สหรัฐฯ เล็งถอนบริษัทจีนหากไม่มีมาตรฐานทางบัญชีออกจากตลาดหุ้น ภายในปี 2021

สหรัฐฯ เล็งถอนบริษัทจีนหากไม่มีมาตรฐานทางบัญชีออกจากตลาดหุ้น ภายในปี 2021

รายงานข่าวจากรอยเตอร์ส ระบุว่า สตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ออกมาแสดงจุดยืนว่าสหรัฐฯ จะทำการเพิกถอนบริษัทจากจีนและประเทศอื่นๆ ออกจากตลาดหุ้นสหรัฐฯ กรณีไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานการบัญชีในสิ้นปี 2021 เขา มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐฯ เมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา หารือกับบริษัทของจีน เพื่อให้เป็นไปมาตรฐานเดียวกับบริษัทในสหรัฐฯ พร้อมขอให้จีนเจรจาอย่างตรงไปตรงมา “สำนักงาน ก.ล.ต. สหรัฐฯ จะนำข้อเสนอแนะไปพิจารณาในปลายปีหน้า บริษัททั้งหมดต้องปฏิบัติตามบัญชีเดียวกันไม่เช่นนั้นจะถูกเพิกถอนจากตลาดหุ้น” มนูชิน กล่าว ทั้งนี้ คำแนะนำดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของการผลักดันของฝ่ายบริหารของทรัมป์ในการแก้ไขสิ่งที่เรียกว่าความไม่สมดุลในความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ประเทศเศรษฐกิจยักษ์ใหญ่ที่สุดในโลก ความตึงเครียดระหว่าง 2 ประเทศลุกลามในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา จากการที่จีนจัดการกับการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในฮ่องกงและปัญหาสิทธิมนุษยชน

กองทุนเปิดบัวหลวงไฮยิลด์ (เฮดจ์ 75) ห้ามขายผู้ลงทุนรายย่อย (B-HY (H75) AI) และกองทุนเปิดบัวหลวงไฮยิลด์ (อันเฮดจ์) ห้ามขายผู้ลงทุนรายย่อย (B-HY (UH) AI)

กองทุนเปิดบัวหลวงไฮยิลด์ (เฮดจ์ 75) ห้ามขายผู้ลงทุนรายย่อย (B-HY (H75) AI) และกองทุนเปิดบัวหลวงไฮยิลด์ (อันเฮดจ์) ห้ามขายผู้ลงทุนรายย่อย (B-HY (UH) AI)

 Highlight: กองทุนหลักมีมุมมองต่อผลตอบแทนในเชิงเปรียบเทียบสำหรับระยะเวลา 12 เดือนถัดจากนี้ว่า ยูเอสไฮยิดล์มีความน่าสนใจกว่าเนื่องจากหุ้นสหรัฐฯ ที่มีระดับมูลค่าที่สูง ขณะที่พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ มีผลตอบแทนต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ Search for yield ยังดำเนินต่อไป เห็นได้จากปริมาณตราสารหนี้ออกใหม่ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2563 ที่สูงถึง 75% ของปริมาณตราสารหนี้ออกใหม่ในปีที่แล้ว แต่กลับได้รับความนิยม โดยมียอดจองซื้อที่สูงกว่ายอดเสนอขายประมาณ 2-3 เท่า ท่ามกลางสถานการณ์ COVID-19 ในสหรัฐฯ ยังไม่คลี่คลาย คาดการณ์ผลตอบแทนรวมสำหรับการลงทุนในตราสารหนี้ยูเอสไฮยิลด์จากนี้ถึงสิ้นปีในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ สำหรับกรณี Base case อยู่ในช่วง 6.00%-9.00% กองทุนหลักคาดการณ์อัตราการผิดนัดชำระหนี้ (Default rate) ในอีก 12 เดือนข้างหน้า จะอยู่ในช่วง 5.00%-8.00% จากระดับที่ตลาดมองไว้ที่ 5.00% ณ ปัจจุบัน หากสหรัฐฯต้องกับการล็อคดาวน์อีกครั้ง (เผชิญกับ Second wave) กองทุนหลักได้ทำการทดสอบภาวะวิกฤต (Stress test) […]

