อินโดนีเซียขึ้นแท่นผู้นำตลาดทุนที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
รายงานข่าวจากบลูมเบิร์ก ระบุว่า อินโดนีเซียขึ้นแท่นเป็นประเทศที่มีตลาดทุนที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แล้ว หลังมีมูลค่าตามราคาตลาด (มาร์เก็ต แคป) เพิ่มขึ้นสูงถึง 5.29 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ สำหรับปัจจัยสำคัญที่ทำให้มาร์เก็ต แคป ของอินโดนีเซียเพิ่มขึ้นนั้น มาจากการที่ประธานาธิบดี โจโค วิโดโด ของอินโดนีเซีย ได้เริ่มต้นโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน รวมถึงการใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ที่หันมาใช้ทรัพยากรภายในประเทศมากขึ้น แทนที่การนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศ ซึ่งทำให้มูลค่าทางการตลาดของอินโดนีเซียเพิ่มขึ้นในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา ปัจจุบัน มาร์เก็ต แคป ของอินโดนีเซียนำหน้าไทยที่ทรุดตัวลงจากค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น และการคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจ โดยดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย SET Index กลายเป็นดัชนีอ้างอิงเดียวในภูมิภาคที่ปรับลดลงในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา ขณะที่ Composite Index ปรับเพิ่มขึ้น 5.5% ในรูปเงินดอลลาร์สหรัฐ Vincent Mortier รองประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุนของ Amundi Asset Management เผยว่า นี่นับเป็นโอกาสที่ยิ่งใหญ่ของอินโดนีเซียในการกระตุ้นเศรษฐกิจ และสาเหตุที่เขาให้คะแนนอินโดนีเซียสูงขึ้น เนื่องจากอินโดนีเซียมีการเติบโตทางเศรษฐกิจที่สูงขึ้น
เจาะภารกิจตลาดหลักทรัพย์ฯ เปิด ‘SET Investment Center’ ในภูมิภาค ให้เรียนรู้เรื่องลงทุนได้เอง
“ความรู้” คือ หัวใจสำคัญที่จะทำให้คนไทยเข้าถึงเครื่องมือทางการเงินมากขึ้น เพราะที่ผ่านมา เรามักจะได้ยินบ่อยครั้งว่า สาเหตุหนึ่งที่คนไม่ลงทุน ก็เพราะไม่มีความรู้ ความเข้าใจ จึงไม่กล้าเริ่มต้น ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในฐานะหน่วยงานที่มีความสำคัญในตลาดทุน ก็ให้ความสำคัญกับการให้ความรู้อย่างมาก ทั้งยังเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงผลักดันให้บริษัทหลักทรัพย์ รวมถึงบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ร่วมให้ความรู้กับประชาชนด้วย สำหรับ กองทุนบัวหลวง นับเป็นองค์กรหนึ่งของภาคตลาดทุน ที่เดินหน้าให้ความรู้ด้านวางแผนการเงิน และการลงทุนกับประชาชนอย่างเต็มที่ สอดคล้องกับแนวทางของตลาดหลักทรัพย์ฯ อีกทั้งให้ความสำคัญที่จะให้ทีมงานกองทุนบัวหลวงเดินสายไปจัดกิจกรรม “เปิดโลกลงทุนกับกองทุนบัวหลวง” และในการจัดกิจกรรม ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี ช่วงปลายปีที่ผ่านมา ทีมงานมีโอกาสพบกับ ดร.กฤษฎา เสกตระกูล รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานพัฒนาความรู้ตลาดทุน ตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่เดินทางไปเปิด ‘Set Investment Center (SET IC)’ หรือ ศูนย์เรียนรู้การลงทุนขึ้นอีกแห่งที่นั่น จึงใช้โอกาสนี้ สัมภาษณ์ถึงแนวทางในการให้ความรู้ของตลาดหลักทรัพย์ฯ ดร.กฤษฎา กล่าวว่า การเปิดศูนย์เรียนรู้การลงทุน หรือ SET IC เป็นความตั้งใจของตลาดหลักทรัพย์ […]
Update สถานการณ์ทางการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน (16 ม.ค.)
