อังกฤษหนุนใช้รถพลังงานสะอาด เตรียมเปิดตัวทะเบียนสีเขียวมอบสิทธิพิเศษกระตุ้นคนใช้มากขึ้น
ซีเอ็นบีซี รายงานว่า อังกฤษ เร่งเปิดตัวแผ่นป้ายทะเบียนสีเขียวสำหรับยานพาหนะที่ปล่อยมลพิษเท่ากับศูนย์ (Zero-Emissions Vehicle : ZEV) เพื่อกระตุ้นให้เกิดการใข้งานมากขึ้น แผ่นป้ายทะเบียนสีเขียวที่ระบุว่าเป็นยานพาหนะไฟฟ้าจะเปิดตัวในฤดูใบไม้ร่วงปีนี้ โดยผู้ร่างกฎหมายพยายามส่งเสริมให้ผู้ขับขี่ลดและเลิกใช้น้ำมันเบนซินและดีเซล รัฐบาลอังกฤษ เผยว่า แผ่นป้ายทะเบียนใหม่ที่เรียกว่า “กรีนแฟลช” จะเป็นสัญลักษณ์อยู่ทางซ้ายมือของป้าย โดยจะอนุญาตให้ใช้เฉพาะยานพาหนะที่มลพิษเป็นศูนย์เท่านั้น แนวคิดนี้ต้องการให้ยานพาหนะประเภทนี้มองเห็นได้ง่ายขึ้นเมื่ออยู่บนท้องถนน รัฐบาล กล่าวว่า สิ่งนี้จะช่วยเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นสามารออกแบบและวางนโยบายใหม่เพื่อกระตุ้นให้ประชาชนเป็นเจ้าของและขับเคลื่อนยานยนต์ประเภทดังกล่าวมากขึ้น เช่น ลดค่าที่จอดรถให้ถูกกว่าและการเปิดให้เข้าพื้นที่ปลอดมลภาวะได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย เป็นต้น Grant Shapps เลขานุการการขนส่ง กล่าวในแถลงการณ์ว่า การฟื้นฟูเป็นกุญแจสำคัญในการช่วยให้อังกฤษ บรรลุข้อผูกพันคาร์บอน ขณะที่ยังส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจอีกด้วย
ดัชนีหุ้นไทย 18 มิ.ย. 2563 ปิดตลาด 1,372.98 จุด ลดลง 3.20 จุด
ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 18 มิ.ย. 2563 ปิดตลาดที่ 1,372.98 จุด ลดลง 3.20 จุด หรือ -0.23% โดยระหว่างวันสูงสุดที่1,377.39 จุด ต่ำสุดที่ 1,358.11 จุด มูลค่าการซื้อขาย 70,282.43 ล้านบาท หลักทรัพย์ที่มีการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับได้แก่ 1.SUPER ปิดที่ 1.00 บาท ลดลง 0.01 บาท (-0.99%) มูลค่าการซื้อขาย 3,282.55 ลบ. 2.AOT ปิดที่ 61.75 บาท ลดลง 1.50 บาท (-2.37%) มูลค่าการซื้อขาย 2,985.80 ลบ. 3.KBANK ปิดที่ 97.75 บาท ลดลง 2.00 บาท (+2.01%) มูลค่าการซื้อขาย 2,608.65 ลบ. 4.SAWAD ปิดที่ 57.50 บาท ลดลง 1.50 บาท (-2.54%) มูลค่าการซื้อขาย 2,043.59 ลบ. 5.CPF ปิดที่ 32.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.75 บาท (+2.40%) มูลค่าการซื้อขาย 2,003.77 ลบ.