กองทุนเปิดบัวหลวงหุ้นโกลบอล (B-GLOBAL) และกองทุนเปิดบัวหลวงหุ้นโกลบอลเพื่อการเลี้ยงชีพ (B-GLOBALRMF)

กองทุนเปิดบัวหลวงหุ้นโกลบอล (B-GLOBAL) และกองทุนเปิดบัวหลวงหุ้นโกลบอลเพื่อการเลี้ยงชีพ (B-GLOBALRMF)

Highlight กองทุนหลักมองว่าไม่มีเหตุอันควรที่นักลงทุนจะปรับพอร์ตไปมาโดยคาดการณ์ถึงผลลัพธ์หลังการเลือกตั้งของสหรัฐฯ ควรให้ความสำคัญกับรายละเอียดของแต่ละบริษัทซึ่งมีลักษณะเฉพาะแตกต่างกัน โดยกองทุนหลักคัดเลือกหุ้นรายตัวทั่วโลกที่ตลาดให้ค่ากับผลตอบแทนเทียบเงินลงทุนที่ต่ำเกินไป กองทุนหลักยังคงให้น้ำหนักพอร์ตโฟลิโอกับหุ้นกลุ่มเฮลธ์แคร์ เทคโนโลยี และผู้ให้บริการด้านการสื่อสาร เนื่องจากเป็นกลุ่มที่ได้รับประโยชน์จาก New normal หลังการระบาดของ COVID-19 และลดน้ำหนักหุ้นกลุ่มอสังหาฯลง มองว่ามีบริษัทจีนที่น่าสนใจจำนวนมากที่มีศักยภาพเติบโตในระยะยาวโดยเฉพาะในตลาด A-Shares

กองทุนเปิดบัวหลวงโกลบอลเฮลธ์แคร์ (BCARE) และกองทุนเปิดบัวหลวงโกลบอลเฮลธ์แคร์เพื่อการเลี้ยงชีพ (BCARERMF)

กองทุนเปิดบัวหลวงโกลบอลเฮลธ์แคร์ (BCARE) และกองทุนเปิดบัวหลวงโกลบอลเฮลธ์แคร์เพื่อการเลี้ยงชีพ (BCARERMF)

ในช่วงครึ่งแรกของปี 2563 ธุรกิจโกลบอลเฮลธ์แคร์โดยเฉพาะกลุ่มไบโอเทคโนโลยี ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 ใน 3 ส่วนคือ 1. สถานการณ์โควิด-19 ทำให้แผนการทดลองยาทางคลีนิคและการอนุมัติให้ใช้ยาที่ว่านี้ถูกเลื่อนออกไป 2. ยอดขายยาและการเปิดตัวของยาใหม่ ก่อนเข้าสู่ตลาด ไม่ได้ร้อนแรงเท่ากับช่วงก่อนเกิดสถานการณ์โควิด-19 3. ดีลควบรวมกิจการของบริษัทยาลดลงเพราะข้อจำกัดของการเดินทางทางธุรกิจ (Business Travel) ผลกระทบ 3 ประการข้างต้นเป็นปัจจัยชั่วคราว ไม่ได้ส่งผลต่อศักยภาพการดำเนินธุรกิจของหุ้นในกลุ่มนี้ในระยะยาว หุ้นโกลบอลเฮลธ์แคร์เป็นกลุ่มที่มีนวัตกรรมทางเทคโนโลยีที่น่าสนใจและเหมาะสำหรับการลงทุนระยะยาวเนื่องจาก 1. เป็นอุตสาหกรรมที่กำลังก้าวเข้าสู่วัฏจักรของนวัตกรรมใหม่ (New Innovation Cycle) อันเป็นผลมาจากการศึกษาจีโนมมนุษย์ต่อเนื่องมายาวนานเกินกว่า 20 ปี จีโนมเป็นข้อมูลทางพันธุกรรมทั้งหมดที่จำเป็นในการสร้างและจำเป็นต่อการดำรงชีวิตอย่างปกติของมนุษย์ ข้อมูลนี้มีประโยชน์ตรงที่นำไปสู่การบำบัดด้วยยีน (Gene therapy) มีการนำยีนไปผลิตโปรตีนรักษาโรคเช่น โรคมะเร็ง บาดแผลเรื้อรังรักษาไม่หาย  และนำไปสู่วิธีการตรวจ การผลิตวัคซีนใหม่ๆ สำหรับโรคที่ไม่เคยรักษาได้มาก่อน เช่น 1.1 เทคนิคตรวจหามะเร็งระยะแรกจากเลือด (Liquid Biopsy) เทคโนโลยีใหม่ของการพยายามตรวจวินิจฉัยโรคจากตัวอย่างเลือดแทนการตรวจด้วยตัวอย่างชิ้นเนื้อเยื่อแบบเก่าเพื่อหาความผิดปกติที่บ่งชึ้ถีงโรคมะเร็ง 1.2 เทคนิคโปรตีโอมิกส์ (Proteomic […]