BF Economic Research ภายหลังจากเมื่อวานนี้ที่ทางการสหรัฐฯ ได้ออกมาเผยว่าจะไม่มีการเจรจาทางการค้ารอบ 2 (Phase-2 Deal) จนกว่าจะเลือกตั้ง ในวันนี้ (เวลาท้องถิ่น 11:30 น.ของวันที่ 15 ม.ค.) สหรัฐฯ และจีน ก็ได้ลงนามในข้อตกลงการค้าเฟสแรกแล้ว โดยประธานาธิบดี ทรัมป์ ได้จัดพิธีลงนามดังกล่าวที่ทำเนียบขาว และได้เชิญกลุ่มนักธุรกิจของสหรัฐฯ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ของจีนและสหรัฐฯเข้าร่วมในพิธีด้วย จากข้อตกลงการค้าเฟสแรกซึ่งมีจำนวน 86 หน้า โดยสรุปแล้ว สหรัฐฯ จะปรับลดภาษีลงครึ่งหนึ่งจากอัตรา 15% ที่เรียกเก็บจากสินค้านำเข้าจากจีนวงเงิน 2 แสนล้านดอลลาร์ฯ และชะลอการเก็บภาษีเพิ่มเติม สหรัฐฯ จะยังคงตรึงอัตราภาษีสินค้านำเข้าจากจีนราว 2 ใน 3 คิดเป็นมูลค่าราว 3.6 แสนล้านดอลลาร์ฯ จนกว่าจะผ่านพ้นการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในเดือนพ.ย. และจะพิจารณาปรับลดอัตราภาษีก็ต่อเมื่อสหรัฐฯและจีนมีการลงนามในข้อตกลงการค้าเฟสสอง จีนจะเพิ่มการนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ เป็นจำนวนมูลค่าประมาณ 200,000 ล้านดอลลาร์ฯ ภายในระยะเวลา […]
ใครได้ ใครเสีย ในข้อตกลงการค้าจีนและสหรัฐฯ
สหรัฐฯ และจีนลงนามในข้อตกลงการค้าเฟสแรกที่ทำเนียบขาว ในวันที่ 15 ม.ค. ที่ผ่านมา เป็นที่น่าสังเกตว่า ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ไม่ได้เดินทางมาร่วมลงนามด้วยตัวเอง แต่ให้นายหลิว เหอ รองนายกรัฐมนตรี เป็นตัวแทนจีนลงนามในข้อตกลงการค้าแทน ส่วนฝ่ายสหรัฐฯ ทรัมป์ เป็นผู้ลงนามเอง ภาพที่ปรากฎทำให้ตีความเป็นอย่างอื่นไม่ได้ว่า จีนไม่ได้ให้ความสำคัญกับข้อตกลงการค้าที่ตกลงกันแบบครึ่งๆ กลางๆ กับสหรัฐฯ ในขณะที่ทรัมป์ต้องการได้ข้อตกลงการค้านี้มากกว่าฝ่ายจีน เพื่อเอาไปโชว์ให้คนอเมริกันเห็นในฤดูหาเสียงการเลือกตั้งประธานาธิบดีว่า เขาสามารถบีบจีนให้บรรลุข้อตกลงการค้าได้ ถึงแม้ว่าจะเป็นข้อตกลงที่ไม่สมบูรณ์ก็ตาม ด้วยเหตุนี้ ทรัมป์จึงยอมลดตัวเองลง เพื่อลงนามในข้อตกลงการค้าเฟสแรกกับตัวแทนฝ่ายจีน ที่มีตำแหน่งเพียงระดับรองนายกรัฐมนตรีเท่านั้น และเป็นที่ปรึกษาทางเศรษฐกิจให้กับประธานาธิบดีสี ในข้อตกลงเฟสแรกนี้ จีนตกลงที่จะเพิ่มการซื้อสิ้นค้าและบริการจากสหรัฐฯ และจะเปิดกว้างตลาดการเงิน และตลาดรถยนต์ของจีน แต่ทุกประเทศจะได้ประโยชน์หมดจากนโยบายนี้ ทำให้จีนสามารถอ้างได้ว่า ไม่ได้เปิดตลาดตามแรงกดดันของสหรัฐฯ ส่วนสหรัฐฯ จะไม่เก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนอีก แต่จะยังคงภาษีที่เรียกเก็บก่อนหน้านี้ส่วนมาก โดยเนื้อหาหลักแล้ว จีนให้คำมั่นว่าจะซื้อสินค้าและบริการจากสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 200,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากปี 2017 ภายในระยะเวลา 2 […]
ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 15 ม.ค. 63 ปิดตลาดที่ 1,581.05 จุด ลดลง 5.85 จุด
ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 15 ม.ค. 2563 ปิดตลาดที่ 1,581.05 จุด ลดลง 5.85 จุด หรือ -0.37% ระหว่างวันสูงสุดที่ 1,587.77 จุด ต่ำสุดที่ 1,575.98 จุด มูลค่าการซื้อขาย 65,404.07 ล้านบาท หลักทรัพย์ที่มีการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับได้แก่ 1.GPSC ปิดที่ 92.00 บาท ลดลง -4.75 บาท มูลค่าการซื้อขาย 6,626.12 ลบ. 2.BAM ปิดที่ 24.10 บาท เพิ่มขึ้น 1.30 บาท มูลค่าการซื้อขาย 5,988.08 ลบ. 3.GULF ปิดที่ 191.00 บาท ลดลง -4.00 […]
Update สถานการณ์ทางการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน (15 ม.ค.)
BF Economic Research สหรัฐฯ ประกาศจะไม่ปรับลดภาษีนำเข้าแก่จีน ภายใน 10 เดือนหลังการลงนามในข้อตกลงการค้าระยะที่หนึ่งในวันนี้ ขณะที่การเจรจาในระยะต่อไปจะขึ้นอยู่กับการปฏิบัติตามข้อตกลงของจีนเป็นหลัก นาย Robert Lighthizer, U.S. Trade Representative และนาย Steven Mnuchin, Treasury Secretary ได้ออกมายืนยันว่า ณ ขณะนี้ยังไม่มีข้อตกลง ไม่ว่าจะเป็นลายลักษณ์อักษรหรือด้วยวาจา เกี่ยวกับการพิจารณาปรับลดภาษีนำเข้ามากกว่าที่ได้เคยประกาศไปก่อนหน้านี้ ที่ได้ยกเลิกแผนการขึ้นภาษีในสินค้าหมวดอุปโภคบริโภค และลดภาษีนำเข้ากับสินค้ารวม 120 พันล้านดอลลาร์ฯ ซึ่งประกาศไปในเดือน ธ.ค. 2019 เท่ากับว่า ณ ขณะนี้ การตกลงทางการค้าจะอยู่ที่ Phase-1 Deal กล่าวคือ 1) สหรัฐฯจะลดอัตราภาษีลงเป็น 7.5% จากปัจจุบันที่ 15.0% กับสินค้านำเข้าจากจีนมูลค่า 1.12 แสนล้านดอลลาร์ฯ ที่มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย. […]
ต้อนรับปีหนูทองกับกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
โดย…อรพรรณ บัวประชุม CFP® ผู้เชี่ยวชาญด้านการวางแผนทางการเงิน BF Knowledge Center เริ่มต้นนักษัตรใหม่ ในปี 2020 เป็นปีแห่งการเปลี่ยนแปลงและท้าทาย ปีแห่งความกระตือรือร้น และมุมานะ หลายสิ่งหลายอย่างมีการเปลี่ยนแปลงใหม่ ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องการทำงานที่มีการนำปัญญาประดิษฐ์มาใช้มากขึ้น จนคนทำงานต้องปรับตัวกันอย่างรวดเร็ว หรือแม้แต่บางอาชีพที่เคยเป็นอาชีพที่มั่นคง ก็ถูก Disrupt ไปเช่นกัน แต่สิ่งเหล่านี้มาเกี่ยวกับกองทุนสำรองเลี้ยงชีพได้อย่างไรนั้น เราต้องลองมาพิจารณากันค่ะ พิจารณาเงินสะสมในกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ เริ่มต้นปีมา