จีนเตรียมปรับปรุงสุขอนามัยในตลาดหลังพบการระบาดรอบใหม่ในปักกิ่ง
สำนักข่าวรอยเตอร์ส รายงานว่า ผู้นำระดับสูงในพรรคคอมมิวนิสต์ของจีน ออกมาระบุว่า มาตรฐานสุขอนามัยที่ต่ำในตลาดค้าส่งอาหารของจีน และความเปราะบางของห่วงโซ่อุปทานอาหาร จะต้องได้รับการปรับปรุงอย่างเร่งด่วนหลังจากมีการแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ในปักกิ่ง การกลับมาของโควิด-19 ในเมืองหลวงของจีนเมื่อช่วงสัปดาห์ก่อน ส่งผลให้มีผู้ติดเชื้อมากกว่า 100 คน และเพิ่มความกลัวว่าจะมีการระบาดในวงกว้างระลอกใหม่ โดยทั้งหมดนี้เชื่อมโยงกับศูนย์อาหารขนาดใหญ่ของเมืองอย่างซินฟาตี้ ผู้นำระดับสูงในพรรคคอมมิวนิสต์ของจีน ระบุว่า การระบาดรอบนี้เน้นย้ำให้เห็นถึงความจำเป็นเร่งด่วนในการปรับปรุงมาตรฐานด้านสุขอนามัยและลดความเสี่ยงด้านสุขภาพในตลาด “การแพร่ระบาดเป็นเหมือนกระจกเงา ที่ไม่ได้เพียงสะท้อนความสกปรกและความยุ่งเหยิงของตลาดค้าส่งแต่ยังเผยให้เห็นถึงสภาพการจัดการในระดับที่ต่ำด้วย” คณะกรรมาธิการกลางการตรวจสอบวินัย (CCDI) กล่าวในรายงานที่เผยแพร่บนเว็บไซต์ของพวกเขา ตลาดอาหารที่มีกิ่งก้านสาขามากในจีนกลายเป็นแหล่งเพาะพันธุ์สำหรับโควิด-19 โดยปัจุบันมีผู้ติดเชื้อแล้วมากกว่า 8 ล้านคนทั่วโลก โดยการระบาดครั้งแรกที่ติดตามได้มาจากตลาดอาหารทะเลหัวหนานในอู่ฮั่น ซึ่งเชื่อว่ามีการขายค้างคาวและสัตว์ป่าอื่นๆ ด้วย ในรายงานของ CCDI ยังระบุด้วยว่า ตลาดส่วนใหญ่ในจีนสร้างมา 20-30 ปีแล้ว ระบบการระบายน้ำและการบำบัดน้ำเสียจึงไม่ค่อยได้รับการพัฒนา An Yufa ผู้เชี่ยวชาญ มหาวิทยาลัยการเกษตรจีน ถูกอ้างถึงในรายงานฉบับดังกล่าวว่า ตลาดต้องปฏิบัติตามหลักปฏิบัติสากลและนำระบบการติดตามแหล่งกำเนิดมาใช้ ร่วมกับการจัดเก็บเอกสารเกี่ยวกับการจัดเก็บ การขนส่ง และการขาย
หรือว่าปู่วอร์เรน บัฟเฟตต์จะสิ้นมนต์ขลังเสียแล้ว?
โดย ทนง ขันทอง เริ่มที่จะมีคนตั้งคำถามมากขึ้นว่าคุณปู่วอร์เรน บัฟเฟตต์สิ้นมนต์ขลังในการลงทุนไปแล้วหรือยังไง หลังจากที่ Berkshire Hathaway มีการประชุมผู้ถือหุ้นที่ผลออกมาไม่เป็นที่น่าพอใจ และบัฟเฟตต์ประกาศว่า บริษัทขาดทุนสุทธิเกือบ 50,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในไตรมาสแรกของปี 2020 จากพิษของโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจโดยรวม Berkshire Hathaway นั่งทับเงินสดมากถึง 130,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ทำให้หลายคนสงสัยว่า บัฟเฟตต์กำลังคิดอะไรอยู่ เพราะว่ามีโอกาสที่ Berkshire Hathaway จะพลาดขบวนรถไฟจากการทำแรลลี่ของตลาดตั้งแต่ช่วงปลายเดือน มี.