กองทุนเปิดบัวหลวงโกลบอลอินโนเวชั่นและเทคโนโลยี (B-INNOTECH) และกองทุนเปิดบัวหลวงโกลบอลอินโนเวชั่นและเทคโนโลยีเพื่อการเลี้ยงชีพ (B-INNOTECHRMF)

กองทุนเปิดบัวหลวงโกลบอลอินโนเวชั่นและเทคโนโลยี (B-INNOTECH) และกองทุนเปิดบัวหลวงโกลบอลอินโนเวชั่นและเทคโนโลยีเพื่อการเลี้ยงชีพ (B-INNOTECHRMF)

Highlight หุ้นกลุ่มโกลบอลเทคโนโลยีซึ่งพุ่งแรงในปีนี้ส่วนใหญ่กระจุกตัวอยู่ในหุ้นเติบโตที่มีมูลค่าตลาดขนาดใหญ่ โดย Fund Flow ที่เข้ามา ส่วนใหญ่เข้ามาซื้อกองทุนอีทีเอฟ เช่น อีทีเอฟที่มีธีมลงทุนในธุรกิจ Cloud และแรงซื้อจากนักลงทุนรายย่อย วัฎจักรสินค้าคงคลังของตลาดเซมิคอนดักเตอร์ประเภทหน่วยความจำ น่าจะถึงจุดต่ำสุดแล้ว อุปสงค์ของวัฏจักรเซมิคอนดักเตอร์จะเร่งตัวขึ้น ผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีของสหรัฐฯ ไม่มีนัยต่อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี Data center เป็นหัวใจของเศรษฐกิจดิจิทัล ด้วยข้อมูลที่มากขึ้นจากบริการ Cloud คาดว่าการลงทุนที่เพิ่มขึ้นระดับ 10-20% ต่อปีถัดจากนี้

ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 10 ส.ค. 2563 ปิดตลาดที่ 1,322.01 จุด ลดลง 2.39 จุด

ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 10 ส.ค. 2563 ปิดตลาดที่ 1,322.01 จุด ลดลง 2.39 จุด

ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 10 ส.ค. 2563 ปิดตลาดที่ 1,322.01 จุด ลดลง 2.39 จุด หรือ -0.18% โดยระหว่างวันสูงสุดที่ 1,330.17 จุด ต่ำสุดที่ 1,321.90 จุด มูลค่าการซื้อขาย 37,417.75 ล้านบาท หลักทรัพย์ที่มีการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับได้แก่ 1.CBG ปิดที่ 130.50 บาท เพิ่มขึ้น 4.50 บาท (+3.57%) มูลค่าการซื้อขาย 1,601.21 ลบ. 2.NER ปิดที่ 3.94 บาท เพิ่มขึ้น 0.44 บาท (+12.57%) มูลค่าการซื้อขาย 1,531.88 ลบ. 3.STA ปิดที่ 29.00 บาท เพิ่มขึ้น […]

กองทุนเปิดบัวหลวงหุ้นจีน (B-CHINE-EQ)

กองทุนเปิดบัวหลวงหุ้นจีน (B-CHINE-EQ)

