซีย จะเห็นว่า การมีประชากรสูงถึง 260 ล้านคน อีกทั้งอายุเฉลี่ยน้อย บวกกับการเข้าถึงสมาร์ทโฟนที่สูงขึ้น ก็เป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้ Venture Capital เข้ามาลงทุนในธุรกิจสตาร์ทอัพ ที่อินโดนีเซีย […]
เรียนรู้จากความคิดผู้ชนะของอาเซียน
โดย…มทินา วัชรวราทร Fund Management รางวัล ASEAN Business Award ได้เริ่มต้นตั้งแต่ปี 2007 ซึ่งจนถึงปัจจุบัน มีมากกว่า 100 บริษัทที่ได้รับคัดเลือก อย่างไรก็ตาม รางวัล ASEAN Business Award ประจำปี 2019 ที่ประกาศผู้ชนะไปเมื่อต้นเดือนพฤศจิกายน โดยมีประธานอาเซียนเอกชน (ASEAN Business Advisory Council: ASEAN – BAC Thailand) เป็นเจ้าภาพ รางวัลดังกล่าว ชี้ให้เห็นถึงรายชื่อของบริษัทที่มีผลการดำเนินการโดดเด่น ประสบความสำเร็จ และช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจในภูมิภาค เป็นรางวัลที่ไม่ได้มอบให้แต่บริษัทใหญ่ แต่ยังมอบให้กับบริษัท SME ในอาเซียนอีกด้วย จึงนับว่า รางวัลนี้เป็นการเปิดโอกาสให้เราได้ทำความรู้จักกับบริษัทเล็กๆ ที่โดดเด่นในอาเซียน ที่อาจจะเป็น unicorn หรือสามารถเติบโตเป็น Regional และ Global […]