ถือเป็นโอกาสเหมาะในการตั้งเป้าหมายให้กับตัวเอง โดยเฉพาะการตั้งเป้าหมายเกษียณผ่านกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ เนื่องจาก มีหลากหลายนโยบายให้เลือกลงทุน รวมถึงมี Employee’s Choice ที่พนักงานอย่างเราสามารถเลือกลงทุนในนโยบายที่โดนใจได้ เนื่องจากการลงทุนในกองทุนสำรองเลี้ยงชีพนั้น เป็นการลงทุนระยะยาว (โดยเฉพาะคนที่ยังมีเวลาทำงานอีกยาว) ดังนั้น การเลือกนโยบายลงทุนจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพราะหากใจไม่กล้าเสี่ยง ไม่กล้าลงทุน ลงทุนในสัดส่วนน้อยๆ เพียง 2-3% และยังลงทุนเฉพาะในกองทุนที่มีนโยบายลงทุนแค่เพียงตราสารหนี้แล้ว โอกาสที่เงินจะงอกเงยได้มากนั้นคงเป็นไปได้ยาก ดังนั้น ควรลองพิจารณาถึงระยะเวลาคงเหลือในการลงทุน ความสามารถในการยอมรับความเสี่ยง รวมถึงโอกาสในการได้รับผลตอบแทนด้วย ควรใส่เงินสะสมเท่าไหร่ดี ยิ่งสะสมมากยิ่งดี เพราะท้ายที่สุดแล้วเงินก้อนนี้ก็เป็นเงินให้ตัวเราใช้ในยามเกษียณ […]
อังกฤษเผยยอดลงทุนในกลุ่มเทคโนโลยีปีที่ผ่านมาพุ่งขึ้นถึง 44% คิดเป็น 1 ใน 3 ของทั้งยุโรป
สำนักข่าวรอยเตอร์ส รายงานว่า สภาเศรษฐกิจดิจิทัลของรัฐบาลอังกฤษ ออกมาเปิดเผยข้อมูลว่า ปีที่ผ่านมามีการลงทุนในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีในอังกฤษ มูลค่า 13,200 ล้านปอนด์ เพิ่มขึ้นถึง 44% จากปีก่อนหน้า หรือคิดเป็น 1 ใน 3 ของการลงทุนในยุโรป และมากกว่าการลงทุนในฝรั่งเศสและเยอรมนีรวมกัน ทั้งนี้ Tech Nation และ Dealroom.co นำเสนอในบทวิจัยว่า การลงทุนเทคโนโลยีในอังกฤษ ตามหลังเพียงแค่สหรัฐอเมริกาและจีน ในเชิงระดับการระดมทุน แต่มองเห็นการเติบโตที่แข็งแกร่งท่ามกลางคู่แข่งทั้งสองรายที่เริ่มเห็นการระดมทุนลดลง เมื่อพิจารณาในระดับเมืองแล้ว พบว่า การลงทุนในลอนดอน ร่วมกับพื้นที่อ่าวของซานฟรานซิสโก ปักกิ่ง และนิวยอร์ก ขึ้นแท่นทำเลที่ระดมทุนได้มากที่สุดในโลก Matt Warman รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลของอังกฤษ ระบุว่า เป็นเรื่องน่าอัศจรรย์มากที่อังกฤษเป็นสถานที่ที่ดีที่สุดในยุโรปในการเริ่มต้นหรือเติบโตในธุรกิจเทคโนโลยี ด้วยตัวเลขการลงทุนที่ทำลายสถิติ และสามารถสร้างบริษัทมูลค่าเกิน 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐได้ถึง 8 แห่งในปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามระหว่างที่ประเทศกำลังมีจุดยืนที่ดีในกลุ่มเทคโนโลยี ก็ยังไม่สามารถวางใจได้ โดยเราต้องทำให้แน่ใจว่านโยบายของรัฐบาลสนับสนุนอุตสาหกรรมนี้ “เพื่อให้เข้าถึงบุคลากรที่มีความสามารถ เราจะต้องมีนโยบายการเข้าเมืองที่แตกต่างออกไปในปีที่จะมาถึง […]
แบล็คร็อคปรับนโยบายการลงทุนเน้นความยั่งยืน หรือ ESG