Highlight ดัชนีบ่งชี้ทางเศรษฐกิจ อาทิ ยอดขายบ้านใน 30 เมืองหลัก ปริมาณการใช้ถ่านหินในการผลิตพลังงาน ระดับการจราจรใน 10 เมืองหลัก กลับมาอยู่ที่ระดับเดียวกันกับก่อนเกิดการระบาดของ COVID-19 ความขัดแย้งทางการค้าที่ตึงเครียดต่อเนื่องทำให้บริษัทจีนที่จดทะเบียนอยู่ในตลาดของสหรัฐฯ หันกลับมาจดทะเบียนในตลาดจีนและฮ่องกง เพราะต้องการลดความไม่แน่นอนของตัวเอง ซึ่งส่งผลดีเพราะเกือบทั้งหมดเป็นธุรกิจที่มีคุณภาพสูงซึ่งจะได้รับประโยชน์จากโครงสร้างระยะยาวที่เปลี่ยนแปลงไปของเศรษฐกิจจีน ระดับราคาหุ้น Valuation ถูกกว่าสหรัฐฯ เมื่อวัดจากอัตราส่วน Price-to-Earnings Ratio สิ้นปี 2563 ตลาดหุ้นจีน A-Shares ปัจจุบันซื้อขายต่ำกว่า (Discount) เมื่อเทียบกับตลาดหุ้นสหรัฐฯ (ดัชนี S&P 500) ที่ประมาณ -30% ในระยะสั้นยังต้องติดตามสัญญาณลดความร้อนแรงของราคาหุ้นจากการซื้อขายหลักทรัพย์ในบัญชีมาร์จิ้นของนักลงทุนรายย่อย

การจ้างงานนอกภาคเกษตร (Nonfarm Payrolls) สหรัฐฯ เดือน ก.ค. เพิ่มขึ้น 1.76 ล้านราย

การจ้างงานนอกภาคเกษตร (Nonfarm Payrolls) สหรัฐฯ เดือน ก.ค. เพิ่มขึ้น 1.76 ล้านราย

BF Economic Research การจ้างงานนอกภาคเกษตร (Nonfarm Payrolls) เดือน ก.ค. เพิ่มขึ้น 1.76 ล้านราย ดีกว่าที่ตลาดคาดที่ 1.48 ล้านราย ต่อเนื่องจากที่เพิ่มขึ้น 4.79 ล้านรายในเดือนก่อน สะท้อนการฟื้นตัวที่ดีขึ้นของตลาดแรงงาน การจ้างงานเพิ่มขึ้นในเกือบทุกหมวด โดยเฉพาะภาคบริการ (1.72 ล้านราย vs. 4.28 ล้านรายเดือนก่อน) ยังคงนำโดยกลุ่มที่ได้รับผลกระทบโดยตรงจาก COVID-19 ได้แก่ การโรงแรมและพักผ่อน (5.92 แสนราย) ค้าปลีก (2.58 แสนราย) การให้บริการด้านสุขภาพและความช่วยเหลือทางสังคม (1.91 แสนราย) และการให้บริการทางธุรกิจ (1.70 แสนราย) ส่วนภาคการผลิตเพิ่มขึ้นเล็กน้อย (3.9 หมื่นราย vs. 5.15 แสนรายเดือนก่อน) ทั้งในภาคอุตสาหกรรม (2.6 หมื่นราย) และภาคก่อสร้าง […]

การเช่าพื้นที่สำนักงานในเอเชียมีแนวโน้มลดลง หลังธุรกิจให้พนักงานทำงานจากที่บ้านมากขึ้น

การเช่าพื้นที่สำนักงานในเอเชียมีแนวโน้มลดลง หลังธุรกิจให้พนักงานทำงานจากที่บ้านมากขึ้น