ค. ที่ผ่านมา ที่ได้รับแรงหนุนจากสภาพคล่องมหาศาลของธนาคารกลางสหรัฐฯ รวมทั้งความคาดหวังในมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจกว่า 2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐของรัฐบาลทรัมป์ โกลด์แมน แซคส์ ออกรายงานว่า ในช่วงที่ตลาดทำแรลลี่ปรากฎว่า นักลงทุนรายย่อยกระโจนเข้าตลาดหุ้นอย่างไม่ลังเลใจ ทำให้สามารถทำกำไรได้มากกว่านักลงทุนมืออาชีพที่เป็นสถาบัน รวมท้ังเฮดจ์ฟันด์เสียอีก เมื่อเก็บเงินสดเอาไว้เฉยๆ ไม่ลงทุนอะไรมาก จึงมีโอกาสที่ Berkshire Hathaway จะมีผลประกอบการที่ต่ำกว่าดัชนี S&P 500โดยเฉลี่ยในปี […]
ดัชนีหุ้นไทย 17 มิ.ย. 63 ปิดตลาด 1,376.18 จุด เพิ่มขึ้น 9.05 จุด
ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 17 มิ.ย. 2563 ปิดตลาดที่ 1,376.18 จุด เพิ่มขึ้น 9.05 จุด หรือ +0.66% โดยระหว่างวันสูงสุดที่1,381.00 จุด ต่ำสุดที่ 1,358.27 จุด มูลค่าการซื้อขาย 71,555.79 ล้านบาท หลักทรัพย์ที่มีการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับได้แก่ 1.MINT ปิดที่ 23.10 บาท เพิ่มขึ้น 1.20 บาท (+5.48%) มูลค่าการซื้อขาย 4,110.08 ลบ. 2.PTT ปิดที่ 38.00 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง มูลค่าการซื้อขาย 2,915.07 ลบ. 3.STA ปิดที่ 29.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.75 บาท (+6.42%) มูลค่าการซื้อขาย 2,799.39 ลบ. 4.KTC ปิดที่ 31.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท (+3.33%) มูลค่าการซื้อขาย 2,750.53 ลบ. 5.PTTEP ปิดที่ 93.75 บาท ลดลง 0.25 บาท (-0.27%) มูลค่าการซื้อขาย 2,287.45 ลบ.
ทฤษฎีการเงินสมัยใหม่เป็นเหล้าเก่าในขวดใหม่?
โดย ทนง ขันทอง ทฤษฎีทางเศรษฐศาสตร์ที่ได้รับการกล่าวขวัญมากที่สุดในเวลานี้ คือ ทฤษฎีการเงินสมัยใหม่ (Modern Monetary Theory) ที่ได้รับการวิพากษ์วิจารณ์จากผู้ที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วยอย่างกว้างขวาง สเตฟานี เคลตัน (Stephanie Kelton) นักเศรษฐศาสตร์ชาวอเมริกัน และเป็นอาจารย์ที่มหาวิทยาลัย Stony Brook University เป็นหนึ่งในผู้นำแนวความคิดทฤษฎีการเงินสมัยใหม่ที่ฉีกตำราเศรษฐศาสตร์ดั้งเดิม เธอเพิ่งจะตีพิมพ์หนังสือเล่มใหม่ ชื่อว่า “The Deficit Myth: Modern Monetary Theory and the Birth of the People’s Economy” เพื่อสนับสนุนให้รัฐบาลแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจผ่านการพิมพ์เงินโดยไม่ต้องยับยั้งชั่งใจมาก เพื่อรองรับการขาดดุลทางการคลัง เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ หรือให้เกิดการจ้างงานอย่างเต็มอัตรา ทฤษฎีการเงินสมัยใหม่เชื่อว่าประเทศที่มีอำนาจอธิปไตย ไม่ว่าจะเป็นสหรัฐอเมริกา อังกฤษ ญี่ปุ่น หรือแคนาดา ไม่มีข้อจำกัดในเรื่องรายได้ของรัฐบาล เมื่อมีความจำเป็นที่ต้องใช้จ่ายเงินงบประมาณแผ่นดิน เนื่องจากมีแท่นพิมพ์เงิน หรือมีปุ๋มกดเพื่อสร้างเงินอิเล็กทรอนิกส์ของตัวเอง จึงสามารถพิมพ์เงินมาใช้จ่ายโดยไม่มีข้อจำกัด ตามที่ยึดถือปฏิบัติกันมา […]