แบล็คร็อค บริษัทจัดการกองทุนรวมที่ใหญ่ที่สุดในโลกมีนโยบายยกเครื่องยุทธศาสตร์การลงทุน ด้วยการหันมาเน้นการลงทุนในบริษัทหรือกิจการที่เน้นความยั่งยืน นายลาร์รี่ ฟิงค์ ซีอีโอของแบล็คร็อค ซึ่งมีทรัพย์สินภายใต้การบริหาร 7 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ได้เขียนจดหมายประจำปีถึงผู้บริหารของบริษัทว่า กำลังมีการเปลี่ยนในเชิงปัจจัยพื้นฐานทางด้านการเงิน โดยที่การเปลี่ยนแปลงด้านภูมิอากาศกำลังจะกลายเป็นปัจจัยที่สำคัญที่กำหนดอนาคตระยะยาวของบริษัทต่างๆ เขาบอกว่า ยุทธศาสตร์การลงทุนที่เน้นความยั่งยืน มีเหตุมีผลไม่เพียงแค่ในแง่มุมทางสังคม แต่ครอบคลุมถึงเรื่องเศรษฐกิจด้วย การเปลี่ยนแปลงทางภูมิอากาศสร้างความเสี่ยงในระยะยาว และบริษัทต่างๆ ไม่สามารถเพิกเฉยต่อความเสี่ยงนี้อีกต่อไป แบล็คร็อค มีแผนที่จะเปิดตัวกองทุน ทั้งประเภทแอคทีฟ และพาสซีฟ ที่เน้นการลงทุนในบริษัทที่ทำธุรกิจแบบยั่งยืน คำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมเป็นสำคัญ ในทางปฏิบัติ แบล็คร็อคอาจจะมีปัญหาบ้างในการเน้นการลงทุนแบบยั่งยืน เพราะว่าแบล็คร็อคมีกองทุนภายใต้การบริหารที่มีขนาดใหญ่มหึมา ทำให้มีข้อจำกัดในการเลือกการลงทุน นอกจากนี้แบล็คร็อคยังมีกองทุนพาสซีฟที่ลงทุนแบบเกาะดัชนีตลาดหุ้น S&P 500 ทำให้เป็นการยากที่จะขายหุ้นของบริษัทที่ทำธุรกิจที่อาจจะไม่เน้นความยั่งยืน ครั้งนี้ ไม่ใช้เป็นครั้งแรกที่ นายฟิงค์ เรียกร้องให้ฝ่ายบริหารบริษัทแบล็คร็อคให้คำนึงถึงเรื่องความเปลี่ยนแปลงทางภูมิอากาศและการลงทุนแบบยั่งยืน ในปี 2018 เขาบอกว่า บริษัทต้องเน้นเรื่องอื่นบ้างไม่ใช่มุ่งหาเงินอย่างเดียว และในปี 2019 เขาส่งสัญญานว่า บริษัทต่างๆ ต้องมีจุดยืนที่ชัดเจนด้านสังคม ในปีนี้ นายฟิงค์ ต้องการเน้นการลงทุนแบบยั่งยืนให้มีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น ด้วยการเตรียมการออกกองทุนใหม่ๆ […]
ดัชนีหุ้นไทย 14 ม.ค. 63 ปิดตลาดที่ 1,586.90 จุด เพิ่มขึ้น 0.74 จุด
ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 14 ม.ค. 2562 ปิดตลาดที่ 1,586.90 จุด เพิ่มขึ้น 0.74 จุด หรือ 0.05% ระหว่างวันสูงสุดที่ 1,592.84 จุด ต่ำสุดที่ 1,579.83 จุด มูลค่าการซื้อขาย 60,302.81 ล้านบาท หลักทรัพย์ที่มีการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับได้แก่ 1.GULF ปิดที่ 195.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.50 บาท มูลค่าการซื้อขาย 3,069.51 ลบ. 2.GPSC ปิดที่ 96.75 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท มูลค่าการซื้อขาย 2,597.73 ลบ. 3.AOT ปิดที่ 75.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.75 […]