ซีเอ็นบีซี รายงานว่า การทำงานจากที่บ้านกลายเป็นเรื่องปกติในช่วงที่โควิด-19 แพร่ระบาด และมอร์แกน สแตนลีย์ คาดการณ์ว่า จำนวนผู้เช่าสำนักงานทั่วเอเชียจะยอมทิ้งพื้นที่ 3-9% ของพื้นที่สำนักงานที่มีอยู่แล้ว ซึ่งก็จะส่งผลให้อัตราการเช่าลดลง 10-15% ใน 3 ปีข้างหน้า สำหรับผู้เช่ารายใหญ่จากอุตสาหกรรมการเงินและไอที ซึ่งก็มีการดำเนินงานแผนความต่อเนื่องทางธุรกิจหรือโครงสร้างพื้นฐานเพื่อการทำงานจากที่บ้าน คาดว่าจะยอมทิ้งพื้นที่สำนักงานมากขึ้น อยู่ที่ 10% ในช่วง 3 ปีข้างหน้า ซึ่งก็อาจจะมีผลกระทบต่อโครงการการเช่าพื้นที่ในช่วงเดือน มิ.ย. 2020-ธ.ค. 2022 ในรายงานประเมินผลกระทบที่พื้นที่สำนักงานให้เช่าหลักๆ จะได้รับจากการลดพื้นที่เช่า ได้แก่ สิงคโปร์ คาดว่าจะลดลง 10% ขณะที่ปัจจุบันลดไปแล้ว 3% จากสิ้นปีก่อน ส่วนโตเกียว จะลดลง 9% แต่จากข้อมูลพบว่า ปัจจุบันยังเพิ่มขึ้น 3% จากสิ้นปีก่อน ฮ่องกง จะลดลง 7% ปัจจุบันตัวเลขลดลง 13% จากสิ้นปีก่อน ส่วน […]

กองทุนบัวหลวงเชื่อมั่นการเติบโตของหุ้นจีนใน B-CHINE-EQ พร้อมแนะนำนักลงทุนควรเพิ่มน้ำหนักลงทุนในหุ้นจีนมากขึ้นในพอร์ตการลงทุน

กองทุนบัวหลวงเชื่อมั่นการเติบโตของหุ้นจีนใน B-CHINE-EQ พร้อมแนะนำนักลงทุนควรเพิ่มน้ำหนักลงทุนในหุ้นจีนมากขึ้นในพอร์ตการลงทุน

กองทุนบัวหลวงเชื่อมั่นในศักยภาพการเติบโตของหุ้นจีน ผ่านกองทุนเปิดบัวหลวงหุ้นจีน (B-CHINE-EQ) ซึ่งเป็นกองทุนหุ้นจีนที่มีความแตกต่างและโดดเด่นในตลาด โดยมีความยืดหยุ่นในการปรับเปลี่ยนน้ำหนักการลงทุนในกองทุนแม่ รวมทั้งยังลงทุนตรงได้บางส่วน พร้อมกันนี้ยังแนะนำนักลงทุนเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในกองทุนหุ้นจีนมากขึ้น  นายพีรพงศ์  จิระเสวีจินดา  ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร  บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม บัวหลวง จำกัด หรือ กองทุนบัวหลวง เปิดเผยว่า กองทุนบัวหลวงแนะนำให้นักลงทุนเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในกองทุนหุ้นจีนมากขึ้น เนื่องด้วยเล็งเห็นศักยภาพการเติบโตของบริษัทจดทะเบียนจีนในหลายอุตสาหกรรมสำหรับอนาคตระยะยาว “ตลาดหุ้นจีนน่าสนใจที่จะลงทุน เนื่องจากจีนจะมีขนาดเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในโลกภายใน 10 ปีข้างหน้า หรือปี 2573 ตามการคาดการณ์ของอลิอันซ์ โกลบอล อินเวสเตอร์ (Allianz Global Investors หรือ AGI) อันจะเป็นโอกาสการลงทุนที่สำคัญสำหรับนักลงทุน โดยในขณะนี้ ตลาดหุ้นจีนมีหุ้นในหลายอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพการเติบโตสูง เช่น บริษัทที่เกี่ยวข้องกับการบริโภค บริษัทที่ผลิตชิ้นส่วนอุปกรณ์เทคโนโลยีด้าน 5G/Internet of Things ซึ่งรัฐบาลจีนมีนโยบายส่งเสริมอย่างมาก หรือ วัตถุดิบตั้งต้นที่ใช้เป็นส่วนประกอบในการผลิตยาและวัคซีน เป็นต้น ซึ่งธุรกิจเหล่านี้ส่วนใหญ่จดทะเบียนในตลาด A-shares ในขณะที่อัตราส่วนราคาต่อกำไรต่อหุ้น (P/E Ratio) […]