สหรัฐฯ ออกกฎใหม่ให้บริษัทอเมริกันร่วมงานกับหัวเว่ยพัฒนาระบบ 5G และมาตรฐานอื่นได้
รายงานข่าวจากรอยเตอร์ส เผยว่า กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ได้ประกาศกฎเกณฑ์ใหม่ที่จะอนุญาตให้บริษัทสหรัฐฯ สามารถร่วมงานกับบริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี ของจีนได้ ในการพัฒนามาตรฐานเครือข่ายสื่อสารไร้สายระบบ 5G และเทคโนโลยีที่ก้าวล้ำอื่นๆ แม้ยังคงมีข้อจำกัดในการทำธุรกิจกับหัวเว่ยก็ตาม กฎเกณฑ์ดังกล่าวได้รับการอนุมัติ และส่งให้กับหน่วยงานของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ Federal Register ในการเผยแพร่กฎเกณฑ์ดังกล่าว โดยได้โพสต์ลงบนเว็บไซต์เมื่อวันอังคารที่ผ่านมาตามเวลาของสหรัฐฯ และเผยแพร่อย่างเป็นทางการพุธ สำหรับ กฎเกณฑ์ใหม่ที่ออกมา จะแก้ไขข้อกำหนดเกี่ยวกับการขึ้นบัญชีดำหัวเว่ยในรายการ “entity listing” ซึ่งจำกัดการขายสินค้าและเทคโนโลยีของสหรัฐฯ ให้กับหัวเว่ย ที่สหรัฐฯ ได้ขึ้นบัญชีดำหัวเว่ยเมื่อเดือน พ.ค. 2019 จากความวิตกกังวลด้านความมั่นคงของชาติ ซึ่งการขึ้นบัญชีดำหัวเว่ยนั้นส่งผลกระทบต่อการกำหนดมาตรฐานระบบ 5G ทั้งนี้ การแก้ไขกฎดังกล่าวจะอนุญาตให้หัวเว่ยและบริษัทในเครือของหัวเว่ยสามารถใช้เทคโนโลยีบางอย่างของสหรัฐฯ ได้ หากช่วยในการปรับปรุง หรือพัฒนามาตรฐานของระบบ 5G ในองค์กรกำหนดมาตรฐาน นอกจากนี้ กฎเกณฑ์ใหม่ระบุด้วยว่า หัวเว่ยและบริษัทในเครือต่างประเทศ 114 แห่งที่ถูกขึ้นบัญชีดำ จะยังคงสามารถเข้าร่วมงานในองค์กรมาตรฐานระหว่างประเทศที่สำคัญจำนวนมากซึ่งมีบริษัทของสหรัฐฯ เข้าร่วมด้วย
หุ้นไทยวันที่ 16 มิ.ย. 2563 ปิดตลาดที่ 1,367.13 จุด เพิ่มขึ้น 25.14 จุด
ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 16 มิ.ย. 2563 ปิดตลาดที่ 1,367.13 จุด เพิ่มขึ้น 25.14 จุด หรือ 1.87% โดยระหว่างวันสูงสุดที่1,376.99 จุด ต่ำสุดที่ 1,362.38 จุด มูลค่าการซื้อขาย 68,455.64 ล้านบาท หลักทรัพย์ที่มีการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับได้แก่ 1.SUPER ปิดที่ 0.93 บาท ลดลง -0.10 บาท มูลค่าการซื้อขาย 4,205.78 ลบ. 2.KTC ปิดที่ 30.00 บาท ลดลง -3.50 บาท มูลค่าการซื้อขาย 3,701.91 ลบ. 3.PTTEP ปิดที่ 94.00 บาท เพิ่มขึ้น 7.00 บาท […]
แอปเปิ้ลเผยปี 2019 ผู้บริโภคและนักโฆษณาใช้จ่ายผ่านแอปกว่า 5 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ
