รายงานข่าวจากสำนักข่าวบลูมเบิร์ก ระบุว่า ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เจอโรม พาวเวล ได้เข้าพบประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และ สตีเว่น มนูชิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เพื่อหารือประเด็นเศรษฐกิจ ภายหลังการหารือ เฟด เปิดเผยข้อมูลว่า พาวเวล ได้หารือเกี่ยวกับนโยบายที่มีความเกี่ยวข้องทางเศรษฐกิจ ซึ่งการดำเนินนโยบายการเงินของเฟดจะขึ้นอยู่กับข้อมูลทางเศรษฐกิจที่เฟดได้รับ และเฟดจะกำหนดนโยบายเพื่อสนับสนุนการจ้างงานอย่างเต็มศักยภาพ โดยจะตัดสินใจอย่างระมัดระวัง อย่างไร้อคติ และปราศจากแรงกดดันจากปัจจัยทางการเมือง ขณะเดียวกัน ทรัมป์ ได้ทวีตข้อความเกี่ยวกับการหารือกับ พาวเวล ในครั้งนี้ว่า การสนทนาเป็นไปด้วยดี โดยประเด็นของการหารือนั้นเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ย การใช้นโยบายอัตราดอกเบี้ยติดลบ การใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงิน การแข็งค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐ และผลกระทบต่อภาคการผลิต การค้ากับจีนและสหภาพยุโรป รวมทั้งประเด็นอื่นๆ

เดอะ สเตรทไทม์ส รายงานว่า ตำรวจของสิงคโปร์ ออกมาเปิดเผยข้อมูลว่า พบว่า ขณะนี้ทางตำรวจมีการสืบสวนคดีที่เกี่ยวข้องกับการหลอกลวงออนไลน์ 278 กรณี หลักๆ แล้วเกี่ยวกับกับการซื้อสินค้าออนไลน์ ซึ่งรวมแล้วเหยื่อสูญเงินไปมากกว่า 247,000 ดอลลาร์สหรัฐ ตำรวจสิงคโปร์ รายงานสถิติช่วงเดือน ม.ค.-ก.ย. ว่า พวกเขาได้รับรายงานการหลอกหลวงว่าจับรางวัลได้ในเว็บไซต์ชอปปิงอย่างลาซาด้า และชอปปี 192 กรณี โดยผู้ที่เป็นเหยื่อถูกโกงไปอย่างน้อย 194,000 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่า ไม่ใช่การจับรางวัลที่ดำเนินการโดยลาซาด้า หรือชอปปี จริงๆ สำหรับคดีหลอกหลวงออนไลน์ทั้งหมด 278 กรณีที่เกิดขึ้นนั้น ตำรวจระบุว่า ทางฝ่ายการพาณิชย์และสำนักงานตำรวจ 7 แห่ง เข้าร่วมกันดำเนินการ ในช่วงวันที่ 29 ต.ค. และพฤหัสบดีที่ 14 พ.ย. ที่ผ่านมา โดยพบว่า ผู้หลอกหลวง 140 ราย เป็นชาย 80 […]

สำนักข่าวรอยเตอร์ส รายงานว่า เฟซบุ๊ก เผยแพร่รายงานเกี่ยวกับการกลั่นกรองเนื้อหาล่าสุด โดยระบุว่า เฟซบุ๊กได้ลบบัญชีปลอมออกไปถึง 3,200 ล้านบัญชี ในช่วงเดือน เม.ย.-ก.ย. ปีนี้ พร้อมทั้งลบการโพสต์ข้อความหลายล้านข้อความที่แสดงให้เห็นการทารุณกรรมเด็ก รวมถึงการฆ่าตัวตาย ทั้งนี้ พบว่า ในปีนี้มีจำนวนบัญชีปลอมที่เพิ่มขึ้นกว่า 2 เท่าเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ที่มีการลบบัญชีปลอมออกไป 1,550 ล้านบัญชี เฟซบุ๊กเพิ่งเปิดเผยเป็นครั้งแรกเกี่ยวกับการลบโพสต์ข้อความหลายๆ รายการออกไป จากแอปแบ่งปันภาพอย่างอินสตาแกรม ซึ่งขณะนี้ก็มีความกังวลที่มากขึ้นเกี่ยวกับการเผยแพร่ข่าวปลอม โดยฝ่ายวิจัยที่บิดเบือนข้อมูล ขณะที่การตรวจจับเนื้อหาความรุนแรงในเชิงรุก พบว่า บนอินสตาแกรมนั้นมีเนื้อหาประเภทนี้น้อยกว่า เฟซบุ๊ก โดยขณะนี้บริษัทได้ใส่เครื่องมือมากมายเข้าไปในช่องทางโซเชียลที่มี เพื่อกลั่นกรองเนื้อหา  ซึ่งก็พบว่า 98.5% ของเนื้อหาที่กลั่นกรองและลบออกไปบนเฟซบุ๊ก และ 92.2% ของเนื้อหาที่ลบไปบนอินสตาแกรม เป็นเนื้อหาเกี่ยวกับการก่อการร้าย นอกจากนี้ เฟซบุ๊กลบเนื้อหาไปมากกว่า 11.6 ล้านชิ้น เกี่ยวกับภาพเปลือยและการแสวงหาประโยชน์ทางเพศจากเด็ก รวมถึงลบเนื้อหาไป 754,000 ชิ้นบนอินสตาแกรม ในช่วงไตรมาส 3 เฟซบุ๊กยังรายงานเรื่องที่ดำเนินการกับเนื้อหาซึ่งเกี่ยวข้องกับการทำร้ายตัวเองเป็นครั้งแรก […]