ซีเอ็นบีซี รายงานว่า แอปเปิ้ลเปิดเผยผลการศึกษาข้อมูลออกมาเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาว่า แอปสโตร์ ซึ่งเป็นแหล่งรวมแอปพลิเคชันในระบบปฏิบัติการ iOS มียอดการใช้จ่ายประมาณ 519,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2019 โดยบริษัท อะนาลิส กรุ๊ป เป็นผู้ศึกษาเรื่องนี้ครอบคลุมธุรกรรมทั้งหมดที่ทำผ่านแอปเปิ้ล เช่น การจ่ายเงินซื้อแอป และการซื้อที่เกิดขึ้นในแอป การซื้อและกิจกรรมเศรษฐกิจอื่นๆ ที่ทำผ่านแอปในไอโฟนและไอแพด ที่แอปเปิ้ลไม่ได้เกี่ยวข้องโดยตรง เช่น การขายโฆษณาในแอป โดยยอดใช้จ่ายที่ประเมิน รวมแอปค้าปลีกออนไลน์ เช่น ทาร์เก็ต และเบสท์ บาย การจองเดินทางผ่าน เอ็กซ์พีเดีย และยูไนเต็ด บริการขับขี่ผ่าน ลิฟท์ และอูเบอร์ แต่ไม่รวมรายได้จากแอปของแอปเปิ้ล เช่น แอปเปิ้ล มิวสิค การประกาศนี้เกิดขึ้นเพียงสัปดาห์หลังจากแอปเปิ้ลจัดประชุมนักพัฒนาประจำปี ซึ่งเป็นช่วงที่มีการเผยโฉมล่าสุดของระบบปฏิบัติการและชักชวนผู้ผลิตซอฟต์แวร์ให้มาใช้งานฟีเจอร์ใหม่ สนับสนุนแพลตฟอร์มของแอปเปิ้ลอย่างต่อเนื่อง โดยวันจันทร์ที่ผ่านมา มีการประกาศยอดใช้จ่ายผ่านแอปเพื่อให้เห็นภาพการทำเงินผ่านแอปในไอโฟนและไอแพด โดยยอดใช้จ่าย 519,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ที่เกิดขึ้นผ่านแอปในไอโฟนและไอแพดปีที่ผ่านมานั้น มาจากการซื้อสินค้าและบริการที่จับต้องได้ 413,000 […]
B-FUTURE BBASIC BF Knowledge Center
ลงทุนอะไร? หลังผ่อนคลายล็อกดาวน์โควิด-19
โดย พริ้มพัชร จิรบวรพงศา AFPTTM กองทุนบัวหลวง ในช่วงนี้สถานการณ์โควิด-19 เริ่มควบคุมได้ดีขึ้น โดยผ่อนคลายล็อกดาวน์ระยะที่ 4 เพื่อให้กิจการและกิจกรรมต่างๆ สามารถกลับมาดำเนินธุรกิจได้อีกครั้ง สำหรับนักลงทุนที่มีความพร้อมก็คงมีคำถามว่า ควรเลือกลงทุนอะไรดีถึงจะเหมาะสม? ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจก่อนว่า แม้สถานการณ์ในปัจจุบันจะเริ่มดีขึ้น ทำให้หลายๆ กิจการกลับมาดำเนินธุรกิจได้อีกครั้ง โดยต้องปรับรูปแบบการดำเนินธุรกิจให้เข้ากับวิถีชีวิตปกติใหม่ หรือที่เรียกว่า New Normal ซึ่งการปรับตัวนี้ก็อาจส่งผลกระทบกับบางธุรกิจได้เช่นกัน แต่อย่างไรก็ตาม มีธุรกิจหนึ่งที่มักผ่านพ้นไปได้ในทุกสถานการณ์นั่นคือ ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการอุปโภคบริโภคพื้นฐาน จากข้อมูลการจ้างงานของธุรกิจที่มีการจดทะเบียนคาดการณ์ว่า ธุรกิจที่จะสามารถกลับมาจ้างงานอีกครั้งและฟื้นตัวได้เป็น V-Shape ภายใน 3 เดือน สูงที่สุดก็คือ สินค้าอุปโภคบริโภคทั้งขายปลีกและขายส่ง ส่วนธุรกิจด้านการบริการ ธุรกิจด้านอาหารและเครื่องดื่ม คาดว่าจะฟื้นตัวแบบ U-Shape คือใช้ระยะเวลาประมาณ 3-6 เดือน สำหรับประเทศไทย ดังนั้น สำหรับนักลงทุนที่สนใจลงทุนในหุ้นไทยก็สามารถเลือกลงทุนหุ้นกลุ่มนี้ หรือเลือกลงทุนผ่านกองทุนเปิดบัวหลวงปัจจัย 4 (B-BASIC) ที่เน้นลงทุนในหุ้นของบริษัทที่มีปัจจัยพื้นฐานดี และ ทำธุรกิจเกี่ยวข้องกับปัจจัย 4 […]